Work like a pro : มิตรหรือศัตรู อยู่ที่การแสดงออกของเรา
|Work like a pro : มิตรหรือศัตรู อยู่ที่การแสดงออกของเรา
เชื่อว่าทุกคนคงจะต้องได้เคยประสบพบกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่ทำให้เราต้องแสดงออกถึงความคิด คำพูด สีหน้าท่าทาง และการกระทำ ทั้งที่ทำไปโดยเจตนาและมีบ้างที่พลั้งเผลอ ถ้าการแสดงออกนั้นเป็นเรื่องที่ดี ก็ถือว่าได้แต้มบวกจากคนรอบข้าง แต่ถ้าแสดงออกแบบไม่เกรงใจใครจนทำให้คนอื่นเดือดร้อน ก็จะได้แต้มลบไปในทันทีเช่นกัน ลองคิดคำนวณดูว่าวันหนึ่งเราทำเรื่องดีที่พามิตรเข้าหา เทียบกับเรื่องไม่ดีที่พาศัตรูมาให้มากน้อยต่างกันอย่างไร
แบบฝึกหัดอย่างง่ายๆ ที่อยากให้ทุกคนลองทำเพื่อเปลี่ยนความคิด การกระทำ และคำพูดให้เป็นมืออาชีพ ลองเปลี่ยนประโยคแรก (ที่มองโลกในแง่ลบ) ให้เป็นประโยคที่สอง (มองโลกในแง่บวก) รับรองว่าคุณจะเปลี่ยนแปลงไปในสายตาคนรอบข้างอย่างทันที ยิ่งเรามีข้อที่จะต้องปฏิบัติมากเท่าใด ความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ก็จะเกิดมากขึ้นเท่านั้น ขอเอาใจช่วยครับ
พูดให้ผู้อื่นดูแย่ – “แผนกนั้นทำงานโครงการนี้ช้ามาก ไม่เสร็จตามกำหนด MD ต้องให้แผนกเราลงไปช่วย”
พูดให้เกียรติผู้อื่น – “MD ขอความร่วมมือให้แผนกเราช่วยแผนกนั้นทำงานโครงการนี้ นับว่าเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้ลองทำอะไรใหม่ๆ บ้าง”
คิดแต่แก้ไข – “ไม่เป็นไร ถ้าเกิดอะไรขึ้นค่อยหาทางออก ปัญหายังไม่เกิดไม่ต้องคิดมาก”
คิดป้องกัน – “ดิฉันคิดเผื่อไว้แล้วค่ะว่า ถ้าเกิดกรณีเช่นนี้ขึ้นจะทำอย่างไร ไม่ต้องห่วงสบายใจได้”
รับแต่ชอบ – “ผมมอบหมายให้คุณสมคิดรับผิดชอบเรื่องนี้ไปแล้ว ถ้ามีข้อผิดพลาดอะไรคุณไปบอกเขาโดยตรงแล้วกัน”
รับผิดชอบ – “เรื่องนี้ผมผิดเอง ที่มอบหมายงานให้ลูกน้องไปทำแล้ว ไม่ได้ติดตามดูแลใกล้ชิด”
กลัวการตัดสินใจ – “เรื่องนี้ตัดสินใจยาก แล้วไม่รู้จะเกิดอะไรตามมาอีก แช่เรื่องไว้ก่อนแล้วกัน ผิดพลาดมาเราก็เดือดร้อนสิ”
กล้าตัดสินใจ – “จะเร็วหรือช้าก็ต้องตัดสินใจลงไปในที่สุด ตัดสินใจตอนนี้เถอะเรื่องจะได้ไม่ค้างคา ปล่อยทิ้งไว้อาจเสียหายมากกว่านี้”
แสดงความเป็นศัตรู – “ซักไซ้เพื่อนร่วมงานคนใหม่ถึงประวัติการศึกษาและงาน อีกทั้งยังตั้งคำถามเชิงทดสอบความรู้ต่อหน้าผู้ร่วมงานหลายคน”
แสดงความเป็นมิตร – “กล่าวต้อนรับ และแสดงความเป็นมิตรกับเพื่อนร่วมงานคนใหม่ พร้อมแสดงน้ำใจยินดีช่วยเหลือ และตอบคำถาม ต่อหน้าผู้ร่วมงานหลายคน”
ปล่อยตัวตามอารมณ์เกินไป – “ตาขวาง จ้องหน้า ไม่พูดไม่จา หรือโวยวายพาลคนอื่น เพื่อระบายอารมณ์จากความผิดหวังที่ตนเองได้รับ”
ควบคุมอารมณ์ไว้ได้ – “ข่มใจไม่ระรานคนอื่น หรือใช้น้ำเสียงแข็งเกรี้ยวกราด พักกายพักใจให้สบาย จนอารมณ์ผ่อนคลายแล้วจึงพูดคุยกับคนอื่น”
คิดลบ – “ทำไมบริษัทเพิ่มระบบใหม่ให้ยุ่งยาก เวลาถ่ายเอกสาร ทำไมพนักงานต้องใส่รหัสตนเองที่เครื่องด้วย บริษัทคงอยากจับผิดพนักงานว่าแอบถ่ายเอกสารส่วนตัวหรือไม่”
คิดบวก – “บริษัทยอมลงทุนทำอะไรให้เป็นระบบ นี่ก็เป็นระบบใหม่จะได้ดูค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนแต่ละแผนกได้”
รอคนอื่นช่วย – “ช่วงนี้งานทางเราเยอะมากค่ะ เลยอยากขอให้ช่วยผ่อนผันกันบ้าง”
ช่วยตัวเองก่อน – “ไม่ต้องห่วงค่ะ ถึงแม้ช่วงนี้งานจะเยอะมาก แต่เราได้เตรียมคนเพื่อรองรับไว้แล้ว เชื่อว่าส่งได้ทันแน่ค่ะ”
ทำตามสั่ง – “ไม่ต้องคิดอะไรเพิ่มให้ยุ่งยากหรอก ก็ทำไปตามแผนงานที่ได้รับอนุมัติแล้ว”
ทำสุดความสามารถ – “น่าจะทำอะไรได้มากกว่าในแผนงาน เราช่วยกันคิดดีกว่า”
คนท้อแท้ – “พอถูกเชิญออกจากบริษัท คุณสุธีไม่ทำงานไปตั้งปี เอาแต่เที่ยวกลางคืนใช้ชีวิตไปวันๆ เสียเวลาน่าจะหางานใหม่ทำทันทีเลย”
คนสู้ไม่ถอย – “คุณสุธีรักและทุ่มเทให้บริษัทมาก ถึงแม้บริษัทจะต้องให้ออก ก็รวบรวมเงินเก็บที่มีอยู่ ทำกิจการเล็กๆ อย่างตั้งใจ หวังสักวันอาจเป็นผู้ประกอบการเต็มตัวก็ได้”
มุ่งควบคุมคนอื่น – “ถ้าสมศรีจะเป็นเจ้านายที่น่ารักสักนิด ฉันและคนทั้งแผนกก็คงนึกอยากทำงานให้บ้าง”
มุ่งควบคุมตัวเอง – “ไม่มีใครกำหนดนิสัยและบุคลิกของใครได้ ทำตัวเราให้ดีและเป็นที่รักของคนรอบข้างได้น่ะดีที่สุดแล้ว”
แยกแยะงานกับความรู้สึกไม่ได้ – “คุณเอนกใจร้าย เรื่องแค่นี้เองถึงกับไล่ออกด้วย สงสารสุนีย์ ร้องไห้ใหญ่เลย”
แยกแยะงานกับความรู้สึกได้ – “สุนีย์แอบรับงานนอก อีกทั้งยังเอามาทำที่บริษัทอีก คุณเอนกเตือนมา 3 ครั้งแล้ว ยังทำอยู่อีก ก็ต้องให้ออก”
แค่นี้ก็ดีแล้ว – “ต้องทำงานเยอะจะตาย ทำงานเสร็จได้แต่ละชิ้นก็บุญแล้ว จะเอาอะไรกันนักหนา”
พรุ่งนี้ต้องดีกว่าวันนี้ – “งานชิ้นนี้เสร็จตรงเวลาก็จริงแต่ยังมีข้อบกพร่อง คราวหน้าจะให้ตรงเวลา และไม่บกพร่องเลย”
ถ้าคุณปฏิบัติได้ครบและเห็นด้วยว่าใช่ สิ่งนี้แหละจะทำให้เราทำงานแบบมืออาชีพที่มีแต่มหามิตรแวดล้อมรอบข้าง จะคิดอ่านทำการใดๆ ก็จะมีแต่คนคอยสนับสนุนช่วยเหลือ ยามเมื่อพบปัญหาอุปสรรค ก็จะมีคนเข้ามาประคองโอบอุ้มเราไว้
ที่มา : www.bangkokbiznews.com