Tag: The Pearl King

The Pearl King ตอน 6 บั้นปลายของชีวิต โกกิชิจัดได้ว่าเป็นผู้ที่เห็นค่าของเงินมากที่สุดคนหนึ่ง แต่ในขณะเดียวกันเขาก็เป็นผู้บริจาคที่มากที่สุดคนหนึ่งเช่นเดียวกัน เขาได้บริจาคเงินเพื่อทั้งการศึกษา การสร้างถนน สะพาน ช่วงที่เขาชราเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ฝ่ายทหารบีบให้เขาทำ “ ฮาราคีรี “ คือการฆ่าตัวตาย แต่โกกิชิปฏิเสธมันและย้ายที่อยู่ออกไปจากที่ ๆ เขาอยู่ โดยให้เหตุผลว่า “ เขาเป็นพ่อค้า ไม่ใช่นักรบ “ และปฏิเสธที่จะให้ใช้โรงงานของเขาเพื่อผลิตอาวุธเพื่อให้เขาเข้าสู่สงคราม หลังสงครามเขาได้ผูกมิตรกับอเมริกาผู้ซึ่งชื่นชอบในไข่มุกของมิกิโมโตมาก

The Pearl King ตอน 5 อุปสรรคที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจ การขายไข่มุกของเขาไปทั่วโลกนั้น ใช่ว่าจะราบเรียบเสมอไป การขายไข่มุกปลอมแทนไข่มุกจริงโดยแอบอ้างไข่มุกของมิกิโมโตในลอนดอน ทำให้วงการไข่มุกสั่นสะเทือนและโกลาหล เพราะพ่อค้านำไข่มุกของมิกิโมโตไปแอบอ้างขายเป็นไข่มุกแท้ ทำให้คนทั่วไปเข้าใจผิดว่าเป็นความจงใจของเขา ทำให้เกิดการโจษจันอย่างมากมายและถูกทางการอังกฤษขึ้นป้ายว่าเป็น “ ไข่มุกปลอม “ แทนที่ “ ไข่มุกเลี้ยง “ แต่อย่างไรก็ตามเขาก็สามารถจัดการเรื่องนี้ได้โดยการตากจับผู้คนที่ปลอมของเขาไปขึ้นศาล แล้วพยายามทำให้คนอังกฤษตระหนักถึงคุณค่าไข่มุก ทำให้ไข่มุกของเขาราคาไม่ตกมากนัก การต่อสู้ในฝรั่งเศสก็ไม่แพ้กันถึงขั้นห้ามนำเข้าไข่มุกของเขาเลยทีเดียว แต่การต่อสู้ในทางศาลกันอย่างยาวนานทำให้เขาได้รับชัยชนะจนสามารถขายเป็นไข่มุกแท้ได้ แต่กระนั้นก็ตามเขาก็ยังคงใช้ป้ายไข่มุกเลี้ยงเหมือนเดิม แต่ที่หนักที่สุดก็คือที่ญี่ปุ่นนั่นเอง การปลอมไข่มุกเลียนแบบถึงกระทั่งนำไข่มุกปลอมมาติดป้ายไข่มุกเลี้ยงให้เหมือนกับของโกกิชิแล้วขาย

The Pearl King ตอน 4 การขยายธุรกิจ จากที่เขาได้ผลิตไข่มุกได้ในปี 1900 เขาก็ได้ตั้งร้านเล็ก ๆ ในย่านกินซ่า ( ย่านที่คนชอบซื้อของ ) ที่โตเกียว และจากการที่เจ้าชายโคมัทสุ เชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ได้ให้ความเชื่อมั่นแก่โกกิชิว่าจะทำได้ดีต่อไป ประกอบกับความมุ่งหวังอยู่แล้วของเขาทำให้เขามีความกระตือรือร้นที่จะทำมากขึ้น และในปี 1903 เขาได้ทำการย้ายร้านไปอยู่ในแหล่งที่มีผู้คนพลุกพล่านที่สุดของกินซ่าแทนที่จะอยู่ในซอกเล็ก ๆ เหมือนเดิม นอกจากนี้เขายังได้นำไข่มุกของเขาออกแสดงในงานแสดงที่เซนหลุยส์ในปี 1904 และได้รางวัลกลับมาด้วย ทำให้ไข่มุกของโกกิชิโด่งดังไปทั่วอเมริกา เพราะไข่มุกของอเมริกาค่อย

The Pearl King ตอน 3 ความสำเร็จและการดำเนินธุรกิจ ความสำเร็จเบื้องต้น : จากความล้มเหลวมานาน จากการดูแคลนของคนอื่น ๆ จากความเศร้าหมองสู่การตกต่ำที่สุดในชีวิต ในที่สุดโกกิชิก็ได้ค้นพบวิธีที่ทำให้หอยมุกสามารถสร้างมุกขึ้นมาได้ โดยครั้งแรกที่พบหอยที่สามารถให้มุกได้นั้น เขาได้อยู่กับอูเมะและลูกของเขา ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าเขาจะยากดีมีจนหรือตกต่ำลงเช่นไร ภรรยาและลูก ๆ จะอยู่เคียงข้างเขาเสมอ แม้ว่าไข่มุกที่ได้นั้นจะเป็นลักษณะที่เป็นไข่มุกครึ่งซีกไม่กลมทั่วเม็ดก็ตาม แต่ก็ถือว่าเขาสามารถเลี้ยงไข่มุกได้สำเร็จ โดยทำการใส่เศษไข่มุกลงไปแล้วหอยไม่ปฏิเสธที่จะรับมันและได้ทำการพ่นเมือกออกมาเมื่อทิ้งไว้ระยะเวลาหนึ่งจะได้เม็ดไข่มุกออกมา หลังจากที่เขาทำได้ เขาได้ทำการจดทะเบียนกระบวนการผลิตเพื่อป้องกันการเลียนแบบโดยทันที หลังจากที่เขาได้จดทะเบียนแล้วเขาได้ทำการเลือกหาทำเลที่จะทำฟาร์มหอยมุกที่ปลอดภัยจากธรรมชาติ ทั้งพายุและกระแสน้ำแดง (

The Pearl King ตอน 2 การก่อตั้งธุรกิจ หลังจากที่เขาแต่งงานเพียงไม่กี่ปี โอโตกิชิซึ่งเป็นพ่อของเขาได้ล้มป่วยลงอีกครั้งและเสียชีวิตลง ทำให้เขาจำเป็นต้องรับผิดชอบร้านบะหมี่ทั้ง 2 ร้าน ( ทั้งร้านของตัวเองและที่ร้านของพ่อเขาที่ตายไป ) สภาพการณ์ทำให้ความฝันของโกกิชิเหมือนกับต้องละทิ้งความฝันนั้นไป แต่เปล่าเลย เขายังคงฝันเช่นเดิมอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่เขาได้เป็นคณะกรรมการบริหารการปรับปรุงผลผลิตสัตว์น้ำแห่งชิมะ ทำให้เขาได้เห็นถึงการทำลายธรรมชาติกันอย่างรุนแรง โดยเฉพาะหอยมุกที่ถูกโหมการงมกันอย่างมากมาย ทำให้หอยมุกที่เคยมีอยู่มากมายในอดีต ถูกทำลายลดลงอย่างน่าใจหายจนแทบจะสูญพันธุ์ แม้ว่าหอยมุกนั้นจะไม่ได้ทรงและสามารถขายได้ในราคาต่ำก็ตาม เขาคิดว่า “ ถ้ามีการงมไข่มุกกันอย่างโหดร้ายในลักษณะนี้ต่อไป จะไม่มีไข่มุกในทะเลให้งมอีกเลย

The Pearl King ตอน 1 วัยเด็ก สภาพเป็นอยู่ในวัยเด็ก โกกิชิ มิกิโมโต เป็นลูกชายของ โอโตกิชิ มิกิโมโต กับโมโตะ นาคาอิ ซึ่งอยู่ในครอบครัวคนขายบะหมี่ประจำหมู่บ้าน มีพี่น้อง 9 คน ( นับตัวเองด้วย ) ซึ่งโกกิชิเป็นลูกชายคนโต ต้องช่วยพ่อแม่ทำงานและเลี้ยงน้อง เมื่อเขาอายุได้ 11 ปี พ่อของเขาได้ล้มป่วยลงทำงานไม่ได้ ทำให้โกกิชิต้องเป็นผู้หาเลี้ยงครอบครัว