“อัลไซเมอร์” ภัยร้ายผู้สูงวัย
“อัลไซเมอร์” ภัยร้ายผู้สูงวัย
• คุณภาพชีวิต
แนะทานผัก-ผลไม้ ออกกำลังกายเป็นประจำลดเสี่ยงโรค
TCELS หรือศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีวิวิทยาศาสตร์ของประเทศไทย เผยว่า โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease) เป็นโรคที่พบบ่อยที่สุดประมาณ 60 % ของโรคสมองเสื่อม(Dementia) ของผู้สูงอายุ เกิดจากเนื้อสมองหรือเซลล์ของสมองตาย เมื่อเป็นแล้วไม่มีวันหาย
ลักษณะเด่นที่สำคัญของโรคนี้ คือจะมีอาการสับสน ไม่สามารถปฏิบัติงานที่เคยทำตามปกติได้ บางรายมีอาการก้าวร้าวทุบตีคนดูแล บางรายจำทางกลับบ้านไม่ได้ จึงทำให้เกิดปัญหาผู้สูงอายุหายออกจากบ้าน แต่อาการจะเริ่มอย่างค่อยเป็นค่อยไป หากไม่ได้รับการตรวจวินิจฉัย หรือสังเกตอาการผิดปกติตั้งแต่เนิ่นๆ ผู้ป่วยก็จะมีอาการหนัก
ในระยะท้ายของโรคจะสูญเสียความจำทั้งหมด เป็นปัญหาที่สำคัญมากทั้งตัวผู้ป่วยทำให้ขาดคุณภาพชีวิต ส่วนผู้ดูแลเกิดความเครียด โรคนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั่วโลกรวมทั้งไทยด้วย เนื่องจากประชากรมีอายุยืนยาวขึ้น
จากผลการสำรวจสภาวะสุขภาพอนามัยของประชาชนไทยด้วยวิธีการตรวจร่างกาย โดยสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขครั้งล่าสุดใน 2547 พบผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป มีปัญหาสมองเสื่อม 30% หรือพบได้ 1 คนในผู้สูงอายุทุกๆ 3 คน โดยในผู้สูงอายุชายพบ 24% ส่วนผู้หญิงพบ 35% และยิ่งพบมากเมื่ออายุขึ้น
โดยกลุ่มผู้สูงอายุหญิง อายุ 60-69 ปี พบ 22% ในกลุ่มอายุ 70-79 ปี พบได้ 38% และในกลุ่มอายุ 80 ปีขึ้นไปจะพบได้มากถึง 70% ขณะที่ผู้ชายวัยเดียวกันพบ 47 % โดยพบในภาคใต้มากที่สุด 33% รองลงมาคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 31% ภาคเหนือและภาคกลางพบ 26 %ในเขตกทม.พบ 18%
หากประมาณการขนาดปัญหาจากผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปที่มี 7 ล้านกว่าคนในปี 2550 คาดว่าจะมีผู้สูงอายุเป็นโรคสมองเสื่อมประมาณ 2 ล้าน 1 แสนคน และคาดว่าจะมีผู้ที่เป็นโรคอัลไซเมอร์ประมาณ 1 ล้านกว่าราย
ในขณะเดียวกันจากาการศึกษาระบาดวิทยาถึงสถิติความชุกของโรคอัลไซเมอร์ในประชากรโลก พบว่ามีอัตราสูงประมาณ 10% ของผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปี และจะมีอัตราเป็นโรคสูงถึงประมาณ 20 % ถ้าอายุเกิน 90 ปี ขณะนี้ทั่วโลกพบผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ประมาณ 26 ล้านกว่าคน
นายจรัญ กล่าวว่า โดยทั่วไปอาการของโรคโรคอัลไซเมอร์ ตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งเสียชีวิตใช้เวลา 5-20 ปี ปัจจุบันนี้ยังไม่มีวัคซีนหรือยารักษาให้หายขาด มีเพียงการชะลออาการไม่ให้เสื่อมเร็วขึ้นเท่านั้น ก่อให้เกิดความเครียดอย่างมากต่อผู้ดูแล จึงเป็นเรื่องท้าทายวงการแพทย์ทั่วโลกที่จะวิจัยพัฒนาทั้งเรื่องการป้องกันที่สาเหตุ และการดูแลรักษาเมื่อป่วยแล้ว
ซึ่งขณะนี้ในประเทศไทยยังมีความรู้เรื่องนี้ไม่เพียงพอ จึงต้องมีการลงทุนศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยTCELS จะให้การสนับสนุนให้มูลนิธิโรคอัลไซเมอร์ประเทศไทย ลงมือวิจัยอย่างจริงจัง อย่างต่อเนื่อง
รวมทั้งให้เป็นศูนย์พัฒนาฝึกอบรมผู้ดูแลผู้ป่วย ซึ่งขณะนี้ยังขาดองค์ความรู้และหน่วยงานรับผิดชอบโดยเฉพาะ และในอนาคตจะมีการะดมทุนเพื่อสร้างศูนย์วิจัย และศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ โดยเชื่อมโยงกับนานาชาติ เพื่อประโยชน์ของคนไทย ซึ่งต่อไปประเทศไทยจะเป็นสังคมผู้สูงอายุ
หากไม่เร่งเตรียมการลงมือตั้งแต่วันนี้ ก็อาจจะรับมือกับปัญหาในอนาคตไม่ทันและถึงเวลานั้นก็อาจมีผู้สูงอายุที่เป็นโรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ถูกทอดทิ้งมากขึ้น เพราะลูกหลาน คนดูแลไม่เข้าใจ
ด้านคุณหญิงอุไรวรรณ ศิรินุพงศ์ รองประธานมูลนิธิโรคอัลไซเมอร์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า คนไทยจะเป็นโรคสมองเสื่อมมากขึ้น สาเหตุสำคัญเกิดมาจากวิถีความเป็นอยู่และการกินอาหาร โดยเฉพาะอาหารประเภททอด ผัด มีไขมันและแป้งมากเกินไป
โดยผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมมักมีอาการก่อนอายุ 60 ปี แต่ยังปรากฏอาการไม่ชัดเจน กลุ่มที่เสี่ยงจะเป็นโรคสมองเสื่อมและพบก่อนอายุ 60 ปี ได้แก่ผู้ที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังอาหารจำพวกของทอด ผัด มัน หากอยากกินเนื้อสัตว์ ขอให้เลือกเนื้อปลาแทน และกินข้าวเป็นหลัก ไม่กินแป้ง
ส่วนผักผลไม้ซึ่งมีมากในประเทศไทยนั้น ผักกินได้เกือบทุกประเภท ยกเว้นผลไม้ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีความหวานมาก จะต้องเลือกบริโภคผลไม้ที่ไม่มีน้ำตาลมาก เช่น ฝรั่ง แอปเปิ้ล ชมพู่ ส้มโอ
ทั้งนี้จากการวิจัยพบว่า ผู้สูงอายุที่ใช้ชีวิตกระฉับกระเฉง ออกกำลังกายเป็นประจำ เช่น การเดิน จะทำให้หลอดเลือดไปเลี้ยงสมองเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง สามารถลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคสมองเสื่อมได้ 60%
นอกจากนี้ผู้สูงอายุที่ออกกำลังกายเป็นประจำ ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการเผาผลาญออกซิเจนให้เป็นพลังงานแก่ร่างกาย ทำให้รู้สึกกระชุ่มกระชวย ชะลอความชราได้
ที่มา: หนังสือพิมพ์พิมพ์ไทย