“ชีวจิต” พิชิตภูมิแพ้
“ชีวจิต” พิชิตภูมิแพ้
• คุณภาพชีวิต
เคล็ดลับดูแลสุขภาพรับลมหนาว
เดือนนี้เข้าหน้าหนาวกันเป็นทางการแล้วอากาศที่เปลี่ยนจากหน้าฝนเข้าสู่หน้าหนาวแบบนี้ อาจทำให้บางคน จับไข้ได้ง่ายๆ โดยเฉพาะคนที่เป็นภูมิแพ้ เชื่อว่ามีเรดาร์รับการเปลี่ยนแปลงเร็วกว่าคนที่สุขภาพแข็งแรงแน่ๆ
เชื่อไหมว่าในปัจจุบันคนเป็นโรคภูมิแพ้กันมาก โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยมลภาวะ เรียกว่าโรคนี้เป็นโรคฮ็อตฮิตที่เป็นเรื้อรังกันมาก จากการสำรวจพบว่ามีผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ทั่วโลกสูงถึง 3,600 ล้านคน
กว่า 80% ของผู้ป่วยโรคภูมิแพ้มีสาเหตุมาจากการสูดสารก่อภูมิแพ้จำพวกผงฝุ่น ที่ลอยปะปนอยู่ในอากาศหรือเกาะอยู่ตามวัสดุต่างๆ เข้าไป ซึ่งหนึ่งในวายร้ายตัวสำคัญ เหล่านั้นคือมูลที่เกิดจากการขับถ่ายของเจ้า “ไรฝุ่น” นั่นเอง
นอกจากสารก่อภูมิแพ้และสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เกิดภูมิแพ้แล้ว ยังมีปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคที่สำคัญอีกก็คือ กรรมพันธุ์ ซึ่งเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้หากคุณพ่อคุณแม่เป็นภูมิแพ้และส่งต่อมาให้เรา
ก่อนอื่นมาดูกันว่า ทำไมเราถึงเป็นภูมิแพ้ โรคภูมิแพ้เกิดจากร่างกายมีปฏิกิริยาต่อสิ่งที่แพ้ เช่น ฝุ่นในบ้าน เชื้อรา ละอองเกสรดอกไม้ แล้วปล่อยสารแพ้ เช่น ฮิสตามีน (Histamine) ออกมา ถ้าสารแพ้นี้มาแสดงปฏิกิริยาที่ผิวหนังก็ทำให้เป็นโรคแพ้ทางผิวหนัง เช่น ลมพิษ ผื่นคัน เป็นต้น
ถ้าแสดงออกที่ตาก็กลายเป็นโรคเยื่อตาขาวอักเสบ ถ้าแสดงออกที่จมูกก็กลายเป็นหวัด แพ้อากาศ ถ้าแสดงออกที่หลอดลมก็กลายเป็นหืด
ร่างกายเมื่อเกิดการแพ้จะเป็นๆ หายๆ และถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ด้วย โดยเฉพาะในเด็กนั้นมีรายงานว่ามีโอกาสเป็นภูมิแพ้สูงกว่าผู้ใหญ่ และสารที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ก็มีมากกว่า เช่น นม ไข่ อาหารทะเล ถั่วลิสง เป็นต้น
สิ่งที่หลายคนคาดไม่ถึงก็คือ การใส่สารกันบูด สีผสมอาหาร หรือสารปรุงรสในอาหารต่างๆ อาจทำให้เกิดการแพ้ได้ง่าย โดยเฉพาะในเด็ก
แล้วเราจะกำจัดโรคภูมิแพ้ได้อย่างไรโดยไม่ต้องทนทุกข์กับผลข้างเคียงของยาแก้แพ้ เช่น การง่วงนอน ปากคอแห้ง หรือการเต้นของหัวใจถูกรบกวน อาการข้างเคียงของยาที่ทำให้จมูกโล่งคือ มีอาการใจสั่น กระวนกระวาย มีอาการทางจิตประสาท นอนไม่หลับ ทางออกในปัจจุบัน ก็คือการหลีกเลี่ยงสารที่แพ้กับการกินยาและพบหมอ
สำหรับในแนวทางของ “ชีวจิต” นอกจากต้องขจัดความเครียดและนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอซึ่งจะช่วยเพิ่มระบบอิมมูนซิสเต็มในร่างกายแล้ว ยังจำเป็นที่จะต้อง ไม่ทานหวานมาก มันมาก และงดทานเนื้อสัตว์ นอกจากนี้ ยังสามารถสร้างภูมิต้านทานได้จากการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และควรเพิ่มสารแอนติออกซิแดนท์จากผัก ผลไม้ที่ให้วิตามินเอ ซี อี และ บี
วิตามินเอ พบมากในผักใบเขียว (ตำลึง ผักบุ้ง) อาหารที่มีสีเหลือง เช่น มะละกอสุก มะม่วงสุก มะเขือเทศ ฟักทอง วิตามินซี พืชผักสีเขียวและผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น ตำลึง ผักบุ้ง พริกหยวก ส้ม มะนาว สับปะรด ส่วนวิตามินบี เช่น วิตามินบี 1 พบมากจากข้าวซ้อมมือ ถั่ว เมล็ดงา วิตามินบี 6 พบในถั่วต่างๆ กล้วย และผักใบเขียว วิตามินอี พบในน้ำมันพืชชนิดต่างๆ
รายงานการศึกษายังพบอีกว่า ขมิ้นชันมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ รวมไปถึงมีฤทธิ์ต้านฮิสตามีน การทานขมิ้นชันเป็นประจำจึงสามารถช่วยให้โรคภูมิแพ้ดีขึ้นได้ นอกจากนี้ ในแวดวงสมุนไพรยังมีการแนะนำให้ใช้ชาเขียว ขิง ชะเอม น้ำมันปลา ในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและลดการอักเสบในคนที่เป็นโรคภูมิแพ้อีกด้วย
ส่วนคนที่แพ้อากาศในช่วงนี้ ยังสามารถลดอาการแพ้ได้โดยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ดื่มน้ำเปล่ามากๆ พักผ่อนให้เพียงพอ ที่สำคัญ ควรกำจัดและป้องกันไรฝุ่นด้วยการซักหรือทำความสะอาดเครื่องนอนเป็นประจำ การดูดฝุ่นจากหมอนและพรมเป็นประจำ
นอกจากนี้ ยังสามารถใช้สารสกัดจากพืชสมุนไพรเพื่อช่วยกำกัดไรฝุ่นได้อีกด้วย เช่น สารสกัดจากว่านน้ำและหางไหลขาว สามารถใช้ในการควบคุมไรฝุ่น ทั้งในแง่การนำไปฉีดพ่นโดยตรง หรือการรมด้วยสารสกัด
ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน