เกษตรกรรม : การปลูกปาล์มน้ำมันให้ได้ผลตอบแทนมากกว่า 3 เท่า (ตอนที่ 1)
|เกษตรกรรม : การปลูกปาล์มน้ำมันให้ได้ผลตอบแทนมากกว่า 3 เท่า (ตอนที่ 1)
“ปาล์มน้ำมัน” จัดเป็นพืชยืนต้นที่มีอายุการให้ผลผลิตอย่างยาวนานถึง 20-25 ปี ดังนั้น การคัดเลือกสายพันธุ์ การเตรียมการปลูก และการปลูกสร้างสวนปาล์มน้ำมันในช่วงแรกนับว่ามีความสำคัญที่สุด เพราะต้นปาล์มน้ำมันจะให้ผลผลิตสูงอย่างสม่ำเสมอนั้นขึ้นอยู่กับการเตรียมพื้นที่และการจัดการสวนในระยะเริ่มปลูกสร้างสวน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ต้นปาล์มอยู่ในระยะอ่อนแอ ดังนั้น การปฏิบัติที่ถูกวิธีในการปลูกและการดูแลรักษา จะเป็นแนวทางอันหนึ่งที่ทำให้สามารถเพิ่มผลผลิตและลดค่าใช้จ่ายในการผลิตในระยะยาวได้ ปัจจุบันปาล์มน้ำมันได้มีการขยายพื้นที่ปลูกไปยังภาคต่างๆ ของประเทศไทยอย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ หรือแม้แต่พื้นที่ลุ่มภาคกลาง โดยเฉพาะบริเวณทุ่งหลวงรังสิต ได้มีการใช้พื้นที่ที่เคยปลูกส้มเขียวหวานมาก่อน มาปลูกปาล์มน้ำมันกันมากขึ้น
มีข้อมูลว่า มีการปลูกปาล์มน้ำมันในทุ่งรังสิตมา 6 ปีแล้ว ซึ่งให้ผลผลิตมากกว่า 6,000 กิโลกรัม ต่อไร่ ต่อปี และถ้าได้สายพันธุ์คุณภาพสูงสกัดเปอร์เซ็นต์ได้มากกว่า 25% มีตัวอย่างภาคเอกชน โดย คุณวิสันต์ สินธุนนท์ เกษตรกรดีเด่นภาคใต้ ปี 2540 บริษัท สินธุเศรษฐ์ จำกัด เลขที่ 96 หมู่ที่ 5 ตำบลเขาพนม อำเภอเขาพนม จังหวัดกระบี่ 81140 โทร. (081) 968-0272, (081) 894-8222, (075) 689-349 เว็บไซต์ www.sintusatepalmoil.com, E-mail : s_wishson@yahoo.com ได้นำร่อง 1,000 ไร่ ใช้สายพันธุ์คอมแพคท์ ปลูกในพื้นที่ทุ่งหลวงรังสิต ตั้งแต่กลางปี พ.ศ. 2553 เพื่อเป็นต้นแบบการปลูกปาล์มน้ำมันสายพันธุ์ที่มีคุณภาพดี ในพื้นที่เหมาะสมเพื่อผลประโยชน์ตอบแทนและความคุ้มค่าสูงสุดในอาชีพ โดยมีเป้าหมายใช้พื้นที่ปลูก 1 ไร่ ให้ผลตอบแทนมากเท่ากับ 3 ไร่
การคัดเลือกสายพันธุ์ และต้นกล้าปาล์มน้ำมัน
อายุของต้นกล้าที่ใช้ปลูก ควรมีอายุ 10-18 เดือน และต้องผ่านการคัดต้นกล้าที่ผิดปกติทิ้ง เช่น ต้นเตี้ย และแคระแกร็น ทางใบทำมุมที่แคบกว่าปกติ ทางใบสั้น ต้นผอมชะลูด ซึ่งการดูแลรักษาต้นกล้าปาล์มน้ำมันในแปลงเพาะมีความสำคัญมากในการผลิตปาล์มน้ำมัน ถ้ามีการนำต้นกล้าปาล์มที่ไม่แข็งแรงและไม่สมบูรณ์ไปปลูกจะให้ผลผลิตช้า และผลผลิตที่ได้จะต่ำในระยะยาว ดังนั้น การพิจารณาแหล่งพันธุ์และแหล่งเพาะกล้าจึงเป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่งในการทำสวนปาล์มน้ำมันให้ประสบความสำเร็จ ไม่ควรใช้ต้นกล้าที่มีอายุต่ำกว่า 10 เดือน ไปปลูก เพราะการใช้ต้นกล้าอายุน้อยจะทำให้มีอัตราการผิดปกติของต้นปาล์มในแปลงสูง และให้ผลผลิตต่ำ ควรเลือกใช้ต้นกล้าปาล์มน้ำมันที่มีอายุ 18 เดือน ไปปลูก ทั้งนี้ เพราะจะทำให้ต้นปาล์มตกผลเร็ว และให้ผลผลิตถึงจุดคุ้มทุนได้เร็วกว่าใช้ต้นกล้าปกติเป็นจุดที่เกษตรกรควรให้ความสำคัญ เพราะจะเป็นปัจจัยอันหนึ่งที่จะช่วยลดต้นทุนการผลิตลงได้
สำหรับสายพันธุ์ที่นำเข้ามาจากประเทศคอสตาริกา เป็นสายพันธุ์คอมแพคท์ (compact) ที่ได้พิสูจน์ว่า ปลูกในบ้านเราเจริญเติบโตเร็วและให้ผลผลิตสูง อาทิ
- สายพันธุ์เดลิ x คอมแพคท์ (Deli x Compact) คุณสมบัติของสายพันธุ์ ให้ผลผลิตสูง 5-6 ตัน ต่อไร่ ต่อปี เมื่ออายุ 8 ปี, ผลผลิตสม่ำเสมอ ติดทะลายดก, น้ำหนักทะลายเฉลี่ย 18-22 กิโลกรัม, ให้เปอร์เซ็นต์น้ำมันมากกว่า 30%, ผลดิบสีดำ ผลสุกสีแดง, ทางใบสั้น 6.6-6.9 เมตร, ต้นเตี้ย ความสูงเฉลี่ยประมาณ 40 เซนติเมตร ต่อปี อายุการเก็บเกี่ยว 35 ปี, ทนแล้งปานกลาง และคุณสมบัติพิเศษปลูกได้ในพื้นที่ที่มีสภาพแสงน้อยและอุณหภูมิต่ำ ซึ่งสายพันธุ์นี้มีเกษตรกรปลูกไว้ 1,000 ต้น ที่คลองสิบสี่ให้ผลผลิตดกมาก เก็บเกี่ยวได้แล้ว
- สายพันธุ์คอมแพคท์ x ไนจีเรียแบล็ค (Compact x Nigeria Black) คุณสมบัติของสายพันธุ์ ให้ผลผลิตสูง 5-6 ตัน ต่อไร่ ต่อปี เมื่ออายุ 8 ปี, ผลผลิตสม่ำเสมอ ติดทะลายดก, น้ำหนักทะลายเฉลี่ย 18-22 กิโลกรัม, ให้เปอร์เซ็นต์น้ำมันมากกว่า 30%, ผลดิบสีดำ ผลสุกสีแดง, ทางใบยาว 6.6-6.9 เมตร, ต้นเตี้ย ความสูงเฉลี่ย 40-45 เซนติเมตร ต่อปี อายุการเก็บเกี่ยว 35 ปี และทนแล้งปานกลาง-สูง
- สายพันธุ์คอมแพคท์ x กานา (Compact x Ghana) คุณสมบัติของสายพันธุ์ ให้ผลผลิตสูง 5-6 ตัน ต่อไร่ ต่อปี เมื่ออายุ 8 ปี, ผลผลิตสม่ำเสมอ ติดทะลายดก, น้ำหนักทะลายเฉลี่ย 18-22 กิโลกรัม, ให้เปอร์เซ็นต์น้ำมันมากกว่า 30%, ผลดิบสีดำ ผลสุกสีแดง, ทางใบยาว 6.6-6.9 เมตร, ต้นเตี้ย ความสูงเฉลี่ย 40-45 เซนติเมตร ต่อปี อายุการเก็บเกี่ยว 35 ปี และทนแล้งปานกลาง
การเตรียมพื้นที่ปลูกและการทำถนน
ในพื้นที่ลุ่มน้ำท่วมขังมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการยกร่องและขุดคูระบายน้ำในแปลงปลูกปาล์มน้ำมัน ควรทำควบคู่ไปกับการปรับสภาพดินและทำถนน ร่องระบายน้ำในสวนปาล์มมี 3 ชนิด คือ “ร่องระบายน้ำในแปลง” ทำทุกๆ แถวของปาล์มน้ำมัน ขนาด 100 x 30 x 110 เซนติเมตร (ด้านบน x ด้านล่าง x ลึก), “ร่องระบายน้ำรวม” สร้างขนานไปกับถนนเข้าแปลง เชื่อมต่อกับร่องระบายน้ำในแปลงกับร่องระบายน้ำใหญ่ ขนาด 2.0 x 0.6 x 1.25 เมตร และ “ร่องระบายน้ำใหญ่” รับน้ำจากร่องระบายน้ำรวม และระบายออกสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ สร้างขนานไปกับถนนใหญ่ ขนาด 3.0 x 1.0 x 2.5 เมตร
การทำถนน การวางแผนทำถนนขึ้นอยู่กับขนาดของสวนปาล์มน้ำมัน โดยทั่วไปรูปแบบของถนนมี 3 แบบ คือ “ถนนใหญ่” กว้างประมาณ 5-8 เมตร เพื่อใช้เป็นเส้นทางขนส่งวัสดุการเกษตรและผลผลิตไปโรงสกัดน้ำมันปาล์ม (สำหรับสวนปาล์มขนาดเล็กกว่า 500 ไร่ ไม่จำเป็นต้องสร้างถนนใหญ่) “ถนนเข้าแปลง” หรือถนนซอยแยกออกจากถนนใหญ่ มีความกว้างประมาณ 4-5 เมตร ห่างกันประมาณ 40 ต้นปาล์ม เพื่อใช้สำหรับขนส่งวัสดุการเกษตรเข้าสวนปาล์มและขนส่งผลผลิต และ “ถนนซอย” แยกจากถนนเข้าแปลง ขนาดกว้างประมาณ 3-4 เมตร ซึ่งสามารถทำถนนซอยขนานไปกับแถวของต้นปาล์มน้ำมันได้ในทุกๆ ร่องระบายน้ำได้ ใช้ขนส่งวัสดุการเกษตรและผลผลิต
สำหรับระบบการปลูกปาล์มน้ำมัน การวางผังปลูกปาล์มน้ำมันควรวางแบบสามเหลี่ยมด้านเท่า เพราะจะทำให้การกระจายตัวของต้นปาล์มน้ำมันได้รับแสงดีกว่า ให้จำนวนต้นสูงกว่าแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัส ระยะปลูกปาล์มสายพันธุ์คอมแพคท์ของ คุณวิสันต์ สินธุนนท์ ทุกสายพันธุ์จะใช้ระยะปลูกเพียง 8 x 8 x 8 เมตร พื้นที่ 1 ไร่ ปลูกได้ 28 ต้น เนื่องจากปาล์มสายพันธุ์คอมแพคท์จะมีทางใบสั้นกว่าปาล์มสายพันธุ์อื่น โดยหากเป็นปาล์มสายพันธุ์อื่นที่ไม่ใช่พันธุ์คอมแพคท์จะใช้ระยะปลูก 9 x 9 x 9 เมตร
ปลูกพืชตระกูลถั่วคลุมดิน และการเตรียมหลุมปลูก
เพิ่มอินทรียวัตถุให้แปลงปลูก การปลูกพืชคลุมดินควรปลูกในช่วงเตรียมพื้นที่ ปลูกหลังจากการวางแนวหลุมปลูก เพื่อให้พืชคลุมเจริญเติบโต คลุมพื้นที่แปลงปลูก ลดการชะล้างพังทลายของหน้าดิน และควบคุมวัชพืชก่อนที่จะย้ายปลูกต้นปาล์ม ปลูกพืชตระกูลถั่วคลุมดินก่อนปลูกปาล์มน้ำมัน ในสัดส่วน ถั่วเพอราเรีย : ถั่วคาโลโปโกเนียม : ถั่วซีรูเลียม 3 : 3 :1 โดยน้ำหนัก โดยใช้เมล็ดอัตรา 1.5-2 กิโลกรัม ต่อไร่ หว่านเมล็ดเป็นแถวระหว่างแถวปลูกต้นปาล์ม ประมาณ 3-5 แถว ต่อระหว่างแถวปลูกปาล์ม หรือหยอดเป็นหลุมก็ได้ หลังจากเริ่มปลูกปาล์มน้ำมันถึงอายุ 3 ปี เกษตรกรสามารถปลูกพืชล้มลุกหรือพืชไร่ ในระหว่างแถวปาล์มน้ำมัน เพื่อเสริมรายได้ เช่น พืชผัก ข้าวโพด ถั่วต่างๆ สับปะรด เป็นต้น
หลังจากวางแนวการปลูก และปลูกพืชคลุมดินเรียบร้อยแล้ว ควรเตรียมหลุมปลูก ซึ่งการเตรียมหลุมมีการปฏิบัติ ดังนี้ ขุดหลุมให้มีขนาดใหญ่กว่าถุงต้นกล้าเล็กน้อย มีลักษณะเป็นรูปตัวยู หรือทรงกระบอก, การขุดหลุมควรแยกดินบน-ล่าง ออกจากกัน และใส่ปุ๋ยร็อกฟอสเฟต (0-3-0) รองก้นหลุม 250-500 กรัม ต่อหลุม
การขนส่งหรือขนย้ายต้นกล้าปาล์มจากแปลงเพาะไปแปลงปลูกจะต้องกระทำอย่างระมัดระวัง ไม่ให้ต้นกล้ากระทบกระเทือน ขนย้ายต้นกล้าเข้าประจำหลุมปลูก (ต้องขนย้ายอย่างระมัดระวัง ห้ามจับหิ้ว และโยนต้นปาล์มโดยเด็ดขาด)
ช่วงเวลาการปลูกปาล์มน้ำมัน
ระยะเวลาปลูก ควรกำหนดช่วงเวลาในการปลูกปาล์มน้ำมันในช่วงฤดูฝน ไม่ควรปลูกช่วงปลายฤดูฝนต่อเนื่องฤดูแล้ง หรือหลังจากปลูกต้นกล้าแล้วจะต้องมีฝนตกอีกอย่างน้อย 3 เดือน จึงจะเข้าฤดูแล้ง ถ้าเป็นไปได้หลังจากปลูกไม่ควรเกิน 10 วัน จะต้องมีฝนตก ทั้งนี้ เพื่อให้ต้นกล้าได้ตั้งตัว และมีการเจริญเติบโตในแปลงปลูกอย่างรวดเร็ว การปลูกจะต้องนำถุงพลาสติคออกจากต้นกล้าปาล์มน้ำมันอย่างระมัดระวัง อย่าให้ก้อนดินแตกโดยเด็ดขาด จะทำให้ต้นกล้าชะงักการเจริญเติบโต ประคองต้นกล้าอย่างระมัดระวังแล้ววางลงในหลุมปลูก ใส่ดินชั้นบนลงก้นหลุมแล้วจึงใส่ดินชั้นล่างตามลงไป และจัดต้นกล้าให้ตั้งตรงแล้วจึงอัดดินให้แน่น เมื่อปลูกเสร็จแล้วโคนต้นกล้าจะต้องอยู่ในระดับเดียวกันกับระดับดินเดิมของแปลงปลูก
หลังการปลูกควรมีการตรวจต้นปาล์มในแปลงปลูกทุกวัน เมื่อพบต้นที่โยกหรือเอน จะต้องปรับให้ต้นตั้งตรง ถ้าพบสัตว์และแมลงทำลายจะต้องป้องกันกำจัด และถ้าพบสภาพน้ำท่วมขังจะต้องระบายน้ำทันที ศัตรูที่สำคัญที่สุดในช่วงหลังการปลูก 1 ปี คือ สัตว์กัดกินต้นปาล์ม เช่น หนู เม่น และหมูป่า จะต้องป้องกันกำจัด โดยใช้ลวดตาข่ายห่อปิดโคนต้น และใช้กับดัก นอกจากนี้ แมลงที่เป็นศัตรูในช่วงหลังปลูกคือ ด้วงกุหลาบ กัดกินใบในเวลากลางคืน ป้องกันกำจัด โดยใช้ฟูราดาน รองก้นหลุมประมาณ 1 ช้อนชา หรือใช้สารเซฟวิน 85% 40 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นในเวลาเย็นช่วงใกล้ค่ำ มีการกำจัดวัชพืชรอบโคนต้น หรือหากมีการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืช ในช่วงต้นปาล์มอายุ 1-3 ปีแรก ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการใช้สารกำจัดวัชพืชประเภทดูดซึม
จากการสำรวจแปลงปลูก เมื่อพบต้นที่ถูกทำลายโดยศัตรูพืชและต้นที่ถูกกระทบกระเทือนจากการขนส่ง หรือการปลูกอย่างรุนแรง ตลอดจนต้นผิดปกติ จะต้องขุดทิ้งและปลูกซ่อม ควรปลูกซ่อมให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ ควรสำรองต้นกล้าไว้สำหรับปลูกซ่อมประมาณ 5% ของต้นกล้าที่ต้องการใช้ปลูกจริง โดยดูแลรักษาไว้ในถุงพลาสติคสีดำขนาด 15 x 18 นิ้ว ต้นกล้าจะมีอายุระหว่าง 12-18 เดือน ทั้งนี้ เพื่อให้ต้นกล้าที่นำไปปลูกซ่อมมีขนาดทัดเทียมกับต้นกล้าในแปลงปลูกจริง การปลูกซ่อมแบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ ปลูกซ่อมหลังจากปลูกในแปลงประมาณ 1-2 เดือน อาจเกิดจากการกระทบกระเทือนตอนขนย้ายปลูก หรือเกิดจากความแห้งแล้งหลังปลูกอย่างรุนแรง และปลูกซ่อมหลังจากการย้ายปลูก 6-8 เดือน หรือไม่ควรเกิน 1 ปี เป็นการปลูกซ่อมต้นกล้าที่มีลักษณะผิดปกติ เช่น ต้นมีลักษณะทรงสูง โตเร็วผิดปกติซึ่งเป็นลักษณะของต้นตัวผู้
หนังสือ “ปลูกปาล์มน้ำมันในพื้นที่ 1 ไร่ ให้ผลตอบแทนมากกว่าปลูก 3 ไร่” พิมพ์ 4 สี จำนวน 36 หน้า แจกฟรีพร้อมกับ หนังสือ “เทคนิคการผลิตมะนาวหน้าแล้ง (จัดพิมพ์ใหม่)” รวม 2 เล่ม จำนวน 176 หน้า มีแจกฟรีเกษตรกรและผู้สนใจเขียนจดหมายสอดแสตมป์เป็นมูลค่า 100 บาท (ระบุชื่อหนังสือ) ส่งมาขอได้ที่ ชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตร เลขที่ 2/395 ถนนศรีมาลา ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร 66000 โทร. (056) 613-021, (056) 650-145 และ (081) 886-7398
ที่มา : มติชน