รู้จักใช้ : ตอน ใช้จ่ายอย่างไรให้ไม่จน

ทุกวันนี้สังคมเรายังไม่ค่อยมีการปลูกฝังเรื่องการใช้จ่าย หามาได้เท่าไรก็ใช้ไปจนหมด และที่ยิ่งแย่หนักใช้จ่ายเกินรายได้ที่หามาได้ ทำให้คนเราทุกวันนี้มีหนี้ติดตัวตลอดเวลา และเดี๋ยวนี้สถาบันการเงินทั้งหลายมีแข่งขันให้กู้เงินกันอย่างง่ายดาย หากคุณมีการงาน มีรายได้ประจำ การกู้ก็จะผ่านง่ายขึ้น และที่หนักเลยสำหรับพนักงานประจำ บุคคลกิตติมศักดิ์ของสถานบันการเงินที่อนุมัติให้ทำบัตรเครดิต บัตรเดบิต บัตรกดเงินสด บัตร…อื่นๆ อีกมากมายได้อย่างง่ายดาย และพร้อมให้คุณเอาเงินอนาคตมาใช้ซะวันนี้ (ส่วนอนาคตก็เป็นเรื่องของอนาคตไป มีใช้พอมั้ยไม่ต้องคิด) ทั้งยังไม่มีการการจำกัดวงเงินรวมของบัตรเครดิตทั้งหมดซะอีก บางคนสมัครบัตรเครดิตร่วม 20 ใบ วงเงินรวมหลักแสน-ล้าน มากกว่าเงินประจำหลักสิบเท่า แล้วก็ใช้จ่ายแบบผ่อนขั้นต่ำไป เต็มวงเงินบัตรก็เปลี่ยนใบใช้ได้อีก ใช้ง่ายจนลืมตัวไปว่าเมื่อถึงเวลาชำระจะเอาที่ไหนมาจ่าย

เพราะฉะนั้นหากเราอยากหลุดพ้นจากวังวน การผ่อนชำระขั้นต่ำ การกดเงินจากบัตรโน้นมาปิดบัตรนี้ การกู้ยืมนอกระบบเข้ามาอุด มีข้อแนะนำที่รู้ๆกันอยู่ครับ

1. ใช้จ่ายให้น้อยกว่ารายรับ

สมมติว่ามีรายได้ 20,000 บาท เป็นหนี้ 300,000 บาท ถ้าเรากำหนดผ่อนเดือนละ 5,000 บาท โดยที่ใช้จ่ายในวงเงิน 15,000 ก็จะหมดหนี้ภายใน 5 ปี ถ้าต้องการหมดเร็วขึ้นก็ผ่อนเยอะขึ้น แต่ที่สำคัญอย่าใช้เกินรายรับ

2. วางแผนการใช้จ่าย

จากข้อ 1. ถ้าเราเหลือเงินใช้จ่ายเดือนละ 15,000 เราต้องมาวางแผนกันว่าสิ่งที่จำเป็นต้องใช้มีอะไรบ้าง ดังตัวอย่าง

  • ค่าเดินทางไปทำงาน
  • มอเตอร์ไซต์รับจ้างไป-กลับ 40 บาท รถตู้หรือรถไฟฟ้าไปกลับ 80 บาท = 120 บาท/วัน ทำงาน 20 วัน คิดเป็น 2,400 บาท/เดือน

  • ค่ากินใช้รายเดือน
  • มื้อละ 50 บาท 3 มื้อ = 150 บาท/วัน คิดเป็น 4,500 บาท/เดือน

  • ค่าน้ำ/ค่าไฟ
  • ใช้ประหยัดๆ น้ำเดือนละ 100 บาท ไฟเดือนละ 1,000 บาท = 1,100 บาท/เดือน

  • ค่าโทรศัพท์มือถือ+Net
  • แนะนำเปลี่ยนมาใช้แบบเติมเงิน สมมติตั้งวงเงินเดือนละ 400 บาท + Net 199 บาท รวม 600 บาท/เดือน

  • ค่าของใช้รายเดือน
  • ของจุกจิกทั้งหลายตั้งงบไว้เดือนละ 2,000 – 3,000 บาท

  • ทดแทนคุณพ่อแม่
  • เงินน้อยก็ให้น้อย เริ่มที่ 1,000 บาท

    รวม 2,400 + 4,500 + 1,100 + 600 + 3,000 + 1,000 = 12,600 บาท/เดือน

    ยังเหลือเงินอีก 15,000 – 12,600 = 2,400 บาท ซึ่งเราสามารถเก็บออมไว้เผื่อบางเดือนใช้จ่ายเกินงบ หรือบางเดือนอยากไปสังสรรบ้าง
    เก็บได้เดือนละ 2,400 ปีนึงก็ได้ 28,800 บาท ถ้าเราจะเอาไปโปะหนี้ 20,000 อีก 8,800 เอาไปใช้ให้รางวัลกับชีวิตก็ได้ครับ

3. มีวินัยในการใช้จ่าย

จากข้อ 1. การผ่อนชำระเพื่อให้หลุดหนี้ต้องใช้ระยะเวลานาน ทุกคนย่อมเกิดความอึดอัดที่ถูกจำกัดการใช้จ่าย ยิ่งเป็นคนชอบช้อบปิ้ง ชอบเที่ยวแล้ว จะเป็นความทรมานมาก เพราะฉะนั้นจำเป็นต้องมีวินัยอย่างมาก

4. หารายได้เสริม

ความอึดอัดทั้งหลายจะลดลง ถ้าเราพอมีเวลาไปหารายได้เสริมเพิ่มเข้ามา ซึ่งเราจะได้ใช้หนี้ได้มากขึ้น รวมถึงมีเงินใช้ต่อเดือนให้มากขึ้นด้วย ในส่วนนี้เองที่จะทำให้เราภูมิใจในตัวเองมากขึ้น เพราะเราต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัวดูว่า เราจะหาเงินเพิ่มจากทางไหนได้บ้าง

ตัวอย่างเช่น

  • ค้าขาย
  • บางคนชอบสังคม ชอบพูดคุย ชอบแฟชั่น ก็อาจไปเปิดขายเสื้อผ้า รองเท้า อื่นๆได้ ที่เห็นบ่อยๆแถว จตุจักร ประตูน้ำ สนามหลวง เป็นต้น การค้าขายก็อยู่ที่ความชอบส่วนบุคคลว่าเรามีความรู้ความสนใจทางด้านไหน เพราะลูกค้ามักจะชอบสอบถาม ถ้าเราสนใจและรู้จักในตัวสินค้าของเราดี จะยิ่งทำให้ลูกค้ามั่นใจในการซื้อของได้มากขึ้น

  • รับจ้าง
  • บางคนทำงานด้านเทคนิค เช่น งานคอมพิวเตอร์ งานซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้า งานซ่อมบำรุง งานออกแบบ งานจัดบูทออกงาน เป็นต้น เราก็ไปรับงานตามความถนัดของเราเอง โดยช่องทางง่ายๆ โพสตามเว็บบอร์ดบนอินเตอร์เน็ต (เช่น pantip.com, sanook.com, kapook.com, etc.) , ดูตามป้ายรับจ้างในเส้นทางที่เราไปได้, ขึ้นป้ายหน้าบ้านหรือสถานที่ที่โฆษณาได้ฟรี เป็นต้น

  • บริการ
  • บางคนมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี อาจไปรับงานเสริมเป็นพนักงานต้อนรับ พนักงานเสริฟร์อาหาร พนักงานแจกใบโฆษณา เป็นต้นได้

    อื่นๆ เท่าที่เราสามารถทำได้ ก็จะทำให้เราหมดหนี้ได้เร็วขึ้น และเมื่อหมดหนี้ไปแล้ว ก็เพียงแค่กลับมาข้อ 1 ใหม่ ถ้าทำข้อ 1 ได้เราก็จะไม่มีหนี้เพิ่มได้

Add a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *