อภิชน ผู้ครองโลก (3)
อภิชน ผู้ครองโลก (3)
อภิชนทางธุรกิจ
ภายในชนชั้นอภิชน กลุ่มที่ใหญ่ที่สุดคือ ผู้นำทางธุรกิจและการเงิน
เหตุผลสำคัญประการหนึ่ง ได้แก่ พลังอำนาจของคนกลุ่มนี้ไม่ได้จำกัดอยู่ภายในเขตแดนของประเทศหนึ่ง ประเทศใดเท่านั้น แต่กำลังขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ การก่อกำเนิดของบรรษัทข้ามชาติ สถาบันการเงินระหว่างประเทศ ช่วยขับเคลื่อน กระแสโลกาภิวัตน์ จนถึงขณะนี้องค์กรเหล่านี้ได้กลายเป็นผู้แสดงบทบาทกลุ่มใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในเวทีระหว่างประเทศ
บรรษัทเหล่านี้มีมากกว่า 1,500 บรรษัท ที่มียอดขายและสินทรัพย์เกินกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์ บุคคลที่ดูแลบรรษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้คือบุคคลที่มีอำนาจระดับโลกอย่างแท้จริง ตรงข้ามกับนักการเมืองจำนวนมาก ที่มีอำนาจจำกัดอยู่เฉพาะภายในประเทศของตน
ปรากฏการณ์ที่สำคัญที่สุดในโลก ยุคปัจจุบัน คือการอุบัติขึ้นของบรรดาบรรษัทข้ามชาติ อันส่งผลกระทบทั้งทางเศรษฐกิจ และสังคม บางครั้งองค์กรเหล่านี้มีบทบาทเทียบเท่าหรือสูงกว่าชาติ-รัฐ และมีผลประโยชน์ที่แตกต่างไปจากผลประโยชน์แห่งชาติ
เราจะเปรียบเทียบพลังอำนาจของชาติกับพลังอำนาจของบรรษัทยักษ์ใหญ่ได้อย่างไร ในปี 2006 จีดีพีโดยรวมของโลกอยู่ที่ 65 ล้านล้านดอลลาร์ ส่วนผลประกอบการของบรรษัทยักษ์ใหญ่ของโลก 250 บริษัท รวมกันประมาณ 13.3 ล้านล้านดอลลาร์ หรือหนึ่งในห้าของจีดีพีรวมของโลก แต่ก็สูงกว่าจีดีพีของสหรัฐและสหภาพยุโรป ถ้าเปรียบเทียบโดยตรงกับประเทศ เอ็กซ์ซอนโมบิล มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าประเทศสวีเดน (ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจอันดับที่ 20 ของโลก) วอล-มาร์ตอยู่ระหว่างอาร์เจนตินากับฮ่องกง และเจนเนอรัล มอเตอร์ เหนือกว่าเปรู
ถ้ามองจากตัวเลขเพียงอย่างเดียวอาจจะยังไม่กระจ่างชัด บรรดาบรรษัทยักษ์ใหญ่ มีความยืดหยุ่นในกิจกรรมและความเคลื่อนไหวข้ามชาติ เหนือกว่ารัฐบาลของแต่ละประเทศมาก หากกฎเกณฑ์ข้อจำกัดของประเทศหนึ่งมีมาก บรรษัทเหล่านี้ก็พร้อมที่จะเคลื่อนย้ายไปยังอีกประเทศหนึ่ง และในความเป็นจริง ธุรกิจขนาดยักษ์ เหล่านี้เป็นตัวแทนของกลุ่มผลประโยชน์หลากหลายกลุ่มในสังคม กิจกรรมของ บรรษัทเหล่านี้อิงอยู่กับผลประโยชน์ของนักการเมือง นักล็อบบี้เพื่อผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง สื่อที่ทรงอิทธิพล และพยายามสร้างประเด็นอภิปรายสาธารณะทั้งในระดับชาติ และระดับนานาชาติ บรรษัทเหล่านี้พร้อมที่จะแสวงหาพันธมิตร แนวร่วม ในผลประโยชน์คู่ขนานไปด้วยกัน เพื่อขยายขอบเขตพลังอำนาจ ในการแสวงหาประโยชน์สูงสุด
ธุรกิจเหล่านี้ดำเนินไปเพื่อตอบสนองต่อผู้ถือหุ้น หรือฉกฉวยประโยชน์สูงสุดเพื่อความมั่งคั่งของคนกลุ่มเดียว ดำเนินไปรับใช้ตลาดและผู้บริโภค หรือรองรับความโลภของผู้บริหาร และกลุ่มคนที่เกี่ยวข้อง โดยไม่ใส่ใจว่าประเทศและสังคม โดยรวมจะเป็นอย่างไร หรือจะดำเนินไป ในทิศทางไหน
บางคนบอกว่าวิกฤตและโอกาสสามารถเดินไปเคียงคู่กัน แต่ในโลกยุคใหม่ โลกที่อภิชนครอบครองอำนาจยิ่งใหญ่ อย่างที่ ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ บางทีโลกอาจจะต้องเผชิญวิกฤต วิกฤต และวิกฤตหายนะ แล้วโอกาสจึงค่อยๆ คืบคลานเข้ามา