DHL เผยผลการศึกษาแนวโน้มของโลกในอนาคต

DHL เผยผลการศึกษาแนวโน้มของโลกในอนาคต
Source: Logisticsdigest

Deutsche Post DHL ผู้นำธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ระดับโลก ได้เผยแพร่ผลการศึกษาล่าสุดในหัวข้อ “Delivering Tomorrow ? Customer Needs in 2020 and Beyond” ซึ่งนำเสนอผลการศึกษาความเห็นในหัวข้อต่างๆ เช่น โลกาภิวัตน์ เศรษฐกิจ เทคโนโลยี โลจิสติกส์ สิ่งแวดล้อมและสังคม โดยเป็นการรวบรวมความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญจากนานาชาติรวม 900 ท่าน ประกอบด้วยซีอีโอจากบรรษัทลงทุนข้ามชาติ (MNCs) และนักวิชาการ การศึกษาดังกล่าวได้เผยให้เห็นถึงทิศทางที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อดังกล่าวจากปี 2563 เป็นต้นไป ซึ่งจะเป็นประโยชน์และเป็นแนวทางในการวางกลยุทธ์ทางธุรกิจในอนาคตได้เป็นอย่างดี

ประเด็นหลักๆ ของรายงานฉบับนี้ ได้แก่ วิวัฒนาการสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงด้านความคาดหวังและพฤติกรรมของลูกค้าที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี และการปรากฏตัวของจีนในฐานะผู้นำด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยี การศึกษานี้ชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างในระดับภูมิภาคที่น่าสนใจ ด้วยความเห็นที่ต่างกันในเรื่องต่างๆ โดยผู้ร่วมตอบคำถามจากเอเชีย ยุโรป และอเมริกา อย่างไรก็ตามผู้เข้าร่วมตอบแบบสอบถามจำนวนมากซึ่งไม่ว่าจะเป็นชนชาติใดต่างให้ความสนใจกับบริษัทและบุคลากรในเอเชีย

ทั้งนี้ Deutsche Post DHL ได้จัดทำแผนการกำหนดทิศทางสำหรับเหตุกาณ์ที่อาจเป็นไปได้ในอนาคต โดยกลุ่มบริษัทได้นำความรู้ที่ได้จากการรวบรวมแบบสอบถามมานำเสนอในรูปแบบกลยุทธ์ขององค์กรเมื่อไม่นานมานี้ “ผลจากการศึกษาแสดงให้เห็นว่าบริษัทต่างๆ ในอนาคตจะให้ความสำคัญกับประเด็นด้านความยั่งยืน การศึกษา และความรับผิดชอบทางสังคม ซึ่งกลุ่มบริษัทของเรามีความพร้อมเต็มที่สำหรับความท้าทายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะเราได้เดินหน้าและเน้นย้ำในประเด็นหลักๆ เหล่านี้มาแล้วหลายโครงการ เช่น โครงการ GoGreen และ Teach First” Mr. Frank Appel, CEO of Deutsche Post DHL กล่าว

การศึกษาและวิจัยในหัวข้อ “Delivering Tomorrow ? Customer Needs in 2020 and Beyond” จัดทำขึ้นระหว่างเดือนมิถุนายน 2551 ถึง มกราคม 2552 โดยผู้เข้าร่วมงานวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ซีอีโอจากบริษัทระหว่างประเทศชั้นนำ นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ อนาคตวิเคราะห์ และโลจิสติกส์ และผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการคัดเลือกโดยลูกค้าจากหลายแขนงรวม 900 ท่านจากทั่วโลก เสนอความคิดเห็นอย่างละเอียดในแบบสอบถามเกี่ยวกับทฤษฎีแห่งอนาคต 81 บทที่ได้รับการริเริ่มขึ้นมา การศึกษานี้ใช้วิธี Delphi ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้กันมาตั้งแต่ช่วง 2493 และเป็นกระบวนการวิเคราะห์ที่มีหลายขั้นตอน โดยผู้เชี่ยวชาญจะให้ความเห็นเกี่ยวกับทฤษฎีที่หลากหลาย ซึ่งกระบวนการที่เป็นระบบนี้ช่วยการศึกษาที่ใช้วิธี Delphi ในการคาดคะเนอนาคตแม่นยำและสอดคล้องมากขึ้นกว่าผลที่ได้จากการทำแบบสอบถามทั่วไป ผลการคาดการณ์ที่สำคัญจากการศึกษาชิ้นนี้มุ่งไปยังหัวข้อความท้าทายของภาวะโลกร้อน อิทธิพลของเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้น และธุรกิจด้านโลจิสติกส์ที่ทวีความสำคัญยิ่งขึ้น

ภาวะโลกร้อน และการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ภาวะโลกร้อนเป็นความท้าทายอันยิ่งใหญ่ที่มวลมนุษยชาติต้องเผชิญ ผู้เข้าร่วมงานวิจัยคาดการณ์ว่า ในอนาคตการตัดสินใจซื้อสินค้าจะไม่ยึดแบรนด์ คุณภาพและราคา แต่จะคำนึงถึงผลกระทบของสินค้าและบริการที่มีต่อสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ “หากวันนี้คุณอ่านฉลากบนขวดแยม คุณจะพบว่ามีปริมาณแคลอรี่ระบุอยู่บนขวด แต่ในปี 2563 บนฉลากจะมีการชี้แจงเพิ่มเติมถึงปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมาจากกระบวนการผลิตและการขนส่งสินค้า” Mr. Frank Appel กล่าว ผู้บริโภคยินดีที่จะจ่ายมากขึ้นอีกระดับหนึ่งเพื่อให้ได้สินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พฤติกรรมผู้บริโภคจะก่อให้เกิดการพัฒนาอย่างแน่วแน่ในด้านการปรับปรุงมาตรฐานสิ่งแวดล้อม และผู้ให้บริการที่ปัจจุบันไม่ค่อยใส่ใจในเรื่องของสภาพแวดล้อมนัก กำลังพยายามขจัดจุดด้อยของตนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
มีความแตกต่างบางประการระหว่างความเห็นจากฝั่งตะวันออกและตะวันตก ตัวอย่างเช่น ผู้เชี่ยวชาญชาวเอเชียมีแนวโน้มที่จะเชื่อในเรื่องปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกเกี่ยวกับเมืองที่ปราศจากการปล่อยมลพิษ “zero-emissions cities” มากกว่าผู้เชี่ยวชาญชาวยุโรป แอฟริกา และอเมริกา ผู้เชี่ยวชาญชาวเอเชียยังเชื่ออีกว่า ลูกค้าได้เตรียมพร้อมสำหรับการรอรับสินค้าซึ่งต้องรอนานกว่าเดิม เพื่อแลกกับระบบการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสภาพแวดล้อมมากขึ้น
บริษัทโลจิสติกส์เป็นผู้นำทาง
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญไม่ได้คาดการณ์ถึงผลกระทบที่รุนแรงต่อระบบสังคมและการเมืองที่มีอยู่ในปัจจุบันแม้ว่าจะเกิดวิกฤติทางการเงินก็ตาม แต่ในปี 2563 โลกจะยังคงเดินหน้าด้วยกลไกตลาด การแข่งขันเพื่อการเติบโต ความมั่งคั่ง และแหล่งวัตถุดิบจะมีอยู่ต่อไป โดยมีประเทศและบริษัทต่างๆ ที่มีบทบาทสำคัญ แนวโน้มในการจ้างบริษัทอื่นผลิตสินค้าแทนการผลิตเองจะยังคงดำเนินต่อไป และบริษัทจำนวนมากจะพิจารณาถึงห่วงโซ่มูลค่าระดับโลกมากขึ้นเพื่อศักยภาพด้านการแข่งขัน การศึกษายังได้คาดการณ์อีกว่าบริษัทต่างๆ จะต้องร่วมมือกันมากขึ้นและใกล้ชิดกันยิ่งกว่าเดิม ในฐานะผู้นำด้านการเปลี่ยนแปลง อุตสาหกรรมโลจิสติกส์จะเป็นตัวอย่างที่อุตสาหกรรมอื่นๆ จะปฏิบัติตาม เพื่อให้สามารถแข่งขันกับต้นทุนด้านพลังงานที่สูงขึ้น บริษัทโลจิสติกส์ต่างๆ จะลงทุนเพิ่มขึ้นในแง่ของทรัพยากรเพื่อสร้างเครือข่ายร่วมกัน Mr. Frank Appel อธิบายว่า “เป้าหมายของเราอย่างหนึ่งคือ การทำให้โลจิสติกส์ในอนาคตเป็นมิตรต่อสภาพแวดล้อมให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ตัวอย่างเช่น เราได้ให้บริการการขนส่งที่คำนึงถึงการปล่อยก๊าซคาร์บอน อีกทั้ง เรายังเป็นบริษัทโลจิสติกส์แห่งแรกที่ริเริ่มโครงการรักษาภูมิอากาศที่ตั้งเป้าหมายอย่างชัดเจนในการลดจำนวนการปล่อยก๊าซ เราเดินมาในเส้นทางที่ถูกต้องแล้ว แต่การศึกษาแสดงให้ว่าคู่แข่งของเราจำนวนไม่น้อยจะหันมาปฏิบัติในแนวทางเดียวกับเราภายในปี 2563 โดยเราจะมุ่งมั่นในการแสวงหาวิธีใหม่ๆ มาปฏิบัติเพื่อคงความเป็นผู้นำต่อไป
การทำธุรกรรมทางอินเทอร์เน็ต ทุกที่ ทุกเวลา
ลูกค้าในปี 2563 อาจจะคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม แต่อย่างไรก็ตาม ลูกค้าก็จะยังคงมีความต้องการสินค้าและบริการที่ขนส่งได้อย่างรวดเร็วที่สุด ดังนั้น ผู้บริโภคต้องการข้อมูลแบบเรียลไทม์ที่มีความละเอียดและชัดเจนยิ่งขึ้นจากซัพพลายเออร์ สิ่งนี้เองที่จะทำให้อินเทอร์เน็ตมีบทบาทสำคัญมากขึ้น ในประชากรจำนวนมาก โดยเฉพาะในประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศที่เกิดใหม่ จะทำกิจกรรมออนไลน์เกือบตลอดเวลา และประชากรสามพันล้านคนจะดำเนินธุรกิจบนเว็บไซต์เพียงอย่างเดียว การเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่จำกัดอยู่แต่เฉพาะในวงการธุรกิจเท่านั้น แต่จะขยายตัวไปยังทุกๆ สาขาอาชีพ นอกจากนี้ ความต้องการบริการที่มีความคล่องตัวและสามารถเรียกใช้ได้ตลอดเวลาจะเพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน

ทัศนคติเชิงบวก
แม้ว่าการก่อการร้าย และโรคติดต่อทั่วโลกจะยังคงเป็นสิ่งที่น่ากลัวในอนาคต ผู้เชี่ยวชาญเชื่อมั่นว่าผลการวิจัยยังคงเป็นประโยชน์ต่อการลงทุนทางการเงินและเทคโนโลยี ที่เป็นที่น่าสนใจก็คือ ผู้เชี่ยวชาญชาวเอเชียต่างมองปัญหาด้านความปลอดภัยและสาธารณสุขไปในเชิงลบ แต่มีความมั่นใจในความสามารถของเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนโฉมการดำเนินธุรกิจและมีบทบาทใหม่ที่สำคัญในโลกแห่งการค้า
แนวโน้มที่คล้ายๆ กันนี้สอดคล้องกับประชากรโลกที่เพิ่มขึ้น ผู้ร่วมตอบแบบสอบถามจากเอเชียมั่นใจว่าการควบคุมจำนวนประชากรโดยภาครัฐจะมีเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่จะช่วยชะลอการเติบโตของจำนวนประชากร และส่วนมากคาดการณ์ว่าประชากรโลกจะมีจำนวน 7 พัน ถึง 8 พันล้านคน ในทางตรงกันข้าม ผู้ร่วมตอบแบบสอบถามจากอีกซีกโลกกลับเชื่อว่า จำนวนประชากรโลกจะยังคงเพิ่มขึ้น ซึ่งรวมถึงการใช้ทรัพยากรต่างๆ ด้วย “อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต่างมีทัศนคติในเชิงบวก พวกเขาเชื่อว่า เราสามารถควบคุมความท้าทายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเหล่านี้ได้ด้วยระบบเศรษฐศาสตร์การตลาด” Mr. Frank Appel กล่าวสรุป
10 อันดับเทรนด์ของโลกในอนาคต

การพัฒนาระดับโลก: การขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
1. ภาวะโลกร้อนจะเป็นประเด็นร้อนที่ผลักดันให้สินค้าและบริการเกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่เพื่อให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การพัฒนาพลังงานยั่งยืนถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการเบลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่นี้
2. ความแตกต่างทางชนชั้นทางเศรษฐกิจจะเพิ่มสูงขึ้น และความขัดแย้งทางสังคมมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นด้วย ดังนั้นการใช้งบประมาณด้านความมั่นคงและความปลอดภัยจะสูงขึ้นเช่นเดียวกัน
3. จีนจะผงาดเป็นผู้นำด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจและกลายเป็นหนึ่งในผู้นำของโลกด้านเทคโนโลยี

ลูกค้า “ใหม่”: ความต้องการ ความคาดหวัง และพฤติกรรมใหม่ๆ
4. อินเทอร์เน็ตจะเปลี่ยนความคาดหวังและพฤติกรรมของลูกค้าทั่วโลก ซึ่งประเด็นหลักมุ่งเน้นไปยังลักษณะความเป็นปัจเจกบุคคล ความโปร่งใส ความสามารถที่ใช้งานได้ตลอดเวลา และความรวดเร็ว
5. การบริโภคอย่างมีจิตสำนึกและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมจะกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดพฤติกรรมการใช้จ่าย
6. ความสะดวกสบาย และความเรียบง่าย จะเป็นความต้องการหลักของผู้บริโภค
7. การสื่อสารระหว่างบุคคลต่อบุคคลยังคงทรงอานุภาพอยู่
ปรับโฉมโลจิสติกส์: รูปแบบใหม่ของอุตสาหกรรม
8. อุตสาหกรรมลอจิสติกส์จะกลายเป็นผู้กำหนดทิศทางและสร้างแบบแผนใหม่ๆ เพื่อความร่วมมือระหว่างองค์กร และธุรกิจสีเขียว
9. การจ้างบริษัทอื่นผลิตสินค้าแทนการผลิตเองจะก่อให้เกิดโอกาสใหม่ๆ และห่วงโซ่มูลค่าจะขยายตัวไปในทุกทิศทางสำหรับบริการที่เกี่ยวข้องกับลอจิสติกส์
10. ผู้ให้บริการโลจิสติกส์จะพัฒนาเป็นผู้ให้คำปรึกษา โดยบริการเสริมต่างๆ จะเป็นการเพิ่มมูลค่าให้แก่การบริการ

Add a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *