AEC : โอกาสท่องเที่ยวไทยในเออีซี

AEC : โอกาสท่องเที่ยวไทยในเออีซี

การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 กติกาใหม่จะเปิดโอกาสให้นักลงทุนแค่ไหน มองไปข้างหน้าการท่องเที่ยวไทยจะฟูหรือฟุบ เทรนด์โรงแรมจะเป็นอย่างไร และประเทศไทยจะสร้างโอกาสจากเออีซีอย่างไร “ฐานเศรษฐกิจ”ได้จับประเด็นในงานสัมมนาไทยแลนด์ ฮอสพิทาลิตี้ คองเกรส โดยมีสมาคมโรงแรมไทยหรือทีเอชเอ เป็นแม่งาน เมื่อวันที่ 5-6 กันยายนที่ผ่านมามานำเสนอ

รู้ก่อนรวยก่อนสู่อาเซียน

โอกาสของนักลงทุนไทยในอาเซียน หรือรู้ก่อน รวยก่อนกับการเปิดประตูสู่อาเซียน นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ ผู้อำนวยการสำนักการค้าบริการและการลงทุน กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า “เงื่อนไขการลงทุนโรงแรมและการเคลื่อนย้ายแรงงานในแต่ละประเทศอาเซียน” เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในปี 2558 เมื่ออาเซียนจะกลายเป็นตลาดร่วมอย่างสมบูรณ์ นิติบุคคลอาเซียนสามารถถือหุ้นได้ถึง 70% ในธุรกิจบริการในอาเซียน ทั้งจะกลายเป็นศูนย์กลางการลงทุนทั่วโลก และมีการรวมตัวของตลาดเงินและตลาดทุนอย่างเป็นระบบ

ดังนั้นสิ่งที่จะเห็นต่อไปคือการสร้างความร่วมมือรองรับการเปิดเสรีในอนาคต และการเคลื่อนย้ายแรงงาน 32 วิชาชีพ หรือ MRAs ซึ่งเป็นข้อตกลงยอมรับร่วมกัน แต่ยังต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบภายในของประเทศนั้นๆ ทั้งในอนาคตก็จะมีการมองไปที่อาเซียน +6 ซึ่งประชากรโลกราวกว่า 50% จะอยู่ที่เรา และในขณะเดียวกันไทยยังมีการจัดทำข้อผูกพันชุดที่ 8 ซึ่งเป็นข้อผูกพันล่าสุดที่เป็นข้อตกลงในการปกป้องธุรกิจไทย (ตารางประกอบ)

ส่วนประเด็นในด้านเงินลงทุน นายสุรสีห์ กมลวารินทร์ รองประธานฝ่ายอำนวยการสาขาต่างประเทศ กิจการธนาคารต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวถึง “นโยบายสนับสนุน และ Know How การลงทุนโรงแรมในกลุ่มประเทศอาเซียน” ว่า การนำเงินไปลงทุนหรือทำธุรกรรมในประเทศอาเซียน ต้องศึกษากฎหมายและกฎระเบียบของแต่ละธนาคาร อย่างกรณีที่คนสนใจไปลงทุนในพม่ามาก โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจโรงแรม ซึ่งในแง่ของไฟแนนเชียลอาจจะไม่ง่าย เพราะกฎหมายของพม่ายังไม่สมบูรณ์และสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา และแม้พม่ายังติดเรื่องแซงก์ชัน แต่ก็ยังสามารถทำธุรกิจได้ นับเป็นโอกาสทองของธุรกิจโรงแรม แต่ต้องมีการศึกษาให้ดีในทุกประเทศ โดยเฉพาะการนำทรัพย์สินเข้าไปลงทุน ซึ่งนักลงทุนสามารถเดินเข้าไปถามธนาคารทุกสาขาในต่างประเทศได้ในเรื่องกฎระเบียบการลงทุนเหล่านี้

ขณะที่นายอุดม ศรีมหาโชตะ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สมาคมโรงแรมไทยหรือทีเอชเอ กล่าวถึง “ข้อคิด มุมมอง ข้อได้เปรียบ เสียเปรียบสำหรับไทยและนักลงทุนไทยในการเปิดเสรีอาเซียน” ว่าต่างชาติยังมองการลงทุนในไทยอยู่ เนื่องจากประเทศในกลุ่ม CLMV (กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม) ยังมีความยากในการลงทุน หากไม่เข้มแข็งจริง ส่วนการเตรียมความพร้อมของธุรกิจโรงแรม ต้องมองจุดอ่อนจุดแข็งของธุรกิจโรงแรม ไม่ใช่ทำโรงแรมหรู 6 ดาวในภาคอีสาน ต้องหาจุดขายและตลาดให้ได้เสียก่อน รวมถึงต้องมองว่าตลาดเป็นอย่างไร ซึ่งแนวโน้มตลาด 3-4 ดาวจะไปได้ดี เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ และผู้ประกอบการต้องมองการนำนวัตกรรมด้านไอทีใหม่ๆ มาใช้

มุมมองกูรูไทยได้เปรียบ

ด้าน “ท่องเที่ยวไทยจะฟูหรือฟุบหลังเปิดเออีซี ในมุมมองกูรู” ต่างฟันธงว่าจะเป็นโอกาสที่ดีของไทย โดยเฉพาะการขยายตัวจากตลาดนักท่องเที่ยวรัสเซีย อินเดีย และจีน ต่อเรื่องนี้นายกูบิไลย์ อเทค ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เปกัส ทัวริส (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า ในปีที่ผ่านมาชาวรัสเซียเดินทางมาไทยกว่า 1 ล้านคน โดยจองผ่านเปกัสกว่า 50% ซึ่งไทยมีจุดแข็งคือความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยว แต่ยังขาดเรื่องบริการและสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น อาหารสำหรับชาวรัสเซีย การแก้ปัญหาการหลอกลวงนักท่องเที่ยว เพราะหากสามารถแก้ปัญหานี้ได้ ตลาดรัสเซียจะขยายตัวแบบก้าวกระโดดจากที่เป็นอยู่

ในส่วนของตลาดอินเดีย นายพิศิฐ รัตนเชตกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิลเลียน เดสติเนชั่น จำกัด กล่าวว่า ตลาดอินเดียมีความน่าสนใจ เพราะไม่อ่อนไหวหรือเซนสิทีฟจากปัญหาน้ำท่วมหรือการเมืองของไทย ซึ่งตลาดที่น่าสนใจไม่อยู่เฉพาะในเมืองหลักเท่านั้น แต่รวมถึงเมืองรองด้วย เช่น แคว้นโอริสสา ที่ยังไม่มีผู้ประกอบการเข้าไปทำตลาด ทั้งโอกาสจากการเปิดเออีซีผู้ประกอบการควรมองหาพาร์ตเนอร์ในตลาดต่างประเทศที่ทำตลาดอินเดียเหมือนกัน เพราะการร่วมมือกันของผู้ประกอบการจะทำให้มีอำนาจต่อรองกับตลาดเป้าหมายหรือการต่อรองในนาฟต้าและอียู โดยไทยจะยังคงเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยว แต่ผู้ประกอบการต้องพัฒนาบุคลากรให้มีความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะการพัฒนาภาษา รวมถึงการใช้เทคโนโลยีมาช่วย

สำหรับตลาดจีน นายสุรวัช อัครวรมาศ ตัวแทนจากสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยวหรือแอตต้า กล่าวถึง การเปิดเออีซีจะทำให้บริษัททัวร์ขนาดใหญ่ของจีนเข้ามาทำธุรกิจในไทยแน่นอน หากผู้ประกอบการไทยไม่เร่งลงทุนในขณะนี้ รอจีนมาเปิด ก็จะทำอะไรไม่ทัน อย่างไรก็ดี ตลาดนักท่องเที่ยวจีนมีขนาดใหญ่มาก ทั้งในขณะนี้อานิสงส์จาก R3A ทำให้คนจีนเข้ามาเที่ยวเชียงใหม่และเชียงรายมากขึ้น รวมถึงตลาดนักท่องเที่ยวที่เดินทางเองหรือเอฟไอทีก็เติบโตราว 20-30% ทุกปี แม้จะเป็นกลุ่มที่เริ่มทำงาน แต่มีการใช้จ่ายสูง ผู้ประกอบการไทยต้องลงไปศึกษาพฤติกรรมของแต่ละตลาดให้ชัดเจน เพราะการเปิดเออีซีจะทำให้ไทยศูนย์กลางไปลาวและเวียดนาม

บางกอกแอร์เล็งเปิดโลว์คอสต์

จากการขยายตัวของตลาดที่เพิ่มขึ้น นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ ประธานสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส กล่าวถึงมุมมองของบางกอกแอร์เวย์ส” ว่า วิสัยทัศน์ของสายการบินจะ วางเป้าหมายการสร้างเครือข่ายการบินให้ครอบคลุมอินโดไชน่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเดสติเนชั่นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรม โดยสนใจเพิ่มเส้นทางบินใหม่ในจีน พม่า กัมพูชา และลาว ซึ่งตารางบินฤดูหนาวนี้จะเปิดบินกรุงเทพฯ-เวียงจันทน์ ส่วนในปี 2556 จะเปิดบินกรุงเทพฯ-มัณฑะเลย์ และมีแนวคิดเปิดให้บริการสายการบินต้นทุนต่ำ ให้เป็นไฟติ้งแบรนด์ คาดว่าผลจะออกมาอย่างเป็นรูปธรรมภายในไตรมาส 2 ปี 2556

ขณะที่การเปิดเออีซี จะทำให้สิทธิการบินจะหายออกไปในข้อกำหนด นั่นคือสามารถเปิดบินได้อย่างเสรีในอาเซียน ถือว่าเป็นโอกาสในการสร้างเครือข่ายของสายการบิน ส่งผลให้ตลาดกว้างขึ้นและทำให้อาเซียนมีความน่าสนใจมากขึ้น จากเดิมที่ประเทศไทยมีประชากร 60 ล้านคน ก็จะกลายเป็น 600 ล้านคน รวมถึงการเดินทางของประชากรนอกอาเซียนด้วย นอกจากนี้ยังมีโอกาสของการสร้างความร่วมมือกับสายการบินต่างๆ ในอาเซียนด้วยกัน ขณะเดียวกันก็อาจมีข้อจำกัดที่ส่งผลให้มีคู่แข่งมากขึ้น โอกาสที่จะเสียส่วนแบ่งทางการตลาดที่ถือครองอยู่ ดังนั้นธุรกิจต้องสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดและแคมเปญต่างๆ ในการดึงดูดลูกค้า ประกอบกับการเปิดเสรีทำให้แรงงานเคลื่อนย้ายได้อย่างอิสระ อาจจะทำให้ไทยสูญเสียบุคลากรออกไปสูง เพราะคนไทยขึ้นชื่อในเรื่องการให้บริการเป็นอันดับหนึ่งในอาเซียน

เทรนด์รร.ต้องสร้างเอกลักษณ์

สำหรับแนวโน้มของการออกแบบโรงแรมในอนาคต นายดวงฤทธิ์ บุนนาค สถาปนิก บริษัท ดวงฤทธิ์ บุนนาค อาชิเทค จำกัด กล่าวว่า การทำธุรกิจโรงแรมกับธนาคารมักจะไม่ไปด้วยกัน เนื่องจากธนาคารมักจะไม่อนุมัติกู้สำหรับการลงทุนโรงแรมขนาดเล็ก และเทรนด์ของการออกแบบโรงแรมจะต้องสร้างให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ด้านนางวิภาวดี พัฒนพงศ์พิบูล ซีอีโอ บริษัท P49 ดีไซน์ แอนด์ แอสโซซิเอท จำกัด กล่าวว่า เทรนด์ของโรงแรมในขณะนี้เป็นแบบโอเพ่น คือเปิดโล่งทั้งห้องน้ำ ห้องอาหารที่เป็นครัวโล่ง จริงๆ ไม่มีเทรนด์ที่แน่นอน แต่การดีไซน์โรงแรมจะขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการในการศึกษาโพรไฟล์ของลูกค้า การทำตลาด และโลเกชันของโรงแรม เพราะลูกค้าแต่ละคนชอบไม่เหมือนกัน

นายสุวิช ทัศนศักดิ์ ตัวแทนจาก บริษัท ออกัส ดีไซน์ คอนซัลแทนท์ จำกัด กล่าวว่า เทรนด์โรงแรมในอนาคตจะมีความเป็นยูนิกหรือมีเอกลักษณ์มากขึ้น ซึ่งเป็นคีย์ซักเซส รวมถึงขึ้นอยู่กับลูกค้า เช่น คนที่ชอบแฟชั่นก็จะไปพักแบรนด์ W โดยเชนโรงแรมเองก็มีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับเทรนด์ เช่น สตาร์วู้ด ก็มีการเปลี่ยนแบรนด์ W ให้เป็นบูติก โฮเต็ล มีคาแรกเตอร์เป็นเฟรนลี่ เชนไฮแอท ก็มีการนำแบรนด์ Andaz สร้างคาแรกเตอร์ให้เป็นบูติกโฮเต็ล หรือโซฟิเทล ก็มีการเปิดแบรนด์ โซ โดยทุกแบรนด์พยายามหาจุดเด่นมาขาย และกำหนดกลุ่มลูกค้าให้แคบลง เพราะแต่ละคนมีความชอบไม่เหมือนกัน
ทั้งหมดเป็นโอกาสของไทยจากการเข้าสู่เออีซี

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,773 9-12 กันยายน พ.ศ. 2555

Add a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *