สามหญิง

สามหญิง
บ้านเขาเมืองเรา : ดร.ไสว บุญมา กรุงเทพธุรกิจ วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2548
ในช่วงนี้มักมีการอ้างถึง “นายหญิง” เสมอ แต่ไม่มีใครฟันธงลงไปว่าเธอเป็นใคร ในบริบทของการอ้างถึง เธอน่าจะเป็นภรรยา ของผู้มีอำนาจบริหารบ้านเมืองระดับสูงมาก นอกจากจะมีอิทธิพลต่อการทำงานของสามีแล้ว เธอยังดูจะมีอิทธิพลต่อเหตุการณ์บ้านเมืองโดยทั่วไปอีกด้วย ทุกครั้งที่สื่ออ้างถึงนายหญิง ผมมักนึกถึงสามหญิง ซึ่งผมเรียนรู้จากการเฝ้าดูความเป็นไปในสามประเทศ จึงขอนำมาเล่าคร่าวๆ สู่กันวันนี้เผื่อบางทีมันจะสะกิดใจคนไทยบ้าง
คนที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดได้แก่ อีวา เปรอง ภรรยาสาวคราวลูกของประธานาธิบดี ฮวน เปรอง แห่งอาร์เจนตินา ผู้เข้ารับตำแหน่งครั้งแรกเมื่อปี 2489 และถูกปฏิวัติเมื่อปี 2498 หลังอาร์เจนตินาล้มละลายเพราะนโยบายประชานิยม
อีวา เป็นเด็กในครอบครัวชนบทยากจน เธอมีความทะเยอทะยานสูง เมื่อแตกเนื้อสาวเธอจึงเข้าเมืองเพื่อไปแสวงหาอนาคต ความกล้า ความสามารถ และความสวยช่วยเธอให้ได้เป็นดาราละครวิทยุและดาราหนังสมความตั้งใจ แม้เธอจะต้องใช้ความสวย และความสาวเข้าแลกบ้างเป็นครั้งคราวก็ตาม การคบหากับนักการเมืองรุ่นพ่อ ก็มีที่มาจากความกล้า และความสวยของเธอ
ต่อมา ฮวน เปรอง ต้องหย่าภรรยาคนแรกเมื่อทนความออดอ้อนของเธอไม่ไหวและได้เธอเป็นภรรยา อีวามีสัญชาตญาณในด้านการเมือง เธอจึงเป็นฟันเฟืองสำคัญในด้านการงานของเขา
อีวา ซึ่งมักเป็นที่รู้จักตามชื่อเล่นของเธอว่า Evita มีบทบาทสูงมากในการดำเนินนโยบายประชานิยมแบบสุดโต่งของสามี โครงการอันโด่งดังของเธอได้แก่การตั้งมูลนิธิขึ้น เพื่อแจกจ่ายของและเงินให้คนจน เงินที่แจกนั้นได้มาจากงบประมาณของรัฐบ้าง และจากการรีดไถบ้าง เพราะบริษัทห้างร้านที่ต้องการความรุ่งเรืองมักต้องนำเงินมาบริจาคให้มูลนิธิของเธอ ภายในเวลาไม่นาน เธอจึงกลายเป็นแม่เทพธิดาของชาวอาร์เจนตินาที่ยากจน แต่พร้อมกันนั้นก็เป็นทรชนสำหรับคนที่ต้องการทำมาหากินอย่างสุจริต
ในด้านส่วนตัว อีวา ใช้เงินจำนวนมหาศาลเพื่อเสาะหาความหรูหราฟุ้งเฟ้อ เธอประดับประดาตัวด้วยเสื้อผ้า และอาภรราคาแพงจนโลกแฟชั่นชั้นนำยังต้องมองด้วยความอิจฉา เวลาเธอเดินทางไปต่างประเทศ สัมภาระของเธอเต็มหลายคันรถ
แน่ละ เงินที่เธอนำมาซื้อของจำพวกฟุ่มเฟือยนั้น ส่วนมากได้มาจากความฉ้อฉล เธอเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตอนอายุ 33 ปี ในขณะที่เธอกำลังมีชื่อเสียงกระฉ่อนโลก ทว่าไม่นานหลังจากนั้นอาร์เจนตินาต้องล้มละลายกลายเป็นประเทศพัฒนาถอยหลัง เรื่องราวของเธอถูกนำมาสร้างเป็นหนัง 2 ครั้ง และเป็นละครเพลงอันโด่งดังชื่อ Evita โดยนักประพันธ์เพลงชั้นแนวหน้าแอนดรู ลอยด์ เวบเบอร์ มาดอนนา แสดงเป็น Evita ในการทำหนังครั้งล่าสุดเมื่อปี 2539
ผู้ตั้งหน้าตั้งตาเลียนแบบ อีวา เปรอง แทบทุกกระเบียดนิ้วคนหนึ่งได้แก่ อีเมลดา มาร์คอส อดีตนางงาม และภรรยาของประธานาธิบดีเฟอร์ดินันด์ มาร์คอส แห่งฟิลิปปินส์ (2508-2529) คนไทยอาจยังจำอีเมลดาได้ดี เพราะหลังจากถูกประชาชนขับไล่ออกจากประเทศ เมื่อปี 2529 การสอบสวนความฉ้อฉลพบว่า เธอมีรองเท้ากว่า 3,000 คู่ แต่นั่นเป็นเพียงส่วนน้อยเมื่อเทียบกับเงินเป็นหลักหมื่นล้านบาทที่เธอ และสามีปล้นชาติแล้วนำไปเก็บไว้ในธนาคารต่างประเทศ
สิ่งที่คนไทยอาจไม่รู้แต่สร้างความประทับใจให้ผมคือ วิธีแก้ปัญหาของอีเมลดา ซึ่งผมนำมาเล่าไว้ใน เนชั่นสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 515 (เมษายน 2545) และพิมพ์ซ้ำในหนังสือชื่อ บ้านนอก-เมืองนอก (เนชั่นบุ๊คส์, 2545)
ขอนำมาเล่าสั้นๆ ว่า อีเมลดามิได้เป็นสตรีหมายเลข 1 เพียงอย่างเดียว เธอดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีด้านที่อยู่อาศัย และนายกเทศมนตรีของกรุงมะนิลาด้วย ฉะนั้นเธอมีหน้าที่ตระเตรียมกรุงมะนิลา เพื่อต้อนรับผู้จะไปประชุมประจำปี ของธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ซึ่งจะจัดขึ้นที่นั่นเมื่อปี 2519
เนื่องจากกรุงมะนิลามีแหล่งเสื่อมโทรมจำนวนมาก อีเมลดาจึงหาทางขจัดแหล่งเหล่านั้นเพื่อมิให้เป็นที่ขายหน้าแขกเมือง เธอมีวิธีแยบยลแต่ได้ผลที่สุดคือ การสร้างกำแพงสังกะสีล้อมแหล่งเสื่อมโทรมอย่างมิดชิดแล้วติดป้ายด้วยตัวหนังสือตัวโป้งๆ ตรงประตูทางเข้าว่า “ศูนย์สันทนาการ” !
ตามที่เราทราบกันดีความฉ้อฉลของอีเมลดา และสามีทำให้ประชาชนทนไม่ไหวต้องลุกฮือขึ้นขับไล่พวกเขาลงจากเก้าอี้เมื่อปี 2529 แต่นั่นดูจะสายเกินไปเสียแล้วเพราะความฉ้อฉลของคนสองคนนั้น ทำให้ฟิลิปปินส์ต้องล้มลุกคลุกคลานมาจนทุกวันนี้ และมีสมญาอันน่าสลดใจว่า คนป่วยแห่งเอเชีย (Sick Man of Asia)
อาร์เจนตินาและฟิลิปปินส์ต้องล้มลุกคลุกคลานเพราะฝีมือของสตรีและสามีผู้ฉ้อฉล แต่นั่นยังไม่ร้ายเท่ากับประธานาธิบดี และสตรีหมายเลข 1 ซึ่งทำให้เฮติล่มสลายในระดับที่ฝรั่งเรียกว่า Failed State อยู่ในปัจจุบัน
นั่นคือ เศรษฐกิจล้มละลาย สถาบันทางสังคมล่มสลายและไม่มีใครสามารถบริหารประเทศได้ทำให้สหรัฐ ต้องส่งเข้าไปควบคุม
ญอง คลอด ดูวาว์เย เป็นประธานาธิบดีของเฮติต่อจากพ่อของเขาเมื่อปี 2514 และมีภรรยาสาวสวยชื่อ มิเชล พอเข้าไปอยู่ในทำเนียบประธานาธิบดี มิเชลก็เริ่มเลียนแบบอีวาเกือบทุกอย่างรวมทั้งความหรูหราฟุ้งเฟ้อ สัญลักษณ์ของความหรูหราอันน่าละอายที่สุดได้แก่ การซื้อเสื้อขนสัตว์ราคาแสนแพง เพื่อแต่งตัวเอง และเพื่อแจกจ่ายให้เพื่อนที่เธอเชิญมาในงานราตรี
เนื่องจากเฮติเป็นเมืองร้อนทำให้เธอและเพื่อนสาวเหล่านั้นสวมเสื้อขนสัตว์ไม่ได้ เธอจึงให้รัฐติดตั้งเครื่องทำความเย็น เพื่อปรับอากาศลงจนหนาวสมใจ การกระทำของเธอทำให้ชาวเฮติซึ่งส่วนมากยากจนทนไม่ไหว จึงพากันลุกฮือขึ้นขับไล่เธอ และสามีเมื่อปี 2529
หากเมืองไทยมีนายหญิงจริงดังสื่ออ้าง คนไทยจะปล่อยให้เธอกับสามีทำลายเมืองไทยคล้ายสามหญิงซึ่งผมกล่าวถึงหรือ? ไม่กลัวว่าถ้าขืนรอไปนานๆ เธออาจทำให้เมืองไทยล้มลุกคลุกคลานเช่นเดียวกับอาร์เจนตินาและฟิลิปปินส์ หรือร้ายกว่านั้นเธออาจทำให้เมืองไทยล่มสลายคล้ายเฮติบ้างหรือ? หากเมืองไทยประสบชะตากรรมดังในสามประเทศนั้น ในวันหนึ่งข้างหน้าละก็ อย่าหาว่าไม่มีใครเตือนนะครับ

Add a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *