ลงทุน : รู้จักกับกองทุนรวมประเภทต่างๆ
ลงทุน : รู้จักกับกองทุนรวมประเภทต่างๆ
ปัจจุบันการลงทุนเริ่มเข้ามามีบทบาทในการหารายได้เสริมให้กับครอบครัว ไม่ว่าจะมีงบประมาณในการลงทุนมากหรือน้อย ก็ยังสามารถหารายได้เสริมจากทุนดังกล่าวได้ แต่ด้วยข้อจำกัดของเวลาในการเรียนรู้ศึกษาเรื่องการลงทุน จึงเกิดบริการจากสถานบันการเงินต่างๆช่วยในการจัดการเงินของท่านให้ออกดอกออกผลได้ ซึ่งหนึ่งในบริการดังกล่าวที่รู้จักกันดีคือ “กองทุนรวม”
กองทุนรวมยังแบ่งย่อยในแต่ละประเภทอีกเช่น กองทุนรวมตราสารหนี้, กองทุนรวมหุ้นทุน, กองทุนรวมผสม เป็นต้น ทั้งนี้ก่อนการตัดสินใจลงทุนในกองทุนรวมประเภทต่างๆเรามาทำความรู้จักกันเบื้องต้นเกี่ยวกับกองทุนรวมต่างๆดังนี้
ความเหมือนกันของกองทุนรวมประเภทต่างๆ มีดังนี้
1. กองทุนรวมที่ออกจำหน่ายกันอยู่นี้นั้น เป็นกองทุนรวมที่จัดตั้งโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บริษัทจัดการ) ซึ่งเป็นกิจการที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจการจัดการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือสำนักงาน ก.ล.ต.
2. กองทุนรวมที่จะออกมาเสนอขายต่อผู้ลงทุนแต่ละกองทุน ก็ต้องได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. ก่อน และต้องปฏิบัติตามกฎของสำนักงานฯ อย่างเคร่งครัด
3. เป็นนิติบุคคลที่แยกออกจากบริษัทจัดการ ทรัพย์สินของกองทุนรวมจะเป็นของผู้ลงทุนในกองทุนนั้น (ผู้ถือหน่วยลงทุน) บริษัทจัดการจะแต่งตั้งผู้ดูแลผลประโยชน์มาทำหน้าที่เก็บรักษาทรัพย์สิน ตลอดจนดูแลการจัดการลงทุนของบริษัทจัดการให้เป็นไปตามที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน และถูกกับหลักปฏิบัติงานที่ดี ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากล ผู้ดูแลผลประโยชน์นี่แหล่ะที่จะเป็นผู้ที่ลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิแทนผู้ถือหน่วยลงทุนทุกราย
4. บริษัทจัดการลงทุนจะต้องลงทุนให้เป็นไปตามนโยบายการลงทุนที่ได้แจ้งไว้กับผู้ลงทุน ซึ่งจะหาอ่านได้จากหนังสือชี้ชวน ขอย้ำว่า … เป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ลงทุนทุกคนที่จะต้องศึกษาหนังสือชี้ชวนของแต่ละกองทุนรวมที่ตนสนใจให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน จะได้ไม่เข้าใจผิดหลังจากซื้อไปแล้ว
5. กองทุนรวมถือเป็นทางเลือกในการลงทุนอย่างหนึ่งที่ปลอดภัยสำหรับผู้ลงทุนทั่วไป เพราะกองทุนรวมต้องมี “การกระจายการลงทุน” ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ กองทุนรวมทุกกองทุนจะต้องมีผู้ดูแล ผู้สอบบัญชีกองทุน ตลอดจนมีผู้จัดการลงทุนช่วยกันเป็นหูเป็นตาแทนผู้ลงทุนด้วย
6. กองทุนรวมได้รับสิทธิประโยชน์ในการยกเว้นภาษีรายได้จากการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นรายได้ในรูปของดอกเบี้ย รายได้จากเงินปันผล รวมทั้งรายได้จากกำไรจากการขายหลักทรัพย์
ความแตกต่างของกองทุนรวมต่างๆ
นอกจากจะแบ่งตามลักษณะการซื้อขายเช่น กองุทนเปิดและกองทุนปิด แล้วยังมีการแบ่งออกตามนโยบายการลงทุนด้วย ซึ่งในปัจจุบันบริษัทจัดการที่เป็นสมาชิกของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (Association of Investment Management Companies) ได้จัดตั้งและจัดการกองทุนจำนวนทั้งสิ้นกว่าสามร้อยกองทุน เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถตัดสินใจว่าจะเลือกลงทุนในกองทุนรวมประเภทใด โดยทางสมาคมได้แยกกองทุนรวมออกเป็นประเภทต่างๆ ดังนี้
กองทุนรวมหุ้นทุน (ไม่จ่ายเงินปันผล) Equity Funds (Non-distribution)
กองทุนรวมชนิดนี้มีนโยบายลงทุนในหุ้นทุน และจะไม่มีการจ่ายเงินปันผล กองทุนจะเน้นหารายได้หรือผลตอบแทนจากการเพิ่มขึ้นของราคาหลักทรัพย์ (Capital Gain) มากกว่าเงินปันผล และจะนำผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนนั้นไปลงทุนต่อ
กองทุนรวมชนิดนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนรายย่อย ที่ต้องการลงทุนระยะยาว โดยเน้นผลตอบแทนในรูปของกำไรส่วนเกินทุน (Capital Gain) ซึ่งในขณะนี้ ผู้รับผลตอบแทนดังกล่าวจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
กองทุนรวมหุ้นทุน (จ่ายเงินปันผล) Equity Funds (Distribution)
กองทุนรวมชนิดนี้มีวัตถุประสงค์หลักลงทุนในหุ้นทุน ที่มีแนวโน้มในการเจริญเติบโตในระยะยาว และให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอในรูปของเงินปันผล และจะมีการจ่ายเงินปันในอัตราค่อนข้างสูง คือระหว่าง 50% – 100% ของกำไรสุทธิ
มักจะเป็นที่นิยมแพร่หลายในกลุ่มนักลงทุนที่ต้องการรายได้สม่ำเสมอ ในอัตราที่สูงกว่าปกติ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดา ที่ยังเสียภาษีเงินได้ในอัตราต่ำอยู่ หรือไม่ต้องเสียเลยจะยิ่งดี เช่น คนที่เกษียณอายุแล้ว เป็นต้น เพราะรายได้จากเงินปันผลนั้น ผู้รับเงินจะต้องเสียภาษีเงินได้
กองทุนรวมผสม Balanced Funds
กองทุนรวมประเภทนี้เป็นการผสมการลงทุนระหว่างตราสารแห่งหนี้ และตราสารแห่งทุนในอัตราส่วน 50:50 หรือในอัตราที่แตกต่างไปจากนี้ ซึ่งจะประกาศให้ผู้ลงทุนได้ทราบก่อนล่วงหน้าว่าเป็นอัตราเท่าใด
กองทุนรวมประเภทนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยงมากเท่ากับกองทุนหุ้น และหวังผลตอบแทนทั้งจากกำไรส่วนเกินทุน ผลตอบแทนในรูปเงินปันผล (ที่ได้จากการลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทตราสารแห่งทุน) และในรูปดอกเบี้ย (ที่ได้จากการลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทตราสารแห่งหนี้) ที่สม่ำเสมอ
กองทุนรวมผสมแบบยืดหยุ่น Flexible Portfolio Funds
กองทุนรวมประเภทนี้เป็นการผสมการลงทุนระหว่างตราสารแห่งหนี้ และตราสารแห่งทุนเหมือนกับกองทุนรวมผสม แต่มีนโยบายการลงทุนที่สามารถกระจายการลงทุนไปในตราสารแห่งทุนในอัตราส่วนที่ยืดหยุ่นได้ตั้งแต่ 0%-100% ของมูลค่ากองทุน
กองทุนรวมแบบนี้ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะช่วงที่การลงทุนในหุ้นยังมีทิศทางไม่แน่นอน เพราะหากราคาหุ้นตกลงมามากๆ และตกติดต่อกันยาวนานเหมือนเมื่อ 4 – 5 ปีที่แล้ว ผู้จัดการกองทุนก็สามารถโยกย้ายเงินลงทุน มาลงทุนในตราสารแห่งหนี้หรือเงินฝากได้
กองทุนรวมประเภทนี้จึงสามารถหาผลตอบแทนจากการลงทุนทั้งในดอกเบี้ย กำไรส่วนเกินทุน และเงินปันผลคล้ายๆกับกองทุนรวมแบบผสมธรรมดา เพียงแต่มีความยืดหยุ่นมากกว่า
กองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ Fixed Income Funds
กองทุนรวมประเภทนี้จะลงทุนในตราสารแห่งหนี้เท่านั้น มีความเสี่ยงบ้าง แต่ต่ำกว่ากองทุนรวมที่กล่าวไปแล้วข้างต้น
เป็นที่ทราบกันแล้วว่า ตราสารแห่งหนี้นั้นมีหลายประเภท เช่น พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ที่ออกโดยรัฐวิสาหกิจหรือบริษัทเอกชน ตราสารการเงินที่มีระยะสั้น เช่น สัญญาการกู้เงินระยะสั้นของสถาบันการเงิน หรือบัตรเงินฝากของธนาคาร เป็นต้น ซึ่งตราสารแต่ละประเภทจะมีอายุครบกำหนดชำระคืนตั้งแต่ 1 วัน ไปจนถึงกว่า 10 ปีก็มี
ดังนั้น กองทุนรวมจะต้องประกาศไว้ในโครงการลงทุนว่า มีนโยบายที่จะลงทุนระยะยาว ระยะกลาง หรือระยะสั้น
กองทุนรวมประเภทนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนในอัตราที่สูงกว่าปกติเล็กน้อย คือสูงกว่าการฝากเงินกับธนาคาร แต่ระยะเวลาการลงทุนไม่ควรต่ำกว่า 6 เดือน และอาจจะสูงกว่า 5 ปีก็ได้ ทั้งนี้แล้วแต่ว่า กองทุนรวมมีวัตถุประสงค์ว่าจะไปลงทุนในตราสารหนี้ประเภทใด
ที่มา : MFC