AEC : แบล็คแคนยอนเจาะคู่ค้าเออีซี
|AEC : แบล็คแคนยอนเจาะคู่ค้าเออีซี
แบล็คแคนยอน เร่งขยายลงทุนต่างประเทศ มั่นใจเปิดครบ 10 ประเทศอาเซียน หลังเปิดเจรจาหาแฟรนไชส์ในบรูไน และเวียดนาม เผยตลาดในไทยแข่งดุ หลังแบรนด์ใหม่ตบเท้าเพิ่ม ล่าสุดทุ่มงบ 60 ล้าน
ลุยขยายสาขา พร้อมรีโนเวต 15 แห่งรวด หวั่นวิกฤติน้ำท่วมกระทบมู้ดจับจ่าย คาดสิ้นปีโต 15%
นางกรรณิการ์ ชินประสิทธิ์ชัย ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แบล็คแคนยอน (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหารร้านอาหารและกาแฟแบล็คแคนยอน เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรที่ประเทศบรูไน และเวียดนามเพื่อเข้าไปขยายธุรกิจร้านอาหารและกาแฟแบล็คแคนยอนในรูปแบบแฟรนไชส์ ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถขยายการลงทุนได้ครบ 10 ประเทศในอาเซียน รองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีในปี 2558 โดยปัจจุบันแบล็คแคนยอน เปิดสาขาในประเทศเพื่อนบ้านแล้ว 43 แห่ง
ขณะที่การเปิดสาขาในประเทศปีนี้ใช้งบลงทุนราว 60 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาใหม่และปรับปรุงสาขาเดิมให้มีความทันสมัยมากขึ้นรวม 15 สาขา ทั้งในศูนย์การค้า สถานีบริการน้ำมัน จากที่มีสาขาให้บริการอยู่ 232 แห่งทั่วประเทศ เพื่อเป็นการรุกธุรกิจอาหารซึ่งปัจจุบันตลาดค่อนข้างคึกคักและมีการแข่งขันรุนแรงมากขึ้น หลังจากมีร้านอาหารแบรนด์ใหม่ๆเข้ามาทำตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ 9 เดือนที่ผ่านมาตลาดยังพอขยายตัวได้ แม้ว่าเศรษฐกิจและกำลังซื้อผู้บริโภคจะอยู่ในระดับทรงตัว
ส่วนภาพรวมยอดขายของบริษัทถือว่ายังมีการเติบโตในทิศทางที่ดี โดยมีปัจจัยบวกจากการเปิดสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับสาขาเดิมมีการจัดกิจกรรมการตลาดรักษาฐานลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น และในช่วงไตรมาส 4 บริษัทเตรียมจัดกิจกรรมลอยัลตีโปรแกรมให้กับลูกค้า สำหรับเครื่องดื่มกาแฟ และแคมเปญเซเลเบรชันเพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงปลายปีด้วย
“ธุรกิจร้านอาหารยังมีการเติบโตได้ เห็นได้จากมีร้านอาหารใหม่ๆเกิดขึ้น และครีเอตตัวเองมีไอเดียแปลกใหม่ เพื่อให้ตอบสนองกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคมากขึ้น เพราะปัจจุบันเทรนด์การรับประทานอาหารของลูกค้าถือเป็นความทันสมัยและบ่งบอกไลฟ์สไตล์มากขึ้น ส่วนสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย ยอมรับว่ากระทบต่อผู้บริโภค ทำให้ออกมาจับจ่ายใช้สอย รับประทานอาหารนอกบ้านน้อยลง แต่ส่งผลกระทบในบางทำเล บางสาขาเท่านั้น และหากผู้ประกอบการมีการจัดโปรโมชันและมอบความคุ้มค่าให้กับผู้บริโภคก็ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายได้” นางกรรณิการ์ กล่าว
อย่างไรก็ดีบริษัทมีความเป็นห่วงเหตุการณ์ภัยธรรมชาติ และภาวะน้ำท่วมที่เกิดขึ้นซึ่งอาจกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค ขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจไม่น่ากังวลมากนัก เพราะอาหารยังเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน และจากการที่บริษัททำการตลาดจัดโปรโมชันต่อเนื่อง คาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายทั้งปีให้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ 15%
ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ