อยากผิวแทนแบบไม่เสี่ยงมะเร็ง…ฟังทางนี้!!!
อยากผิวแทนแบบไม่เสี่ยงมะเร็ง…ฟังทางนี้!!!
• คุณภาพชีวิต
แนะวิธีอาบแดดอย่างชาญฉลาด-ห่างโรค
มีรายงานผลการวิจัยจากเกาะอังกฤษ เกี่ยวกับเรื่องโรคมะเร็งผิวหนังที่มีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง 20 – 29 ปี และผลวิจัยยังเปิดเผยด้วยว่าในอีก 15 ปีข้างหน้า จะมีอัตราเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 70 ซึ่งสาเหตุหลักของผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งผิวหนังนั้น ส่วนมากจะเกิดจากแสงแดดและรังสียูวี
แต่ความนิยมที่จะมีผิวสีแทนนั้นเป็นสิ่งที่สาวยุโรปหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสาวอังกฤษ เพราะบางคนเลือกการอาบแดดอย่างหนักหน่วงเพื่อให้ได้ผิวแทน แต่ผลสุดท้ายกลับเสี่ยงต่อโรคมะเร็งผิวหนังขั้นรุนแรงแบบไม่ทันตั้งตัว หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีนิสัยชอบอาบแดด คุณก็ต้องรู้จักวิธีการป้องกันโรคมะเร็งผิวหนังอย่างชาญฉลาดด้วย
ตรวจเช็คสภาพผิวเป็นประจำ
หากคิดที่จะอาบแดดก็ต้องหมั่นเข้าพบแพทย์ผิวหนัง เพื่อตรวจสอบสภาพผิวของคุณอยู่เป็นประจำ ด้านวาเนซซา บราวน์ พยาบาลฝึกหัดจากคลินิกผิวหนังในกรุงลอนดอนกล่าวว่า “สิ่งแรกคือเราต้องลองสังเกตดูตัวเองว่า ที่ผิวหนังมีปุ่มนูนหรืองอกขึ้นมาจากผิวหนังเดิมหรือไม่ ซึ่งถ้าเม็ดปุ่มนั้นมีสีเปลี่ยนไปจากเดิม อาจสีแดงขึ้นและดำขึ้นเรื่อยๆ นั่นแสดงว่า คุณมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งผิวหนังแน่ 100% แต่ถ้าปุ่มนั้นยังสีไม่เปลี่ยน ก็มีโอกาสที่จะรักษาให้หายได้”
เลือกครีมกันแดด ต้องดูที่ค่า SPF
นายแพทย์ ไมค์ บราวน์ ที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์จาก บูธ ซันแคร์ แนะนำว่า ถ้าครีมกันแดดที่คุณใช้มีค่าเอสพีเอฟไม่ถึง 50 นั่นหมายความว่ารังสียูวีจากแสงแดดจะยังคงทะลุผ่านมาทำร้ายผิวของคุณได้อย่างแน่นอน
แต่สำหรับคนที่ต้องการมีผิวสีแทนมักจะหลีกเลี่ยงการใช้ครีมกันแดด จริงๆ แล้วมันจำเป็นมาก เพราะครีมกันแดดจะมีค่าเอสพีเอฟที่ช่วยไม่ให้ผิวหนังไหม้เกรียมจากการอาบแดด ในขณะเดียวกันรังสียูวีก็สามารถทะลุผ่านเข้าไปยังผิวหนังช่วยให้ได้สีแทนดั่งใจ ดังนั้น ครีมกันแดดที่เหมาะกับสาวๆ ผู้รักการอาบแดด จะต้องมีค่าเอสพีเอฟ 15 เป็นอย่างต่ำแต่ไม่ควรเกิน 30
อย่ายึดติดกับครีมกันแดดยี่ห้อแพง
ครีมกันแดดราคาแพงที่วางจำหน่ายทั่วไปนั้น ไม่ได้มีคุณสมบัติในการปกป้องผิวแตกต่างไปจากครีมกันแดดราคาถูกเลย แต่ที่พิเศษมีเพียงกลิ่นที่หอมกว่าและเนื้อครีมที่เบาบางกว่า เพราะจะช่วยให้ผิวรู้สึกนุ่มเนียนและชุ่มชื่นมากกว่าเท่านั้น
ทาครีมกันแดดแค่ไหนให้เพียงพอ?
หลายคนทาครีมกันแดดทุกวันแต่ก็ยังหลีกเลี่ยงโรคมะเร็งผิวหนังไม่ได้ เพราะความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่อยู่ตรงที่คุณยังใช้มันไม่เพียงพอ นายแพทย์บราวน์บอกว่า ค่าเอสพีเอฟที่โชว์อยู่บนขวดครีมกันแดดจะมีส่วนช่วยในการป้องกันรังสียูวีได้เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น ซึ่งคนส่วนใหญ่มักไม่รู้ว่าการทาครีมกันแดดบางเบาบนผิวไม่ได้ช่วยในการป้องกันโรคมะเร็งได้เลย
การใช้ครีมกันแดดในแต่ละครั้ง ควรทาในปริมาณที่เหมาะสม โดยกะประมาณเนื้อครีมให้เท่าก้อนเหรียญ 10 บาท 2 ก้อน ต่อการทาแขนและมือเพียง 1 ข้าง หรือถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ชอบความเหนียวเหนอะหนะของครีมกันแดดก็ทาเพียงบางๆ ได้ แต่ควรทาซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง และทาทุกครั้งหลังจากขึ้นจากสระว่ายน้ำ
อย่าอาบแดดทั้งวัน
อย่านอนอาบแดดท่าเดียวนานๆ ควรพลิกเปลี่ยนท่าในทุกๆ 2 ชั่วโมง และไม่ควรนอนอาบแดดตลอดทั้งวัน เพราะช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่เหมาะกับการอาบแดดจะอยู่ประมาณ 11 โมงเช้า และ 3 โมงเย็น
หลีกเลี่ยงเตียงอาบแดดถ้าไม่จำเป็น
สาวอังกฤษนิยมการอาบแดดโดยใช้เตียงอาบแดดความร้อนสูง ชนิดที่ว่าแรงกว่าแสงแดดจริงถึง 10 เท่า เพราะเชื่อว่าจะได้ผิวสีแทนแบบรวดเร็วทันใจ แต่ในผู้หญิงที่อายุน้อยกว่า 30 ปี ที่ใช้เตียงอาบแดดเป็นประจำ จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งผิวหนังถึงร้อยละ 75 และเจ้าเตียงอาบแดดนี่เองที่เป็นมัจจุราชร้ายคร่าชีวิตสาวอังกฤษให้ตายด้วยโรคมะเร็งผิวหนังราวๆ ปีละ 100 คน
ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์