ครูบาอาจารย์ สถาบันการศึกษาก็โคตรโกง

ครูบาอาจารย์ สถาบันการศึกษาก็โคตรโกง

คอลัมน์ สยามประเทศไทย
โดย สุจิตต์ วงษ์เทศวันที่ 07 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11441 มติชนรายวัน

84.5 % มองว่าทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องปกติธรรมดาในการทำธุรกิจ

51.2 % ยอมรับรัฐบาลทุจริตคอร์รัปชั่น เพราะทุกรัฐบาลมีการทุจริตคอร์รัปชั่น

ถ้าทุจริตแล้วทำให้ประเทศรุ่งเรือง ประชาชนกินดีอยู่ดี ก็เป็นเรื่องที่ยอมรับได้

ที่ยกมา (ในล้อมกรอบ) นี้ เป็นผลสำรวจของเอแบคโพลล์ พิมพ์ในโพสต์ ทูเดย์ (ฉบับวันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน 2552 หน้า A5)

ทรรศนะอย่างนี้เคยมีมาแล้วตั้งแต่ช่วง พ.ศ.2500 เมื่อสหรัฐให้เงินช่วยเหลือพัฒนาชนบทเป็นดอลลาร์จำนวนมาก แต่ถูกระบบราชการเบียดบังทุจริตคอร์รัปชั่นระหว่างทางจากเมืองหลวงไปชนบทจำนวนมากกว่าครึ่งเป็นที่รับรู้กัน เลยมีคนพูดให้แซ่ดทั่วประเทศว่า

“ถ้าราชการมันแดกสัก 50% ก็ยังดี ยังมีเหลือไปพัฒนาชนบทบ้าง แค่นี้บ้านเมืองเจริญแล้ว แต่นี่มันแดกเกิน 50% เลยไม่เหลือถึงชนบท?คิดแล้วเซ็งชิบเป๋ง”
ทุจริตคอร์รัปชั่นทุกวันนี้ ไม่ได้มีแต่ในระบบราชการและนักธุรกิจการเมือง หากมีทั่วไปในหมู่ครูบาอาจารย์ในสถาบันระดับอุดมศึกษา ดังมีรายละเอียดอยู่ในบทความเรื่อง “ความชั่วร้ายที่จำเป็น” ในแวดวงการศึกษาไทย โดย สุรพศ ทวีศักดิ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ศูนย์หัวหิน (พิมพ์ในมติชน ฉบับวันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน 2552 หน้า 5) มีสาระสำคัญจะยกมาให้อ่านอย่างน่าทุเรศเวทนา ดังนี้

“ผู้บริหารสถานศึกษาบางแห่ง เรียนต่อปริญญาโท ปริญญาเอก แต่จ้างคนอื่นหรือจ้างลูกน้อง (ด้วยเงินบ้าง ด้วยการให้ 2 ขั้นบ้าง) ทำงานส่งอาจารย์ทำวิจัย หรือทำวิทยานิพนธ์แทน

อาจารย์มหาวิทยาลัยหากินกับการรับจ้างทำวิจัยกับหน่วยงานราชการและเอกชน โดยมีการวางเครือข่ายเส้นสายจ่ายเบี้ยบ้ายรายทางให้กับบุคลากรภายในหน่วยงานนั้นๆ เพื่อให้ได้งบฯวิจัยก้อนโต

จ้างคนอื่นทำผลงานทางวิชาการ เช่น ทำครู ค.ศ.3, ครู ค.ศ.4 ทำ ผศ. รศ. วิ่งเต้นจ่ายเงินแก่กรรมการตรวจผลงานทางวิชาการ, ซื้อตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน, ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา, ทุจริตคอร์รัปชั่น ตั้งแต่โกงตำราเรียน นมโรงเรียน งบฯก่อสร้าง ฯลฯ

ในแวดวงการศึกษาต่างเคยได้ยินได้ฟังตรรกะที่สนับสนุนว่าความชั่วร้ายเหล่านั้นเป็นเรื่องปกติหรือเป็นสิ่งที่ทำหรือจำเป็นต้องทำ เช่น

เรื่องแบบนี้ใครๆ เขาก็ทำกัน ถ้าไม่ทำก็ไม่ทันกิน เรียนจบไปแล้วสิ่งที่คนรับรู้คือคุณจบปริญญาอะไร ไม่มีใครสนหรอกว่าคุณเรียนจบอย่างมีคุณภาพแค่ไหน คุณภาพ อุดมการณ์ กินได้ที่ไหนเล่า แต่ถ้ามีตำแหน่งทางวิชาการ เช่น ผศ., รศ., ศ. (หรือ ดร.) นำหน้าชื่อ หรือมีตำแหน่งผู้บริหาร มันกินไม่ได้ มันมีเกียรติที่จับต้องได้ ฯลฯ

ดังนั้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายคือ ให้ได้อะไรที่มันกินได้ เกียรติที่จับต้องได้ จะใช้วิธีการอย่างไรก็ได้

วัฒนธรรมทางความคิดหรือวิธีคิดดังกล่าว ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “ความชั่วร้ายที่จำเป็น” ในแวดวงการศึกษาของบ้านเรา?

นี่คือสภาพสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ ครูบาอาจารย์เหล่านี้มีพวกจบการศึกษาเป็น ดร. จากต่างประเทศรวมด้วย และไม่ควรละเว้นว่าหญิงหรือชาย ล้วนวางใจไม่ได้

สถาบันบางแห่งบริหารจัดการแบบใหม่ สร้างภาพ “ผู้ดี” แต่ทำไม่รู้ไม่ชี้กับทุจริตคอร์รัปชั่นภายใน รวมทั้งจ้างบุคลากรไร้คุณภาพไว้เต็มสถาบัน ลอกงานฝรั่งแปลเป็นไทยแล้วใส่ชื่อตน นี่ต้องถือเป็นทุจริตคอร์รัปชั่นเชิงนโยบายด้วย

“ฉิบหายนะ” แน่ๆ ถ้าบ้านเมืองแก้ปัญหานี้ไม่ได้ เพราะครูบาอาจารย์ในสถาบันต่างๆพากันโกงเองหรือมีส่วนเกี่ยวข้องสนับสนุนให้โกง นับเป็นโคตรโกง

Add a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *