Differencing Competency ความแตกต่างเพื่อสร้างศักยภาพคน

Differencing Competency ความแตกต่างเพื่อสร้างศักยภาพคน
Published in April 28th, 2008

เมื่อพูดถึงเรื่อง differencing competency เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะถ้าเราลองพิจารณาดูในแต่ละองค์กรก็จะพบว่า หลายๆ องค์กรมีการกำหนด competency ออกมาอย่างชัดเจน แต่การที่จะหาคนที่เป็นไปตาม competency นั้นๆ อย่างครบถ้วนมีเพียงไม่กี่องค์กร
เรื่อง competency เป็นเรื่องที่เข้ามา ในเมืองไทยเยอะมาก แต่จุดที่สำคัญคือองค์กรไทยส่วนใหญ่ทำสำเร็จเพียงในขั้นที่ว่า องค์กรต้องพัฒนา competency อะไรบ้าง แต่ถ้าถามว่าจะสร้างคนได้ตาม competency ที่ออกมานั้น และเมื่อเอามือไปนับดิฉันเชื่อว่ามีไม่กี่องค์กรในประเทศไทยที่สามารถพัฒนาคนไปตาม competency ที่ออกมา
ซึ่ง competency นั้นมี 2 ภาพคือ การออกแบบและพัฒนา (design and develop) ซึ่งส่วนใหญ่องค์กรในไทยออกแบบเรียบร้อยแล้วแต่ว่าไม่สามารถพัฒนาได้ ประเด็นคือว่า concept ของ competency จะแค่ออกแบบมาว่าคนควรจะเป็นอย่างไร
แต่ไม่สามารถ develop ให้เกิดขึ้นได้ องค์กรส่วนใหญ่จึงใช้เงินและเวลาจำนวนมากในการ design แต่ก็ไม่สามารถ develop สร้างคนที่มี competency ที่ต้องการให้เกิดขึ้นได้จริง
ปัจจัยที่ทำให้การ develop competency ไม่เกิดขึ้นมี 3 ปัจจัยด้วยกันคือ
1.มีเยอะเกินไป competency ที่องค์กรพัฒนาออกมา เช่น leadership competency, functional competency, core competency หรืออะไรก็แล้วแต่ที่องค์กรจะเรียก พอถึงขั้นที่จะไปพัฒนาจะเริ่มพัฒนาตัวไหนก่อน เลยมาติดขัดในส่วนนี้เพราะว่ามันเยอะจนเกินไปไม่สามารถที่จะพัฒนาให้เกิดขึ้นได้
2.ไม่ชัดเจน องค์กรออกแบบ competency มาเรียบร้อยแล้ว แต่ปรากฏว่ารูปแบบและวิธีในการพัฒนาไม่ได้มีภาพที่ชัดเจนว่าจะพัฒนาอย่างไร รูปแบบไหนบ้าง หลายองค์กรชอบคิดแค่ว่าเอา training มาจับก็จะพัฒนาให้เกิดได้ ซึ่งมันไม่ใช่คำตอบ
3.ไม่ใช่ตัว competency ตั้งแต่ต้น คือจะต้องทราบด้วยว่ามันใช่หรือเปล่าที่คนจะมาใช้เวลาเยอะแยะในการ develop เพราะหลายๆ คนยังมีคำถามในใจว่า มันเป็น competency ที่ต้องมาเสียเวลาและลงทุนเงินมหาศาลหรือใช้เวลาในการ develop หรือไม่
ประเด็นที่อยากจะพูดคุยคือทำไมองค์กรในวันนี้ไม่ลองมามองคำว่า differencing competency เพราะ differencing competency คือภาพที่องค์กรต้องมาชัดตั้งแต่ต้นว่าในวันนี้องค์กรของเขาไม่ว่าจะอยู่ในธุรกิจประเภทไหนก็แล้วแต่ อะไรก็ตาม โดยพื้นฐานนั้นต้องมีความรู้ในสายนั้นๆ ที่ต้องใช้อยู่แล้ว แต่องค์กรน่าจะมามองว่า หากจะแยกตัวเองให้แตกต่างต้องทำอย่างไร
สมมติว่ามีโรงแรม A และ B คำถามคือจะทำอย่างไรให้โรงแรม 5 ดาว A ต่างกับ B และจะ differencing competency อย่างไรเพื่อให้เกิดความแตกต่างในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน ฉะนั้นการที่จะรับบุคลากรเข้ามาทำงานการโรงแรมอาจจะต้องมีพื้นฐานความรู้ที่เหมือนกัน แต่ competency อาจจะแตกต่างกันได้ เพื่อที่จะทำให้ธุรกิจขององค์กรดูแตกต่างจากคนอื่นไปอย่าง สิ้นเชิง
หรือตัวอย่างอื่นๆ เช่น ธุรกิจร้านกาแฟซึ่งพนักงานทุกคนก็มี basic skill เท่าๆ กันคือ ความรู้เรื่องการทำกาแฟ ชงกาแฟเหมือนๆ กันหมด แต่ทำไมเมื่อเราเดินเข้าไป Starbuck มีภาพอื่นๆ ที่แตกต่างนั้นเป็นเพราะ differencing competency ที่เมื่อเดินเข้าไปในร้าน Starbuck แล้ว รู้สึกว่าพนักงานในร้านนั้นแตกต่างจากที่อื่น
หรือยกตัวอย่างเช่น บางสายการบินคนที่เป็นพนักงานต้อนรับก็น่าจะมีความรู้เหมือนๆ กันหมด มีทักษะเรื่องภาษา เรื่องความรู้ แต่ทำไมเวลาที่เราเดินเข้าไปบางสายการบิน กลับมีความแตกต่าง
เพราะฉะนั้น วันนี้จึงมีประเด็นชวนคิดคือ เราชอบเอาแนวคิดฝรั่งมาแล้วไม่ได้มาย่อย เอามาแต่ละอย่างเยอะแยะมากมาย ต้องมีแบบนี้ เป็นแบบนั้น เยอะมาก ออกแบบมา competency เยอะแยะไปหมดจนไม่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ ไม่ได้มาสร้างความโดดเด่นและแตกต่างให้กับองค์กรของคุณเลย
ดังนั้น ทุกๆ องค์กรจึงต้องมามอง แม้แต่ตัวดิฉันเองที่อยู่ในกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาก็ต้องมานั่งคิดว่าจะต้องทำอย่างไรให้ differencing competency มีความแตกต่างและชัดเจน
ดังนั้น องค์กรจึงต้องมานั่งมองหาว่านอกเหนือจากความรู้พื้นฐาน อะไรที่เราอยากเห็นคนของเราแสดงศักยภาพที่สร้างความแตกต่างให้กับคนของเราที่สร้างความแตกต่างกับคู่แข่งหรือคนในธุรกิจเดียวกัน
เพราะ differencing competency คือการมองภาพมุมมองใหม่ เนื่องจากธุรกิจทุกวันนี้แข่งขันกันด้วยคน ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจโรงแรมแน่นอนว่าต้องมี skill ซึ่งความรู้อาจไม่แตกต่างกัน แต่ทุกวันนี้ ผู้บริหารต้องมานั่งมองแล้วว่าอยากให้ศักยภาพของคนในโรงแรมเราที่จะแสดงออกไปยังลูกค้าที่ให้ความแตกต่าง 3-6 ตัวหลักๆ มีอะไรบ้าง
สรุป differencing competency คือการมองในภาพของศักยภาพที่จะแสดงออกถึงความแตกต่างนอกเหนือจากทักษะและความรู้ที่มีในธุรกิจนั้นๆ ศักยภาพที่เกินกว่าหรือนอกเหนือจากทักษะและความรู้ของธุรกิจนั้นๆ และไม่ควรจะมีเยอะ ควรจะมีแค่ 3-6 ตัว
เพื่อทำให้แตกต่างและด้วยสิ่งนี้เองธุรกิจของคุณก็จะแตกต่างโดดเด่นและสามารถที่จะมัดใจลูกค้าได้ว่าเรามีความแตกต่างจากคนอื่นอย่างไร
ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากเลย ?
โดย อริญญา เถลิงศรี กรรมการผู้จัดการ เอพีเอ็ม กรุ๊ป

Add a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *