แมรี่ เคย์ แอช ตอน 3 (จบ)
|แมรี่ เคย์ แอช ตอน 3 การขยายกิจการ
ปี 1966 เป็นปีแห่งความเจริญรุ่งเรืองปีหนึ่งสำหรับแมรี่ เคย์ และบริษัทเครื่องสำอางของเธอ ถึงแม้ตอนที่นำบริษัทฝ่าฟันจนยืนได้อย่างมั่นคงจะเป็นช่วงเวลาแห่งความยุ่งเหยิงวุ่นวาย แต่ในทีสุดแมรี่ เคย์ก็สามารถสร้างชีวิตส่วนตัวขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง เธอสมรสกับ เมล แอซ นักธุรกิจที่พบกันจากนัดบอด ด้วยยอดขายสูงขนาด 1.3 ล้านดอลลาร์ บริษัทก็เริ่มเข้มแข็งและแมรี่ เคย์ พร้อมด้วยริชาร์ด โรเจอร์บุตรชายก็นำพาบริษัทสู่การมีชื่อเสียงโดดเด่นระดับชาติ
แมรี่ เคย์ คอสเมติคส์มั่นคงมากขึ้นในปี 1968 ตอนที่บริษัทมีเงินทุนเพิ่มขึ้น 2.34 ล้านดอลลาร์ ด้วยการขายหุ้นจำนวน 159,000 หุ้นให้แก่ประชาชน เธอใช้วิธีขายหุ้นก็เพื่อให้บริษัทควบคุมขั้นตอนการผลิตได้ เมื่อได้เงินมาแล้ว แมรี่ เคย์ ก็สร้างโรงงานขนาด 275,000 ตารางฟุตในดัลลัส ทำให้บริษัทสามารถผลิตสินค้าของตนเองได้ทั้งหมดและยังขยายตลาดกว้างขวางออกไปได้อีกด้วย ปากต่อปากของลูกค้าส่งให้บริษัทแพร่หลายไปทั่วรัฐเท็กซัส และยังกระจายสู่รัฐข้างเคียงอย่างหลุยเซียน่า.โอกลาโฮม่า .อาร์คันซอ และนิวเม็กซิโก ปี 1970 ที่ปรึกษาความงามใน 5 รัฐนี้ทำยอดขายคิดเป็น 90 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายทั้งหมด
ความสำเร็จครั้งนี้ทำให้บริษัทยิ่งมีกำลังใจวางแผนขยายกิจการ หวังผลยิ่งใหญ่ขึ้นโดยการสร้างศูนย์กระจายสินค้าในแคลิฟอร์เนีย จอร์เจีย นิวเจอร์ซีย์ รัฐอิลลินอยส์ ให้เป็นสถานประกอบการที่ซึ่งผู้อำนวยการภูมิภาคสามารถจัดอบรมสมาชิกใหม่ๆได้นับสิบคน ระหว่างปี 1963-1978 (ปีที่ปรึกษาความงามของแมรี่ เคย์มีจำนวนมากกว่า 46,000 คน จำหน่ายสินค้าคิดเป็นมูลค่าได้สูงกว่า 50 ล้านดอลลาร์) ยอดขายของบริษัทก็เติบโตในอัตราเฉลี่ยปีละ 28 เปอร์เซ็นต์ แต่หลักการทำธุรกิจพื้นฐานของบริษัทเรียกได้ว่าแทบไม่เปลี่ยนแปลง บริษัทจะเรียกเก็บเงินสดทันที เมื่อพนักงานมารับของที่คลังสินค้า ในปี 1976 ที่บริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กนั้น บริษัทก็ได้ชื่อว่าเป็นบริษัทแรกของตลาดหลักทรัพย์ที่มีผู้หญิงนั่งเป็นประธาน นอกจากนี้แมรี่ เคย์ แอซ ยังเป็นผู้นำคนสำคัญและมีประสิทธิผลเหมือนเดิม เธอกลายเป็นม่ายอีกครั้งเมื่อ เมล แอซเสียชีวิตในปี 1980 เวลาส่วนใหญ่ของเธอจะหมดไปกับการประชุมและฝึกอบรมกลุ่มที่ปรึกษาความงาม เชิญที่ปรึกษาความงามหน้าใหม่ไปเที่ยวบ้านของเธอบ้าง เชิญมาชิมคุกกี้ทำเองในบ้านและเล่าเรื่องราวส่วนตัวเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจให้ฟังครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดเธอก็เขียนมันออกมาเป็นหนังสือชีวประวัติชื่อ แมรี่ เคย์ เธอพาผู้ทำยอดขายสูงสุดเดินทางไปลอนดอนและแคริบเบียน แล้วยังเดินทางไปทั่วประเทศทำเพื่อความรู้จักกับที่ปรึกษาความงามให้มากจำนวนที่สุดเท่าที่สามารถทำได้
ในปี 1985 ยอดขายของบริษัทตกจาก 323 ล้านดอลลาร์มาเหลือเพียง 260 ล้านดอลลาร์ ซึ่งในขณะที่ตลาดซ้ำเติมยอดขายของบริษัทนั่นเอง แมรี่ เคย์ แอซ กับริชาร์ด โรเจอรส์ก็มองเห็นโอกาสหนึ่ง สองแม่ลูกเปลี่ยนความคิดต่อต้านการเป็นหนี้สินที่เคยยึดถือเป็นนโยบายมาช้านาน หันไปกู้ยืมอย่างหนัก เพื่อซื้อหุ้น 70 เปอร์เซ็นต์ของบริษัทที่ทั้งคู่ไม่ได้เป็นเจ้าของด้วยการใช้วิธี LBO หรือกู้เงินมาซื้อหุ้นเพื่อควบคุมกิจการเป็นเงินถึง 315 ล้านดอลลาร์
ในขณะที่นักวิจารณ์บางรายเชื่อว่าสองแม่ลูกจ่ายเงินเพื่อควบคุมกิจการทั้งหมดเป็นวงเงินที่สูงเกินไป ศรัทธาที่สองแม่ลูกมีต่อบริษัทของตน ก็ส่งผลกล่าวคือ ภายใต้การกำกับดูแลของริชาร์ด บริษัทก็เสนอค่าคอมมิชชั่นและโบนัสสูงขึ้นกับเน้นความสนใจไปที่การขยายกิจการในต่างแดนมากกว่าเดิม แมรี่ เคย์ คอสเมติคส์จึงฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ในปี 1991 พนักงานขายจำนวน 220,000 ราย ของบริษัทสามารถทำยอดขายได้สูงถึง 487 ล้านดอลลาร์
เมื่อย่างเข้าสู่ปีที่ 40 บริษัทก็ยังสามารถรักษาความกระตือรือร้นในหมู่ทีมงานขายของตนเองเอาไว้ได้ และไม่มีความกระตือรือร้นที่ไหนจะเห็นชัดมากไปกว่าการสัมมนาประจำปีที่ 30 ของบริษัทช่วงฤดูร้อนปี 1994วันนั้น พนักงานขายหญิง 40,000 คนกับที่เป็นผู้ชายไม่กี่ราย ได้มารวมตัวกันที่ศูนย์ประชุมดัลลัสทั้งหมดมาร่วมฉลองปีที่ยอดขายทำสถิติอีกครั้งหนึ่ง เป็นปีที่ยอดขายทั้งหมดคิดเป็น 850 ล้านดอลลาร์
บรรดาที่ปรึกษาความงามต่างเดินทางมาไกลจากโอเรกอน โอกลาโอม่า นิวยอร์ก ซิตี้ และเมืองเล็กๆในรัฐเนบลาสก้า จากต่างประเทศเช่น รัสเซียและญี่ปุ่นและจากประเทศอื่นๆ อีก 21 ประเทศ ซึ่งที่ปรึกษาความงามของแมรี่ เคย์ดำเนินงานอยู่ แม่บ้านกระทบเคียงบ่าเคียงไหล่กับปริญญาโทบริหารธุรกิจจากฮาร์วาร์ด และสตรีในสาขาวิชาชีพอื่นๆ 2 ใน 3 ของที่ปรึกษาความงามของแมรี่ เคย์ มีงานประจำทำ ส่วนคนที่เข้าใหม่ผู้ได้รับค่าคอมมิชชั่น 5,000 ดอลลาร์ นั่งติดกับผู้อำนวยการขายระดับชาติซึ่งมีรายได้สูงถึงระดับ 500,000 ดอลลาร์
แมรี่ เคย์ อดีตประธานบริหารผู้เป็นตำนานเล่าขานของบริษัทซึ่งมีอายุ 76 ปีและเกษียณแล้ว ทว่าก็ยังมาช่วยแจกรางวัลต่างๆมีมูลค่า 6 ล้านดอลลาร์ กับสวมมงกุฏประดับด้วยเพชรเลี้ยงให้แก่ราชินีนักขาย 4 คน ด้วยตัวเธอเองตามที่เคยปฏิบัติมาตลอด