Never Say Die ประกรณ์ เมฆจำเริญ
|Never Say Die ประกรณ์ เมฆจำเริญ
เกมธุรกิจ ก็เปรียบเสมือนเกมกีฬา ที่ต้องมีผลแพ้ชนะ สำหรับ “ประกรณ์ เมฆจำเริญ” ผู้บริหาร ฟิลิปส์ อิเล็กทรอนิกส์ ยึดหลักที่ว่า Never Say Die
… เมื่อเวลาไม่หมด แต้มสุดท้ายยังไม่จบ ทุกคนมีโอกาสชนะ ตามวิถีคิดที่ค้นพบจากการเล่นกีฬาโปรดอย่างเทนนิส
“ผมเล่นกีฬาหลายอย่างทั้งแบบทีม เช่น ฟุตบอล และเดี่ยวอย่าง เทนนิส สิ่งที่ได้จากการเป็นนักกีฬาแทบทุกอย่าง คือ เรื่องการมีน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ ที่สำคัญยังสอนในเรื่องอื่นๆ ที่นำหลักมาปฏิบัติได้ทั้งในชีวิตประจำวันและการทำงาน” ประกรณ์ซึ่งเคยมีดีกรีเป็นหัวหน้าทีมเทนนิสจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าว
หลักปฏิบัติที่ว่า คือ Never Say Die มีใจสู้ พยายามทำให้ดีที่สุด และอย่าไปยอมแพ้อะไรง่าย ๆ
“คนที่ยอมแพ้ง่ายๆ จะมีความสำเร็จได้ในระดับหนึ่ง คือ ได้เฉพาะในสิ่งที่ง่ายๆ เพราะรู้สึกว่า ถ้าอะไรยาก และดูแล้วไม่มีทางชนะหรือสำเร็จ ก็ลดความพยายามลงไป
เวลาผมแข่งเทนนิส จึงถือคติว่า ไม่ว่าคู่แข่งจะนำไปเยอะมากน้อยแค่ไหน ถ้าแต้มสุดท้ายยังไม่จบ เกมก็ยังไม่จบ และต้องเล่นอย่างเต็มที่ ซึ่งผมเจอตัวอย่างและมีประสบการณ์ตรงในเรื่องนี้มาเยอะ”
เขาเล่าว่า อย่างเกมเทนนิส หลายคนเมื่อเจอคนที่มีชื่อชั้นและมืออันดับดีกว่า หรือเมื่อเจอ match point คือ ถ้าเสียแต้มนี้แล้วจะแพ้ทันที มักจะเกิดอาการท้อแท้ คิดว่า เล่นยังไงก็แพ้ ไม่สู้
สุดท้ายผลแข่งขันออกมาก็แพ้ไปตามที่คิด
ในทางกลับกัน หากเราสู้ตาย หลายต่อหลายครั้งสามารถพลิกกลับมาชนะได้
ส่วนเกมธุรกิจ Never Say Die คือ การทำงานที่จะต้องไม่ท้อถอยแม้อยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ต้องคิดแก้ไขสถานการณ์ และปรับกลยุทธ์เพื่อเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส
“ในบางสนามเราดูเหมือนเป็นรอง หากมีใจสู้ พยายามให้ถึงที่สุดและวางแผนมาดี ก็มีโอกาสชนะได้เช่นเดียวกัน” ประกรณ์ยืนยันพร้อมกับเล่าประสบการณ์ของฟิลิปส์กับงานประมูลไฟถนน
สมัยหนึ่งฟิลิปส์ไม่เคยได้งานดังกล่าวเลย ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะไม่ได้โฟกัสทางด้านนี้มากนัก
แต่แทนที่ประกรณ์จะเลือกถอยในสนามธุรกิจดังกล่าว เขากลับบอกลูกทีมให้ลองเข้าประมูลดูสักตั้ง โดยเข้าไปพูดคุยกับลูกค้า กับเจ้าของโครงการ และคนออกแบบโครงการว่า มีความต้องการอย่างไร แล้วนำเสนอโซลูชั่นที่ตรงความต้องการ
ผลสุดท้ายที่ออกมา ทางฟิลิปส์ได้งานนั้น ซึ่งถือเป็นงานที่เซอร์ไพรส์ในวงการพอสมควร
“ถ้าเราคิดว่า อย่าไปเสียเวลาเลย งานนี้ไม่มีทางได้ เราก็ไม่มีวันได้ ในทางกลับกัน ถ้ามองว่า มีทางเป็นไปได้ แล้วมีความมุ่งมั่น มันก็มีทาง
ผมเห็นมาเยอะว่า คนที่มีความมุ่งมั่นจะประสบความสำเร็จมากกว่าคนที่ยอมแพ้ง่ายๆ คือ ยังไงก็ตามต้องพยายามทำให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้เสียใจตอนหลัง”
ประกรณ์ยังเล่าถึงข้อดีของกีฬาอีกว่า ทำให้ต้องขยันซ้อม และรู้จักการวางแผน
การซ้อมอย่างสม่ำเสมอนี้ ถือเป็นการสร้างความมีวินัยและความรับผิดชอบต่อตัวเอง มีผลดีต่อการใช้ชีวิตประจำวันและการทำงาน
ส่วนการวางแผนการต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นศึกบนสนามเทนนิสและศึกบนสังเวียนธุรกิจ เขาบอกว่า ไม่แตกต่างกัน
ประเด็นอยู่ที่ต้องค้นหาจุดแข็งและจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาวางแผนโจมตีได้อย่างถูกต้อง แบบที่เรียกว่า รู้เขา รู้เขา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง
“ผมเรียนวิศวะมันเรียนหนัก คนอาจไม่ค่อยเห็นผมลงแข่ง เลยไม่ดังมากนัก แต่ทุกครั้งที่ผมลงแข่ง ผมชนะ คือเราต้องวางแผน และมีความพร้อม ไม่ใช่เฉพาะร่างกายอย่างเดียว ต้องดูปัจจัยอื่น เช่น สภาพสนาม เพราะมีผลให้ต้องเล่นเกมที่แตกต่างกันไป
การวางแผนธุรกิจก็เหมือนกัน ถ้ารู้เขา รู้เรา ก็จะนำข้อมูลที่ได้ไปวางแผนโจมตีจุดอ่อนของเขา ขณะเดียวกันก็เสริมสร้างจุดแข็งของตัวเอง
ที่สำคัญต้องดูว่า เราต้องการอะไร และณ วันนี้ เรามีความสามารถเพียงพอในการก้าวไปถึงจุดนั้นได้หรือเปล่าด้วย”
ทุกวันนี้ Never Say Die การมีใจสู้และพยายามทำให้ดีที่สุด ยังเป็นวิถีคิดในการบริหารและดำเนินธุรกิจ รวมถึงเป็นแนวทางต่อสู้บนคอร์ทเทนนิสที่ประกรณ์ยึดถือไม่เปลี่ยนแปลง
อีกทั้งยังพยายามถ่ายทอดไปสู่คนในองค์กร เพื่อให้เห็นว่า คนที่มุ่งมั่น มีความพยายาม ย่อมได้รับความสำเร็จที่เหนือกว่าคนที่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ
โดย : ณัฐสุดา เพ็งผล