Bakery Set ของว่างงานเลี้ยง กลยุทธ์ต่อยอดร้านขนม
|Bakery Set ของว่างงานเลี้ยง กลยุทธ์ต่อยอดร้านขนม
โดย [27-9-2004]
ผู้ประกอบการร้านอาหารและเบเกอรี่รายย่อม จับช่องว่างตลาดอาหารว่างระหว่างประชุม Coffee Brake ใช้ความหลากหลายของสินค้า เบเกอรี่ อาหารกล่อง บวก ราคาถูก พ่วงบริการถึงใจเข้าหาลูกค้าโดยตรง มุ่งการเป็น Catering ขาประจำ วางแนวต่อยอดกรุ๊ปทัวร์ ผสานกลยุทธ์ E-Commerce สู่ลูกค้าระดับบน และลูกค้าตามบ้าน อาศัยประชาสัมพันธ์ตราสินค้า หวังลูกค้าจดจำบอกต่อ
Crispy Cream จับช่องว่างตลาด คอฟฟี่เบรก ใช้ความหลากหลายของสินค้าเบเกอรี่ อาหารกล่อง บวกราคาถูก พ่วงบริการถึงใจเข้าหาลูกค้าโดยตรง มุ่งการเป็น Catering ประจำกว่าร้อยราย มองจัดอาหารกรุ๊ปทัวร์ งานศพเป้าหมายใหม่ ผสานกลยุทธ์ E-Commerce สู่ลูกค้าระดับบน และลูกค้าตามบ้าน อาศัยประชาสัมพันธ์ตราสินค้า หวังลูกค้าจดจำบอกต่อ
“จากประสบการณ์การทำงานในระดับบริหารภายใต้รูปแบบของบริษัท เล็งเห็นว่าบริการจัดอาหารว่าง หรือคอฟฟี่เบรกช่วงประชุมนั้น ยังขาดความสมดุลระหว่าง คุณภาพ บริการ และราคาอยู่ หากต้องการคุณภาพดี ค่าใช้จ่ายจะต้องสูงตาม จึงคิดสร้างมิติใหม่ …ของดี ราคาไม่แพง”
นางสุภาภรณ์ ทองปาล ผู้หนึ่งที่เบนเข็มเข้าสู่ธุรกิจรับบริการจัดอาหารว่างในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายขายของ คริสปี้ ครีม กล่าวว่าการบริการจัดส่งขนมสำหรับใช้ในการจัดอาหารว่างระหว่างการประชุมหรืองานสัมมนา (Catering Service) ยังเป็นธุรกิจที่เหมาะสมกับยุคสมัย เนื่องจากช่วงเวลาที่รีบเร่งของคนกรุง จึงไม่สะดวกและขาดความพร้อมในจัดการเตรียมอาหาร รวมถึงงบประมาณที่ยากต่อการควบคุม
จากเงินลงทุนเบื้องต้นประมาณ 5 แสนบาทในปี 2546 ในฐานะผู้ประกอบการรายเล็กและเป็นน้องใหม่ในธุรกิจ กลยุทธ์การตลาดที่เลือกใช้จึงเน้นการเดินเข้าหาลูกค้าโดยตรง เพื่อนำเสนอตัวตนของบริษัทรวมถึงลักษณะสินค้าด้วยการให้ทดลองลิ้มรส ภายใต้ชื่อ Crispy Cream ในรูปลักษณ์กล่องบรรจุภัณฑ์สีขาว เพื่อสื่อแสดงความนุ่มนวล หอมหวาน ดูสะอาดน่ารับประทานเป็นจุดขายให้กับตัวผลิตภัณฑ์แต่มีกลยุทธ์การยกระดับตัวผลิตภัณฑ์
ที่น่าสนใจแม้ว่าจะเป็นน้องใหม่ คือการเลือกที่จะติดป้ายตราสินค้า เนื่องจากเชื่อว่าสามารถยกระดับผลิตภัณฑ์ให้อยู่ในระดับกลาง เหมาะกับลูกค้าทุกกลุ่ม เป็นจิตวิทยาที่นำมาใช้เพื่อสร้างการยอมรับอีกทางหนึ่ง แนวคิดในการวางตำแหน่งสินค้าจึงวางไว้ ระดับเดียวกับตราสินค้าที่มีชื่อเสียง สนนราคาตั้งแต่ 35-50 บาท
จุดขายที่นำมาใช้สร้างความต่างให้กับตราสินค้า คือ ปริมาณรายการอาหารที่มีให้เลือก ทั้งอาหารว่างกว่า 200 รายการ อาทิ เค้ก, ขนมปังหลากไส้, แซนด์วิช, ซาละเปา, ขนมไทย, วาฟเฟิล, แพนเค้ก, ปาท่องโก๋, รังนก, เจลลี่ผลไม้ ฯลฯ และอาหารกล่อง อาทิ ข้าวหมูแดง ข้าวผัดหนำเลี๊ยบ ข้าวอบฮ่องกง ข้าวห่อใบบัว โจ๊กฮ่องกง เป็นต้น โดยใช้ระบบการบริหารจัดการด้านการผลิตทั้งผลิตเองภายในร้อยละ 80 และจ้างผลิต (Outsource) ร้อยละ 20 สร้างความหลากหลายให้กับบริการ
“ความหลากหลายของสินค้า คือการบริการ โดยมุ่งเข้ามาจัดเตรียมเอง เพื่อต้องการ สร้างภาพลักษณ์ให้ลูกค้าเชื่อมั่น วิจัยความต้องการของผู้บริโภคเสมอ สะท้อนที่การหมุนเปลี่ยนเมนู กันลูกค้าเบื่อ ลูกค้าสามารถสั่งอาหารได้ตามต้องการล่วงหน้า 2 วัน หากปริมาณมากกว่า 200 กล่อง โดยเราจะเสนอการบริการแยกตามความต้องการ เช่นอาหารกล่องพร้อมเสิร์ฟ สำหรับความรวดเร็ว ส่วนบุฟเฟต์นั้น เหมาะกับลูกค้าที่มีปริมาณมาก และไม่มีค่าขนส่ง หากอยู่ในกรุงเทพฯ และเขตปริมณฑล” นางสุภาภรณ์กล่าว
รูปแบบการบริการแบ่งออกเป็น 4 ประเภทใหญ่ คือ 1.เบเกอรี่จัดชุด ซึ่งจะเป็นคอฟฟี่เบรก ถือเป็นส่วนสร้างรายได้ให้บริษัทร้อยละ 70-80 ประเภทที่สอง คือ บุฟเฟต์ ได้จัดเมนูอาหารประมาณ 4-5 รายการ สำหรับลูกค้าจำนวนมากที่จัดงานปาร์ตี้ ส่วนค็อกเทล และอาหารกล่องนั้นเริ่มได้รับความสนใจในระดับหนึ่ง
จากประสบการณ์การทำงานเดิม ทำให้รู้จักบริษัทต่างๆ ส่งผลดีต่อการหาลูกค้า จนเกิดเป็นลูกค้าประจำกลุ่มบริษัท หน่วยงานราชการ อาทิ องค์กรสิทธิมนุษยชน บริษัททีพีไอ จำกัด (มหาชน) กระทรวง ยุติธรรม และมหาวิทยาลัยหัวเฉียว พร้อมเล็งกลุ่มเป้าหมายต่อไปคือ กลุ่มทัวร์ และงานฌาปนกิจศพ ขจัดปัญหาความยุ่งยากและงบประมาณบานปลาย
นอกจากนั้น ยังแตกแขนงช่องทาง จัดจำหน่าย ด้วยการวางขายหน้าร้านขนมภายในมหาวิทยาลัยหัวเฉียว และการสั่งซื้อเบเกอรี่ของลูกค้าร้านกาแฟ ทั้งนี้ ยังไม่ได้มุ่งเน้นช่องทางดังกล่าวมากนัก แต่จะขึ้นอยู่กับความสนใจของหน้าร้านต่างๆ เข้ามาติดต่อก่อน
“ปัญหาที่ประสบคือ ลูกค้าต่างมี เจ้าประจำอยู่แล้ว จึงต้องอาศัยการแทรกซึม แสดงความเต็มใจที่จะบริการ ตลอดจนในระยะแรกมักเตรียมความพร้อมไม่ทัน แต่ส่งผลให้ได้แนวทางเพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขในครั้งต่อไป อย่างไรก็ตามยังมีข้อจำกัดคือการสั่งปริมาณน้อยอยู่” ผู้บริหารคริสปี้ ครีม กล่าว และว่า
ด้านการสื่อสารกับลูกค้า จะจัดทำรถคีออสออกประชาสัมพันธ์กระจายเสียง ร่วมการออกงานแสดงสินค้า และอาศัยสื่อหลายทาง มุ่งเข้าหา ระดับผู้บริหาร หวังช่วยชี้ช่องทาง ร่วมกับมีลูกค้าเก่าคอยแนะนำลูกค้าใหม่ต่อเนื่อง อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการบริการหลังการขายเป็นสำคัญ ได้แก่การติดต่อทางโทรศัพท์ และการนำสินค้าใหม่แนะนำ
ทิศทางในการพัฒนาจะมุ่งการรักษาคุณภาพ และระดับการบริการ พร้อมจัดทีม เตรียมฝึกหัดพนักงานเพิ่มขึ้น จากเดิมคือฝ่ายผลิต 4-5 คน และการตลาด 3 คน เพื่อสร้างมาตรฐาน เน้นทักษะการพูด และการแต่งกายที่สะอาด ดูดี ควบคู่การสร้างระบบการขาย E-Commerce ให้ลูกค้าระดับบน และลูกค้าตามบ้าน ที่ต้องการจัดงานแบบกันเองภายในครัวเรือน
นางสุภาภรณ์แสดงความเห็นต่อผู้ที่สนใจจะประกอบธุรกิจแขนงนี้ว่า ต้องมีจุดยืน จริงจัง และตั้งใจจริง พร้อมแนะหลักการทำงานของตนเองว่า ต้องตั้งเป้าให้สูงไว้ก่อน และพยายามมุ่งไปให้ได้ ทั้งนี้ต้องอยู่บนบรรทัดฐานที่สามารถควบคุมได้ดี โดยเวลานี้ คริสปี้ ครีมตั้งเป้าหมายว่าจะมีลูกค้าประจำมากกว่าร้อยรายภายในสิ้นปี 2547
‘แอนนี่ส์ ปาร์ตี้ แพลนเนอร์’ Catering ครบรส
นางสาวชัชนิต มุกสิกไชย เจ้าของธุรกิจร้านอาหารย่านสยามเซ็นเตอร์ ในชื่อ ‘แอนนี่ส์ รอยัล คูซีน’ เป็นอีกรายที่ผันตัวเองเข้าสู่ธุรกิจรับจัดเลี้ยงในชื่อ ‘แอนนี่ส์ ปาร์ตี้ แพลนเนอร์’ โดยนำจุดเด่นพื้นฐานทางด้านอาหารต้นตำรับชาววังเป็นจุดขายสร้างความต่างให้กับธุรกิจ เพื่อจับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เป็นองค์กรและบริษัทรับจัดงาน (Organizer)
กลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่ม กลุ่มแรกคือลูกค้าบริษัท (Corporate Account) ที่จัดกิจกรรมการตลาด (Event Marketing) หรืออบรมสัมมนาทั่วไป กลุ่มที่สองคือผู้จัดงาน หรือออร์กาไนเซอร์ ที่รับจัดงานเปิดตัวสินค้า งานแถลงข่าว ตลอดจนกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ ซึ่งรวมทั้ง 2 กลุ่ม คิดเป็นร้อยละ 70 และกลุ่มคนทั่วไปที่ต้องการจัดงานเลี้ยงที่บ้านร้อยละ 30
การเข้าหาลูกค้าโดยตรงเป็นทางเลือกที่ค่ายนี้นำมาใช้เป็นกลยุทธ์เชิงรุกเช่นกัน แต่วางกลยุทธ์ทางอ้อมไว้ทุกครั้งที่จัดงาน นั่นคือ การวางนามบัตร และแผ่นพับไว้ เพื่อให้ลูกค้าและคนทั่วได้รับรู้ในชื่อตราสินค้าเป็นกลยุทธ์ที่เธอเชื่อว่า “การทำไดเร็กต์ เมล์ จะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากที่สุด ตลอดจนการพูดปากต่อปาก ทำให้ได้กลุ่มลูกค้าเพิ่มขึ้น ปัจจุบันลูกค้ามีทั้งบริษัทขนาดกลางและใหญ่ เช่น ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) บริษัทเนชั่น กรุ๊ป จำกัด สถาบันการศึกษา เอยูเอ เป็นต้น” เจ้าของกิจการกล่าว
เป้าหมายของ Annie’s Party Planner คือ การเป็น ผู้ให้บริการจัดงานเลี้ยง (Organi-zer) ครบวงจร ที่จำเป็นต้องมีครบทุกองค์ประกอบ ทั้ง แสง สี เสียง การตกแต่งประดับประดาด้วยไฟ ดนตรี ดอกไม้ พร้อมเสิร์ฟอาหาร โดยร่วมกับพันธมิตร (Supplier) เพื่อให้งานเลี้ยงออกมาสมบูรณ์แบบ ทั้งนี้ เป็นการสร้างความสัมพันธ์ และความต่างเอาชนะคู่แข่งเจ้าตลาดธรรมดา นอกเหนือจากงานสัมมนาหรือการประชุมทั่วไป
ด้านนางสาวสมจิตร ลิขิตสถาพร กรรมการผู้จัดการบริษัทแฟรนไชส์โฟกัส จำกัด ให้มุมมองว่า อาหารและเบเกอรี่เป็นธุรกิจที่ได้รับความสนใจจากกลุ่ม ผู้ประกอบการรายใหม่จำนวนมาก แต่รูปแบบการดำเนินธุรกิจโดยเฉพาะเบเกอรี่ยังคงยึดแนวทางเดิมที่เคยเป็นมาในอดีตนั่นคือเข้าสู่กิจการระดับครอบครัวหรือขยายกิจการด้วยการฝากขายตามร้านค้า
ปัจจุบันแนวทางต่อยอดกิจการผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะขยายสู่บริการจัดเลี้ยง ผ่านการจัดงานประชุม, สัมมนา เพื่อเพิ่มช่องทางการสร้างรายได้ให้อีกทางหนึ่ง ตนมองว่าธุรกิจเบเกอรี่ยังมีโอกาสทางธุรกิจอีกมากที่จะขยายกิจการได้มากขึ้น หากมีแนวคิดที่ แตกต่างและระบบบริหารจัดการที่ดีเพียงพอ เนื่องจากปัจจุบันรูปแบบแฟรนไชส์เบเกอรี่ยังไม่มีรายใดเข้าสู่ระบบนี้อย่างจริงจัง