กลางวันแสกๆ ก็เสี่ยง 'ภัยคนใช้รถ'

กลางวันแสกๆ ก็เสี่ยง ‘ภัยคนใช้รถ’
• คุณภาพชีวิต
ติดไฟแดงยัง ‘ถูกปล้น’

สถานการณ์ภัยอาชญากรรมลักวิ่งชิงปล้นในเมืองไทยนับวันจะยิ่งดุ-ยิ่งร้ายมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งกับคนที่มี “รถยนต์ส่วนตัว” ใช้ ที่ในอดีตถือว่าค่อนข้างจะปลอดภัย เพราะไม่ต้องไปไหนมาไหนท่ามกลางผู้คนมากหน้าหลายตาที่ไม่รู้จักมักคุ้น ซึ่งอาจมี “มิจฉาชีพ” ปะปนอยู่ด้วย ระยะหลัง ๆ ความไม่ปลอดภัยก็คุกคามมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่จอดรถไว้แล้ว “ถูกขโมยรถ” หรือ “ถูกทุบกระจกรถฉกทรัพย์”

และปัจจุบัน “ภัยคนใช้รถ” ก็ดุ-ก็ร้ายยิ่งขึ้นอีก

แม้แต่กลางวันแสก ๆ กำลังขับรถอยู่…ก็ “เสี่ยง”

ทั้งนี้ ยุคนี้มีทั้งเสียงเล่าขานกันปากต่อปาก และมีทั้งการส่งต่อข้อความทางอินเทอร์เน็ต เพื่อ “เตือนภัยคนใช้รถ” อันเนื่องจากมิจฉาชีพ “จี้-ปล้น” ซึ่งดูจากพฤติกรรมของคนร้ายแล้ว…ถือว่าน่ากลัว !!

ตัวอย่างแรก… ผู้ใช้รถที่เป็นชายรายหนึ่ง จอดรถไว้ที่ชั้น ใต้ดินห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ระหว่างออกจากห้างกลับไปที่รถก็สังเกตเห็นว่ามีชายคนหนึ่งเดินตาม แต่ตอนแรกเจ้าของรถรายนี้ก็ไม่ได้คิดอะไร และเผอิญถือแก้วน้ำติดมืออยู่จึงเดินเลยรถของตนเองเพื่อหาที่ทิ้งแก้ว จนสังเกตเห็นพิรุธของชายที่เดินตาม จึงแกล้งทำท่าจะไขเข้ารถคันหนึ่ง แล้วรีบทำเป็นเปลี่ยนใจจะหาที่ทิ้งแก้วให้ได้ก่อน รีบเดินย้อนกลับไปที่รถของตนเองจริง ๆ แล้วรีบขึ้นรถ-ล็อกรถ รีบขับออกจากลานจอดทันที แล้วเจ้าของรถรายนี้ก็เห็นชายต้องสงสัยยืน ซุ่มอยู่แถวรถคันแรกที่ตนเองทำท่าจะไข จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ห้างไปตรวจสอบ แล้วก็พบว่าชายต้องสงสัยรายนี้ พกมีด !!

ตัวอย่างที่สอง… เจ้าของรถที่เป็นหญิงรายหนึ่ง ขับรถกลับบ้านคนเดียวประมาณ 2 ทุ่มกว่า พอเลี้ยวเข้าซอยก็มีรถมอเตอร์ไซค์ขับตาม พอจอดรถหน้าบ้านคนขี่มอเตอร์ไซค์ก็จู่โจมเข้ามาเปิดประตูรถข้างคนขับ แต่เจ้าของรถรายนี้ระวังตัวอยู่แล้วจึงล็อกรถไว้ เจ้าคนที่ คาดว่าจะเป็นคนร้ายก็ทำท่าเหมือนจะขอถามอะไร ขอให้เปิดประตูรถ หน่อย แต่เจ้าของรถไม่เปิด พร้อมบีบแตรรถเสียงดังจนคนในบ้านออก มาดู มันจึงรีบเผ่นหนีไป

ตัวอย่างที่สาม… เจ้าของรถรายหนึ่งจอดรถติดไฟแดงอยู่ จู่ ๆ ก็มีชายสองคนจู่โจมจะเปิดประตูรถส่วนหลังทั้ง 2 ข้าง แต่ประตูล็อกอยู่ ชายทั้งคู่จึงรีบเดินปะปนกับฝูงชนหายไป ซึ่งถ้ามันเปิดได้…อะไรจะเกิดขึ้น ?

ตัวอย่างที่สี่… คล้ายตัวอย่างที่สาม ซ้ำเป็นกลางวันแสก ๆ เจ้าของรถเป็นผู้หญิงกับลูก คนที่เชื่อว่าเป็นคนร้ายลงจากรถยนต์คันใกล้ ๆ มาเปิดรถ พอเปิดไม่ได้ก็กลับขึ้นรถ พอไฟเขียวก็ขับไป เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ตัวอย่างที่ห้า… รถก็จอดติดไฟแดง คนที่เชื่อว่าเป็นคนร้ายขี่มอเตอร์ไซค์ มาจอดประกบแล้วก็พยายามมองจ้องในรถบริเวณประตู แล้วก็ขับออกไป พร้อมกับพูดกันว่า “รถมันล็อกหมด”

ตัวอย่างที่หก… รถจอดติดไฟแดง แต่รถไม่ได้ล็อก จู่ ๆ ก็มี ชายสองคนเปิดประตูรถขึ้นนั่งที่เบาะหลัง แต่เจ้าของรถรีบปลดเข็ม ขัดนิรภัย ดับเครื่อง ดึงกุญแจรถแล้วเปิดประตูไปยืนนอกรถ แล้ว ตะโกนเสียงดัง เจ้าสองคนที่เชื่อว่าเป็นคนร้ายเลยเหวอ ทำเป็นอ้างว่า ขึ้นรถผิดคัน แล้วก็มีรถอีกคันรีบขับมารับพวกมันไป

กรณีตัวอย่างเหล่านี้ถูกส่งต่อ ๆ เตือนกันทางอินเทอร์เน็ต

และทุกรายเชื่อว่ารอดจากการถูก “จี้-ปล้น” หวุดหวิด !!

ทั้งนี้ จากกรณีตัวอย่าง-จากเสียงเตือนปากต่อปาก ใครจะเชื่อ-ไม่เชื่ออย่างไรก็ว่ากันไป แต่กับ “ภัยจี้ปล้นคนใช้รถ” นี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่านับวันจะมีรูปแบบใหม่ ๆ มากขึ้นจริง ๆ อย่าง พ.ต.ท.พิพัฒน์ บุญพิทักษ์ สว.จร.สน.พลับพลาไชย 1 ก็บอก ว่า… “ทุกวันนี้พวกมิจฉาชีพได้พัฒนาวิธี การเรื่อย ๆ บางครั้ง บางสิ่งบางอย่าง ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ แต่ ก็เป็นไปแล้ว”

พ.ต.ท.พิพัฒน์ยังบอกอีกว่า… การป้องกันตัวเองในขณะใช้ รถ โดยเฉพาะยามค่ำคืน คือไม่ควรจอดรถหรือไปตามสถานที่เปลี่ยว ไม่ควรไปไหนมาไหนคนเดียวตอนกลางคืน โดยเฉพาะที่เป็นผู้หญิง หากจำเป็นจริง ๆ ก็ควรมีเพื่อนไปด้วย และอยู่ในรถก็ควรปิดกระจกและล็อกประตูรถ ตามบริเวณแยกไฟแดงก็ควรต้องระวัง มีใคร-มีเด็กมาขายพวงมาลัยหรือสินค้าอะไรก็ไม่ควรเปิดซื้อ รวมทั้งพวกเช็ดกระจกรถก็ไม่ควรไปใจดีเปิดรถให้เงิน เพราะนี่ก็เป็นช่องทางหนึ่งที่เปิดโอกาสให้พวกมิจฉาชีพ มีคนใช้รถถูกจี้-ถูกทำร้ายโดยคาดไม่ถึงมา นักต่อนักแล้ว

“ขณะจอดรถติดไฟแดง ถ้ามีคนแปลกหน้ามาเคาะให้เปิดประตูรถ ไม่ว่ากรณีใด ๆ ก็ห้ามเปิด ซึ่ง ปัจจุบันคนร้ายจะแฝงตัวมาในหลายรูปแบบ เช่น ขอเงิน ขายของ ทำทีว่าถูกรถเราเฉี่ยวชน หรืออื่น ๆ เพื่อจะให้เราเปิดประตูรถ เราต้องใจแข็ง ตั้งสติให้ ดี ไม่เปิดโอกาสให้มิจฉาชีพ และ การจอดรถตามห้างสรรพสินค้า ปัจจุบันก็ยังจำเป็นต้องระวังให้มาก ๆ ซึ่งที่สำคัญควรมีเบอร์โทรฯแจ้งตำรวจพื้นที่ หรือโทรฯ แจ้ง 191 ทันทีที่พบเหตุการณ์ผิดปกติ” …พ.ต.ท.พิพัฒน์ให้คำแนะนำ พร้อมกันนี้ก็ยังฝากเตือนไว้ด้วยว่า…..

“ภัยสังคมสังคมเหล่านี้จะแอบแฝงเข้ามาในรูปแบบและกลอุบายต่าง ๆ ที่มีการพัฒนาไปเรื่อย ๆ ซึ่งที่ผ่านมามีผู้ประสบเหตุ จนต้องเสียทรัพย์สิน เสียรถ เจ็บตัว รวมถึงเสียชีวิต ไปแล้วจำนวนไม่น้อย

ดังนั้น ประชาชนอย่าได้ประมาทเด็ดขาด !!”.

ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

Add a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *