โอเมก้า-3 อาหารบำรุงสมอง
โอเมก้า-3 อาหารบำรุงสมอง
(โดย เภสัชกร สรจักร ศิรฺบริรักษ์ จาก นิตยสาร สรรสาระ เดือน ธันวาคม 2543 หน้า 23)
คนโบราณ สอนลูกหลานไว้ว่า กินปลาแล้วฉลาดคนไทยมีความสัมพันธ์แนบแน่นกับปลามาแต่นมนานคงเป็นเพราะ “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” คนไทยจึงรู้จักปรุงอาหารด้วยเนื้อปลาเป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นทอดมันปลากราย น้ำพริกปลาทู ยำปลาสลิด แต่ถ้าถามว่า เนื้อปลาช่วยบำรุงสมองเหมือนที่คนโบราณว่าจริงไหม?
อืมม์…น่าสนใจ รู้กันมานานแล้วว่า เนื้อปลาในแง่โภชนาการมีโปรตีนไม่ด้อยไปกว่าเนื้อสัตว์บก แต่ในภาพรวมมีไขมันและโคเลสเตอรอลต่ำกว่าและยังเป็นแหล่งวิตามินและเกลือแร่ เช่น วิตามินบี12 ไอโอดีน ฟอสฟอรัส ซิลิเนียม สังกะสี และแคลเซียม แต่สิ่งที่ทำให้วงการแพทย์ยุคใหม่ฮือฮามากที่สุดเห็นจะเป็นโอเมก้า-3 ปลาทะเลลึก ปลาทูน่า ปลาแซลมอน มีไขมันไม่อิ่มตัวกลุ่มหนึ่ง เรียกรวมๆ ว่าโอเมก้า-3 สองตัวเด่นชื่อ อีพีเอ (EPA) และ ดีเอชเอ (DHA)
โอเมก้า-3 มีความสามารถน่าสนใจหลายประการโดยเฉพาะฤทธิ์ต่อจิตใจและสมอง งานวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาวาร์ดแสดงให้เห็นว่าผู้ป่วยที่หดหู่ซึมเศร้า สามารถมีอารมณ์ดีขึ้นได้ใน 4 เดือนเมื่อได้รับอาหารที่มีส่วนผสมของโอเมก้า-3 ดร.แอนดริว สโทลอธิบายว่ากรดไขมันโอเมก้า-3 กระตุ้นการสร้างสารเคมีในสมองชื่อซีโรโทนิน ซึ่งมีฤทธิ์ต้านการซึมเศร้าได้ ดังนั้น ใครที่เครียดซึมเซาหดหู่ รีบหาซื้อปลามากินเสียไวๆ เนื้อปลาช่วยให้อารมณ์ดีได้อีกแรง
ส่วนผลของเนื้อปลากับสมองนั้น ดร.จูดิธ เวิร์ทแมน แห่งสถาบัน MIT ได้ศึกษาพบว่า เนื้อปลาอุดมด้วยกรดอะมิโน Thyrosine ซึ่งกระตุ้นสารสำคัญในสมองตัวคือ Nerephinephrine และ Dopamine ทำให้สมองกระฉับกระเฉง มีสมาธิ
นายแพทย์วิลเลียม คอนเนอร์ มหาวิทยาลัยโอเรกอนวิจัยพบว่า โอเมก้า-3 ทำให้การทำงานของสมองดีขึ้นโดยการกระตุ้นให้เซลล์สมองไวต่อการรับสัญญาณประสาท
เนื้อสมองของคนเรา ประกอบด้วยเซลล์สมองจำนวนคงที่ตั้งแต่เกิด แต่อาจฝ่อหายไปได้เมื่อแก่ตัวลงการเจริญเติบโตของเซลล์สมองจำเป็นต้องมีไขมันโอเมก้า-3 เป็นส่วนประกอบสำคัญ เมื่อเรากินโอเมก้า-3 เข้าไป เกือบทั้งหมดจะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดโดยไม่ถูกเปลี่ยนแปลง จากนั้นจึงเดินทางไปสู่ตับและสมองเพื่อนำไปสร้างเซลล์ประสาท เราจึงควรให้เด็กกินเนื้อปลาโอเมก้า-3 สลับกับเนื้อสัตว์ชนิดอื่น
เมื่อทดลองทำให้หนูขาดโอเมก้า-3 พบว่า หนูจะมีอาการความจำเสื่อมและการเรียนรู้ลดลง หนูทดลองที่ได้รับเนื้อปลาเป็นอาหารประจำจะจำวิธีค้นหาน้ำดื่มที่ซ่อนไว้ได้ดีกว่าหนูที่อยู่ในภาวะขาดโอเมก้า-3
ยังไม่มีรายงานการวิจัยในมนุษย์ แต่เชื่อว่าผลคงไม่ต่างกันนัก นอกจากประโยชน์ของเนื้อปลาต่อสมองยังมีการค้นพบเมื่อหลายสิบปีมาแล้วว่า ชาวเอสกิโมซึ่งกินปลาทะเลมากกว่าคนทั่วไป จะป่วยเป็นโรคหัวใจน้อยมาก ต่อมาจึงรู้ว่าโอเมก้า-3 ในเนื้อปลาสามารถลดความเสี่ยงจากโรคหลอดเลือดและหัวใจได้เช่นเดียวกับรายงานการวิจัยของญี่ปุ่น จนถึงวันนี้ มีการศึกษาทางคลินิกในผู้ป่วยหลายชิ้นที่แสดงให้เห็นว่า โอเมก้า-3 สามารถช่วยปกป้องเราจากโรคหลอดเลือดและหัวใจ โคเลสเตอรอล ไขมันในเลือด ไมเกรน ฯลฯ
ร่างกายไม่สามารถสร้างกรดโอเมก้า-3 ขึ้นเองได้ แหล่งที่ดีที่สุดคือเนื้อปลา โอเมก้า-3 มีแทรกอยู่ทั่วตัวปลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งปลาทะเล