‘แดจังกึม’ ต้นแบบสาวไทยยุคใหม่

“แดจังกึม” ต้นแบบสาวไทยยุคใหม่
ช่วงนี้ท่านใดไม่รู้จัก “แดจังกึม” มีสิทธิถูกพรรคพวกประณามว่าตกยุค เพราะละครเกาหลีเรื่อง “แดจังกึม จอมนางแห่งวังหลวง” ก่อกระแสนิยมละครเกาหลีขึ้นอีกระลอกใหญ่ในสังคมบ้านเรา

ตำนานของสาวน้อยแดจังกึม ซึ่งได้เข้าไปทำงานในครัววังหลวงสมัยย้อนยุค ครองใจผู้ชมโทรทัศน์ชาวไทยจนเรทติ้งพุ่งกระฉูด ตัวดิฉันเองชึ่งไม่ใช่คอละคร โดยเฉพาะละครประเภทจักรๆ วงศ์ๆ ไม่ว่าของชาติใดก็มักรีบเปิดผ่านไปดูรายการข่าวเป็นหลัก ก็ยังอดไม่ได้ที่จะเทหัวใจให้สาวน้อยตาใสในละครแบบ “แฟนพันธุ์แท้” ติดงอมแงมใครอย่าได้มาชวนไปเที่ยวไหนตอนเย็นวันเสาร์และอาทิตย์ ออกอาการอาจคล้ายๆ ท่านผู้อ่านหลายท่าน

เสน่ห์ของละครเรื่องนี้มีหลายมิติ นอกเหนือจากการเดินเรื่องที่น่าสนใจ การแสดงที่พอดี และเนื้อหาที่น่าติดตามแล้ว ดิฉันชอบเรื่องนี้เป็นพิเศษเพราะนัยว่าเป็นเรื่องที่สร้างจากเรื่องจริงของบุคคลในประวัติศาสตร์เกาหลี ที่สำคัญดิฉันติดใจนางเอกมากเป็นพิเศษเพราะแดจังกึมเป็นผู้หญิงมีทั้งความเก่งและฉลาด ควบคู่กับความอ่อนน้อมและความดีแบบเหมาะเจาะลงตัว

ดิฉันเคยดูละครที่นางเอกเป็นคนแสนดีแบบไม่ลงตัว ประเภทดีเลิศจนขาดสติ วันๆ มีแต่เสนอตัวให้นางร้ายย่ำยีหัวใจน้อยๆ จนต้องนั่งร้องไห้ร้องห่มซมซานรอให้พระเอกมาช่วยสถานเดียว คนดูอย่างดิฉันเริ่มรู้สึกระคายเคืองว่ามันเรื่องอะไร! ชีวิตนี้สุดจะรันทดขนาดนั้น และที่สำคัญเธอไม่คิดที่จะลุกขื้นมาช่วยตัวเอง ผ่อนหนักให้เป็นเบา ซึ่งไม่น่าจะต้องใช้เชาว์ปัญญามากมาย

ดังนั้น หนังหรือละครที่มีตัวละครที่ทั้งเก่ง ทั้งดีแบบพอเหมาะพอเจาะ แบบพอดิบพอดี น่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นหัวใจซึ่งนำมาซึ่งความนิยมละครดังเรื่องนี้

ดิฉันขอเสนอมุมมองที่โยงใยกับการทำงานจากบทเรียนของ “แดจังกึม” ว่าทำไมนางเอกจึงประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในหมู่คณะผู้เตรียมอาหารในวังตามท้องเรื่อง ซึ่งคนทำงานแบบเราๆ ท่านๆ สามารถนำแนวทางไปใช้ได้แบบสำเร็จรูป

ประเด็นแรก แดจังกึม เป็นคนทำงานที่มี ความจริงใจ ต่อเพื่อนร่วมงาน แถมร่าเริงสนุกสนานไม่เครียดไม่เคืองแค้นนางร้ายจนหน้าเหี่ยวหน้าย่น สำหรับตัวดิฉันเองมีความเชื่ออยู่ประการหนึ่งอย่างแน่วแน่ว่ากาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์คนอย่างแท้จริง

ดังนั้น การเป็นคนดี และจริงใจกับคนรอบข้าง ใส่ใจคนรอบข้างแทนการบีบบังคับให้คนรอบข้างหันมาใส่ใจเรา เป็นหนทางที่ทำให้มีชีวิตอันเป็นสุขได้ในการทำงาน แม้บางครั้งอาจมีอุปสรรคขวากหนามบ้าง แต่ในที่สุดแล้วความดีความจริงใจ (ที่มิใช่แบบใสซื่อบริสุทธิ์ แบบแป๋วแหวว ปลอดสติ) จะเป็นแรงโน้มนำให้เราประสบความสำเร็จดังใจในที่สุด

นอกจากนั้น นางเอกของเรายังมีคุณสมบัติและพฤติกรรมของผู้อ่อนน้อมถ่อมตน จนคนรอบข้างและผู้ใหญ่ที่มีใจเป็นธรรมอดไม่ได้ที่จะเอ็นดู ทั้งนี้แม้จะอ่อนน้อมแต่แดจังกึมก็ไม่อ่อนแอ แถมกล้าคิด กล้าพูด กล้าทำในสิ่งที่แตกต่าง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่เขาหากันยิ่งนักในสถานที่ทำงานยุคนี้

ที่สำคัญดังได้กล่าวข้างต้น นางเอกเป็นคนเฉลียวฉลาด แต่ไม่ทรนงตนว่าเก่ง ว่าฉลาด ทั้งยังเป็นคนช่างสงสัย ช่างศึกษาช่างคิด ช่างค้น ช่างทดลอง มองหาแนวทางการทำอาหารแบบใหม่ๆ ด้วยวิธีแปลกๆ โดยไม่ติดยึดกับรูปแบบเดิมๆ เมื่อมีปัญหาก็หาวิธีแก้จนมีผลงานโดดเด่นเป็นที่ประทับใจของทั้งเพื่อนร่วมงานและหัวหน้าที่ใจเป็นธรรม (ในละครย่อมมีทั้งเพื่อนร่วมงานและหัวหน้าที่มุ่งร้ายใจอคติเป็นธรรมดา….จะว่ากันไปก็ใช่จะห่างและต่างจากชีวิตจริงเท่าใดนัก)

หลายครั้งนางเอกไม่ประสบความสำเร็จในการทดลองแบบใหม่ๆ นางก็มิได้ถดท้อ ใช้ความผิดความพลาดเป็นครู สิ่งที่เรียนรู้จากบทเรียนที่ล้มเหลว บางครั้งมีค่าควรใส่ใจเท่าหรือมากกว่าการเรียนรู้จากความสำเร็จเสียอีก

ความโดดเด่นที่ดิฉันติดใจที่สุดในตัวนางเอกละครเรื่องนี้คือความสามารถในการคิดเชิงสังเคราะห์

การคิดแบบสังเคราะห์ต่างจากการคิดแบบวิเคราะห์ในประเด็นสำคัญคือ การวิเคราะห์เป็นการแยกประเด็นออกเป็นส่วนๆ เพื่อศึกษาและทำความเข้าใจในแต่ละประเด็น แต่ละเรื่อง แยกกันออกไป เช่นละครตอนล่าสุดนางเอกสามารถหารากของปัญหาที่เครื่องปรุงที่แม่ครัวชาววังหมักไว้เป็นไหๆ กลายรสจนน่ากังวลถึงคุณภาพและรสชาติอาหาร โดยค่อยๆ ไล่ศึกษาปัญหาทีละอย่างๆ วัตถุดิบที่ใช้ก็ไม่เป็นปัญหา เกลือที่หมักก็ไม่เป็นประเด็น แม้ไหเองก็มีคุณภาพเหมือนเดิม ดูไปดูมาเหมือนจะแก้ปัญหาไม่ตก จนเดินทางไปถึงตำบลหนึ่งซึ่งมีการหมักเครื่องปรุงเหมือนกันแต่ปรากฏว่ามีเพียงบางจุด บางที่ ในตำบลเล็กๆ นั้นที่เครื่องปรุงที่หมักจะมีรสชาติดีกว่าที่อื่น

นางเอกช่างสงสัยของเราไม่ยอมแพ้และไม่ฟันธงตรงไปตรงมาง่ายๆ ว่าน่าจะเป็นเพราะรสมือที่แตกต่างกัน เพราะเห็นว่าน่าเป็นเรื่องของ “ทำเล” อย่างแท้จริงตามคำบอกเล่าของชาวบ้าน

นางสังเกตทำเลทีละส่วนๆ แบบวิเคราะห์เจาะลึก ทั้งยังอาศัยข้อมูลที่เก็บเกี่ยวระหว่างการพูดคุยหารือกับคนรอบข้างเป็นปัจจัยเพิ่มเติ่มในการวิเคราะห์อีกด้วย

ทักษะการวิเคราะห์เป็นทักษะที่โดดเด่นน่าประทับใจ แต่ที่ยากยิ่งกว่าและมีน้อยคนที่จะเชี่ยวชาญ (แบบนางเอก) คือเรื่องการสังเคราะห์ หรือการนำชิ้นต่างๆ ที่เราแยกศึกษา แยกเข้าใจเป็นส่วนๆ กลับรวมเข้าด้วยกันในเชิงจิตนาการเพื่อมุ่งสู่ความเข้าใจภาพรวมและเกิดองค์ความรู้ เกิดมุมมองทะลุปรุโปร่ง เป็น insight ซึ่งนำไปใช้ได้เหนือระดับวิเคราะห์ เพราะเกิดปัญญาแบบบูรณาการ เกิดความเข้าใจเสริมขึ้นจากเดิม

ตามเรื่องนางค่อยๆ พินิจพิจารณาบริเวณที่ชาวบ้านเชื่อมั่นว่ามีอิทธิพลต่อความอร่อยล้ำของเครื่องปรุง จนในที่สุดทำตาโตแบบรู้แล้วๆ! และเร่งกลับไปตรวจเช็คในวังหลวงว่ามีปัจจัยที่ยืนยันแนวทางที่ค้นพบหรือไม่ปรากฏว่าใช่เลย! เครื่องปรุงที่มีรสชาติอร่อยล้ำเป็นเพราะไหที่หมักอยู่ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ที่มีเกสรประเภทหนึ่งที่ช่วยเร่งปฏิกิริยาการหมักให้ดีเลิศ แต่ปรากฏว่าในวังทำการตัดต้นไม้ประเภทนี้ไปบางส่วน ไหเครื่องปรุงที่อยู่บริเวณที่ต้นไม้ยังอยู่และมีละอองเกสรปลิวไปผสม เครื่องปรุงก็ยังคงรสชาตินิ่งเหมือนเดิม

ดังนั้นวิธีแก้คือต้องยกไหทั้งหลายไปไว้ตรงบริเวณมีต้นไม้ประเภทนี้แน่นอน ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้แดจังกึมจึงยากที่จะมีชีวิตการทำงานที่อับเฉาเศร้าโศก เพราะทั้งโลกคือห้องทดลองของเธอ ท่านผู้อ่านลองเพิ่มนิสัยบางอย่างของแดจังกึมลงในชีวิตการทำงานบ้าง ไม่ทำให้ชีวิตการทำงานสดใสขึ้น ให้รู้ไป!

พอใจ พุกกะคุปต์ เป็นนักเรียนทุนรัฐบาลจบการศึกษาปริญญาตรีสาขาเศรษฐศาสตร์และสาขารัฐศาสตร์จาก University of Michigan,Ann Arbor และปริญญาโทสาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจาก Stanford University ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการบริษัท Hay Group ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านองค์กรและคนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

เรื่อง : พอใจ พุกกะคุปต์

Add a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *