ไอคิวมนุษย์

ไอคิวมนุษย์
เจาะโลก
วิจักขณ์ ชิตรัตน์
ศาสตราจารย์ชาวนิวซีแลนด์คนหนึ่งศึกษาเรื่องไอคิวมนุษย์มาหลายสิบปี บอกกับชาวโลกเมื่อไม่นานนี้ว่า ไอคิวของมนุษย์เราสูงขึ้นมาเป็นระยะๆ เมื่อเทียบกับอดีต และบอกว่าลูกจะมีไอคิวสูงกว่าพ่อแม่เสมอ คนเป็นพ่อแม่ฟังแล้วคงสบายใจ
นายคนนี้แกอายุ 73 ปีแล้ว หากผลวิจัยของแกเป็นความจริงลูกหลานของแกก็คงจะมีผลงานให้เราติดตามกันต่อไปอีก
อย่างไรก็ตาม แกบอกด้วยว่า ถึงจะเชื่อว่ามนุษย์ยุคใหม่มีไอคิวสูงขึ้นกว่าก่อน แต่หากคนในวันนี้เอาแต่แต่งงานกับคนที่มีไอคิวต่ำขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุด ไอคิวมนุษย์โดยเฉลี่ยก็จะลดลงได้
อ่านผลงานของแกแล้วก็ต้องคิดตามอย่างคนมีไอคิวให้ดีนะครับ
เพราะผมเชื่อว่าจริงๆ แล้วมนุษย์เราโง่ได้กว่าเดิมเสมอ แม้ว่าสถานะทางสังคมอย่างอื่นจะดูเหมือนดี
คำคมของฝรั่งที่บอกว่า กินอย่างไร ก็เป็นอย่างนั้น ก็ยังพอใช้ได้อยู่ ในแวดวงสุขภาพอนามัย แต่ดูคำๆ นี้จะเชยไปเสียแล้ว เพราะวันนี้ต้องพูดใหม่ว่า ทำอย่างไร ย่อมได้อย่างนั้น
เป็นข้อคิดที่ฝรั่งเพิ่งคิดได้ หลังจากที่พระพุทธองค์สั่งสอนมากว่า 2,500 ปี
เมื่อสิ้นปี 2550 จีนได้ก้าวขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งของโลก (แทนสหรัฐ) ในเรื่องสร้างมลพิษทางอากาศ แต่รัฐบาลจีนก็ยังตีบตันอยู่ เพราะเมื่อยังอยากร่ำรวย ก็ยังต้องผลิต การผลิตที่ใช้พลังงานจากถ่านหิน น้ำมัน คือตัวการหลักที่ทำให้จีนแซงสหรัฐในเรื่องร้ายๆ
รัฐบาลจีนกลุ้มเรื่องนี้ แต่ยังหาทางออกในวันสองวันนี้ไม่ได้ ฉะนั้น ก็ต้องสร้างมลพิษต่อไปก่อน แต่คนจีน โดยเฉพาะแถบมองโกลที่เป็นแหล่งเหมืองถ่านหินนั้น กลับไม่ปริปากบ่น หรือที่ฝรั่งชอบเรียกว่าพวก stoic คือจะยากดีมีจน เดือดร้อนอย่างไรก็ไม่ว่า
อาจเป็นเรื่องของคนจนที่ไร้ทางออก จำต้องทน รวมทั้งสะท้อนไอคิวรัฐบาลจีนด้วย
ตามไบเบิลฉบับดั้งเดิม เล่าเรื่องการต่อเรือโนอาห์ก่อนน้ำท่วมโลกไว้ว่า พระเจ้าเป็นผู้สั่งให้โนอาห์ต่อเรือ และเอาสัตว์ต่างๆ บนพื้นผิวโลกไปใส่ไว้ในเรือชนิดละคู่ ในครั้งนั้น มีพืชพันธุ์ธัญญาหารด้วยที่โนอาห์เอาใส่เรือ แต่ก็แค่ 25 ชนิดเท่านั้น
วันนี้สถาบันด้านการรักษาพันธุ์พืชของนอร์เวย์ ร่วมมือกับผู้มีเงินทั้งหลาย รวมทั้งนายบิลเกตต์ เจ้าของไมโครซอฟท์ ช่วยกันสร้างไซโลพืชพันธุ์ขนาดใหญ่ที่ขุดเจาะเข้าไปในภูเขาที่อยู่แถบขั้วโลกเหนือ วัตถุประสงค์ก็เพื่อเก็บพันธุ์พืชต่างๆ ของมนุษย์ไว้ รวมราว 4 ล้านสายพันธุ์
หากเกิดภัยพิบัติ หรือหายนะใดๆ มนุษย์ก็ยังมีหวังที่จะไม่อดตาย? งานนี้ถือว่ามีไอคิวสูงขึ้นกว่าเก่าก่อน เพราะมนุษย์คิดเอง สั่งตนเองได้
อีกด้านหนึ่ง ฝรั่งแข่งกันสร้างเครื่องบินขนาดยักษ์ จุดได้ 400-500 ที่นั่ง นัยว่าแข่งกันด้านการทำมาหารายได้ ไม่ทำไม่ได้ แต่กลายเป็นว่าวันนี้นักธุรกิจจำนวนมากกลับบอกว่าพวกเขาไม่อยากบินอีกสักเท่าไหร่แล้ว
เหตุผลหลักก็คือ การเดินทางด้วยเครื่องบินมีความเสี่ยงมากขึ้น เสียเวลามากที่สนามบิน เข้าออกก็เวียนหัว ฯลฯ สนามบินอันดับต้นๆ ที่ทำให้นักธุรกิจบ่นก็คือที่ลอนดอน นิวยอร์ก ส่วนอีกหลายแห่ง ก็ถูกตั้งข้อรังเกียจว่าเอาแต่หาผลกำไรด้วยการเปิดร้านขายของ (แทนที่จะบริการด้านเข้า-ออกให้ดี)
ไม่ทราบว่าไอคิวคนขาย หรือคนซื้อที่สูงกว่ากัน
ไอคิวของประเทศอาจจะดูได้จากไอคิวของทีมบริหารประเทศ แต่จะให้ศาสตราจารย์ผู้นี้จะมาวัดไอคิวของบ้านเราก็คงยากหน่อย เพราะแกคงบอกว่าขอไปวัดไอคิวของคนงานเหมืองถ่านหินในมองโกเลียดีกว่า
สุขใจกว่ากันเยอะ

Add a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *