‘หมอนรองกระดูก’ โรคฮิตเพราะผิดท่า!!

‘หมอนรองกระดูก’ โรคฮิตเพราะผิดท่า!!
• คุณภาพชีวิต
เผยคนไทยเข้าคิว…รอเดี้ยง!!

นอกจากหวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่ครึกโครมแล้ว ยุคนี้ถ้าพูดถึงโรคร้ายแรงที่หันไปทางไหนก็มักจะได้ยินข่าวคนนั้นป่วย – คนโน้นเสียชีวิต…ก็ยังคงเป็นมะเร็ง แต่หากจะว่ากันถึงโรคที่ร้ายแรงน้อยกว่ามะเร็ง ทว่าก็มิใช่เพียงโรคพื้นๆ โรคที่คนไทยยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะคนในเมืองวัยทำงานเป็นกันมาก โรคต่อไปนี้ก็ถือว่าติดกลุ่มอันดับต้นๆ

โรคนี้คือโรคที่เกี่ยวกับ “หมอนรองกระดูก” บ้างก็ “เสื่อม” บ้างก็ “กดทับเส้นประสาท”

ทั้งนี้ “หมอนรองกระดูก” ก็ถือเป็นอวัยวะที่สำคัญของมนุษย์ มันคือชิ้นส่วนของร่างกายที่ทำหน้าที่ตั้งแต่รองรับน้ำหนัก ไปจนถึงรองรับแรงกระแทก โดยเป็นชิ้นส่วนที่ประกอบด้วยส่วนที่เป็นเปลือกหรือเยื่อหุ้มที่ชั้นนอกและมีส่วนที่เป็นสายหรือเส้นเนื้อเยื่อคล้ายวุ้นอยู่ด้านใน เป็นชิ้นส่วนที่อยู่ ณ ตำแหน่งระหว่างปล้อง “กระดูกสันหลัง”

ร่างกายมนุษย์เรานั้นมีโครงกระดูกเป็นโครงร่างแข็งในการค้ำจุนและการเคลื่อนไหว โดยร่างกายมนุษย์เมื่อเจริญเติบโตเต็มที่จะมีกระดูก 206 ชิ้น แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มตามตำแหน่งที่อยู่ โดยที่ 126 ชิ้นจะเป็น “กระดูกระยาง” กระดูกที่ยื่นจากกระดูกแกนออกไป ได้แก่ กระดูกแขน – ขา กระดูกสะบัก กระดูกไหปลาร้า กระดูกเชิงกราน

อีก 80 ชิ้นจาก 206 ชิ้น จะเป็น “กระดูกแกน” กระดูกที่อยู่บริเวณกลางลำตัว ได้แก่ กะโหลกศีรษะ กระดูกก้นกบ กระดูกซี่โครง และรวมถึงกระดูกสันหลัง ซึ่งว่ากันเฉพาะในส่วนของกระดูกสันหลัง หนึ่งในกระดูกแกนที่สำคัญของร่างกาย จะมีหน้าที่ช่วยค้ำจุนและรองรับน้ำหนักของร่างกาย ประกอบด้วยกระดูกชิ้นเล็กๆ ลักษณะเป็นข้อๆ

แต่ละข้อของกระดูกสันหลังจะเชื่อมต่อกันด้วยกล้ามเนื้อและเอ็น และนอกจากนี้ระหว่างกระดูกสันหลังแต่ละข้อก็จะมีแผ่นกระดูกอ่อนที่เรียกว่า “หมอนรองกระดูก” ซึ่งก็ “สำคัญ” เพราะคอยทำหน้าที่รองรับและเชื่อมระหว่างกระดูกสันหลังแต่ละข้อเพื่อป้องกันการเสียดสีในขณะร่างกายเคลื่อนไหว

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันคนไทยมีปัญหาสุขภาพร่างกายจาก “หมอนรองกระดูก” กันมาก อันเนื่องจากหมอนรองกระดูกเกิดการเสื่อม การเคลื่อน การแตกหรือฉีกขาด แล้วกดทับเส้นประสาท โดยอาการที่จะเกิดขึ้นก็คือ “ปวด” ปวดหลัง ตะโพก ก้น ปวดร้าวลงสู่ขาบางข้างหรือทั้งสองข้าง

ซึ่งโดยปกติหมอนรองกระดูกจะมีความแข็งแรง เพราะต้องมีหน้าที่ช่วยรองรับแรง กระแทก รองรับน้ำหนัก แต่มันก็สามารถจะเสื่อมหรือเสียหายบาดเจ็บได้ ไม่ว่าจะด้วยวัยที่สูงขึ้น หรือจากการเกิดอุบัติเหตุ แต่ในยุคปัจจุบันนั้น…สาเหตุมีเพิ่มมากขึ้น – เสี่ยงมากขึ้น

ด้วยสภาพการใช้ชีวิต สภาพการทำงานของผู้คนในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะกับกลุ่มคนในเมืองวัยทำงาน นี่ก็อาจเป็นสาเหตุของหมอนรอง กระดูกเสื่อม – กดทับเส้นประสาทได้ง่ายๆ ซึ่งนอกจาก “เคลื่อนไหวร่างกายไม่ถูกท่า – ไม่ถูกวิธี” การ “ก้มตัวยกของหนัก” การ “ออกกำลังกาย” “นั่งทำงานนาน ๆ” หรือแม้แต่นั่งท่องโลกอินเทอร์เน็ตหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ ก็เป็นสาเหตุได้!!

ทั้งนี้ กับสิ่งที่ยืนยันได้ดีว่านับวันมนุษย์รุ่นใหม่ๆ จะป่วยด้วยสาเหตุจากปัญหา “หมอนรองกระดูก” สูงมากขึ้น ก็คือการที่วงการแพทย์ต้องคิดค้นพัฒนาวิทยาการ-อุปกรณ์ใหม่ๆ ในการรักษาให้มีประสิทธิภาพสูงมากขึ้น

กับการรักษา “หมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท” แนวทางใหม่ๆ นั้น นพ.ธีรศักดิ์ พื้นงาม หัวหน้าศูนย์ระบบประสาทไขสันหลัง เครือโรงพยาบาลพญาไท ให้ความรู้ความเข้าใจว่า… ปัจจุบันแพทย์จะมีเครื่องตรวจวินิจฉัยโรคด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI Spine) ช่วยในการตรวจวินิจฉัย – ตรวจหาความผิดปกติของหมอนรองกระดูกในผู้ที่มีอาการต้องสงสัย ซึ่งถ้าพบว่าสาเหตุเกิดจากหมอนรองกระดูกก็จะวางแผนการรักษา

สำหรับในการรักษาปัจจุบันก็มีพัฒนาการสูงขึ้นโดยไม่ต้องเปิดแผลผ่าตัด (Non Opening Surgery) ซึ่งมี 2 แบบ คือหากมีภาวะของหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทไม่มาก สามารถรักษาด้วยรูปแบบนิวคลีโอพลาสตี (Nucleoplasty) ซึ่งจะไม่มีแผล รักษาแล้วกลับบ้านได้เลย เพราะใช้เข็มขนาด 2.5 มม. สอดเข้าในหมอนรองกระดูกที่มีปัญหา แล้วปล่อยพลังงานคลื่นวิทยุ ซึ่งจะเกิดความร้อนที่ปลายเข็ม จะสลายหมอนรองกระดูกส่วนหนึ่งออกไป

กรณีปวดหลังเรื้อรังและปวดร้าวลงขาเนื่องจากหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทไขสันหลัง จะรักษาโดยใช้กล้องขนาดจิ๋วเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 มม. หรือกล้องเอ็นโดสโคป (Endoscope) เจาะและสอดกล้องผ่านใยกล้ามเนื้อไปยังจุดที่มีปัญหา โดยใส่เครื่องมือผ่าตัดผ่านกล้องเข้าไปตัดหมอนรองกระดูกโดยตรง ไม่ต้องเลาะกล้ามเนื้อหรือตัดกระดูกสันหลัง แผลจะมีขนาดเล็กเพียง 8 มม. ผู้ป่วยจะฟื้นตัวเร็ว ระยะในการพักรักษาตัวในโรงพยาบาลจะสั้น

อย่างไรก็ดี นพ.ธีรศักดิ์บอกว่า… หมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทนี้ เมื่อรักษาแล้วก็มีโอกาสเป็นซ้ำได้อีก หากผู้ป่วยไม่ปรับพฤติกรรม ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเรื่องปวดหลัง คือ “การป้องกันไม่ให้เกิด”

“หลักสำคัญของการป้องกันคือ พยายามจัดท่าทางการทำงานหรือกิจวัตรประจำวันให้ถูกต้อง ต้องให้แนวกระดูกสันหลังอยู่ในแนวตรงเสมอ และหลีกเลี่ยงการทำอะไรที่ใช้กล้ามเนื้อหลังมากๆ รวมถึงหมั่นบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องและกล้ามเนื้อหลังให้แข็งแรงไว้เสมอ เพราะเป็นกล้ามเนื้อที่คอยตรึงแนวกระดูกสันหลังไม่ให้เคลื่อนไหวมากเกินไป” …หัวหน้าศูนย์ระบบประสาทไขสันหลังให้คำแนะนำที่อย่ามองข้าม

ยุคนี้ไปทางไหนก็ได้ยินคนป่วยเพราะ “หมอนรองกระดูก” วงการแพทย์ได้ “พัฒนาวิธีการรักษา” ที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ก็เหมือนกับทุกโรค…คือ “ป้องกันไม่ให้เกิดดีที่สุด!!!”

ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

Add a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *