ระวัง! อาหารเป็นพิษเพราะ ‘เปิบพิสดาร’

ระวัง! อาหารเป็นพิษเพราะ “เปิบพิสดาร”
• อาหาร
คิดสักนิดก่อนทาน เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณ

อาการ “ลองของ” นี้เป็นพฤติกรรมของมนุษย์ที่มีแทบทุกเชื้อชาติ ที่อยากรู้ อยากลองไปเสียทุกอย่าง โดยเฉพาะพฤติกรรมการบริโภค ที่มักจะชอบลองในสิ่งที่แปลก และเชื่อกันไปต่างๆ นานาว่า สิ่งนั้นเลิศกว่าอาหารทั่วๆ ไป

ด้วยเหตุของความอยากลองนี่เอง จึงทำให้เกิดพฤติกรรมเปิบพิสดารขึ้น และตายอย่างพิสดารมานักต่อนัก ทั้งๆ ที่มีการเตือนผ่านสื่อต่างๆ ว่า “ห้ามบริโภค” แต่ด้วยอยากลองนี่เองจึงทำให้หลายครั้ง มนุษย์อย่างเราๆ ตกเป็นเหยื่อของการบริโภคอย่างสิ้นคิด ยกตัวอย่างเช่น

เห็ด มีมากมายหลายชนิด ส่วนใหญ่ใช้เป็นอาหาร บางชนิดมีสารเคมีที่มีสรรพคุณเป็นยา เช่น เห็ดหอม เห็ดหลินจือบางชนิด

โดยเฉพาะเห็ดที่ขึ้นตามธรรมชาติ หรือเห็ดป่ามีสารที่เป็นพิษต่อร่างกายคนเรา ส่วนใหญ่เป็นพิษอ่อน ทำให้เกิดอาการปวดท้อง อาเจียน ท้องเดิน ดังที่เรียกว่า “อาหารเป็นพิษ” หากอาเจียนหรือถ่ายท้องรุนแรงก็อาจทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่ เป็นอันตรายแบบโรคท้องร่วงรุนแรงได้ ต้องรีบเข้าโรงพยาบาลให้น้ำเกลือ ก็มักจะรอดปลอดภัย

แต่เห็ดบางชนิดมีพิษทำลายตับ ไต ระบบประสาท จนถึงตายได้ ที่อันตรายมากๆ ก็คือ เห็ดระโงก (หรือเห็ดระโงกหิน และมีชื่อเรียกอื่นๆ อีกหลายชื่อ) ซึ่งมีพิษต่อตับอย่างร้ายแรง ทำให้เซลล์ตับตาย ตับทำหน้าที่ไม่ได้ (ตับวาย) แบบคนที่ดื่มเหล้าจัดๆ จนเป็นโรคตับแข็ง

ผิดกันที่ตับแข็งจากเหล้าจะค่อยๆ เกิดขึ้นอย่างสะสมช้าๆ แต่พิษของเห็ดชนิดนี้ทำลายตับทั้งอันอย่างฉับพลันภายใน 2 – 3 วัน หรือไม่เกิน 1 สัปดาห์ และทำให้ผู้ที่กินเห็ดพิษชนิดนี้ตายได้ในเวลารวดเร็ว ซึ่งมักปรากฏเป็นข่าวดังทุกปี โดยเฉพาะทางภาคอีสานและภาคเหนือ ที่ชาวบ้านนิยมเก็บเห็ดป่ามาบริโภคกัน เห็ดชนิดนี้ทำให้สุกก็ยังเป็นพิษได้ เพราะพิษทนต่อความร้อนที่มีข่าวในทางสื่อมวลชนอยู่เนืองๆ ปีละหลายๆ ครั้ง

ปลาปักเป้า มีทั้งปลาน้ำจืดและปลาทะเล ซึ่งล้วนมีพิษแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะกินแบบดิบหรือสุก หรือปรุงด้วยวิธีใดก็ตาม ก็ทำให้เกิดพิษต่อระบบประสาทอย่างร้ายแรง เกิดอาการอัมพาตของกล้ามเนื้อทั่วร่างกายจนหายใจไม่ได้ หยุดหายใจ ตายได้ฉับพลัน อาจรวดเร็วภายใน 20 – 30 นาที หรือหลังกินปลาปักเป้าก็ได้ หรือเกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง

ชาวประมง ชาวบ้านแถบชายทะเล ชาวบ้านในภาคอีสานหรือภาคเหนือที่จับปลาจากห้วยหนองคลองบึง อาจบริโภคปลาปักเป้าทะเลหรือปลาปักเป้าน้ำจืดด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ มักจะรับพิษพร้อมกันหลายคนทั้งในครอบครัวหรือในหมู่เพื่อนฝูง

ที่น่าแปลกใจก็คือ ปัจจุบันคนญี่ปุ่นยังนิยมกินปลาปักเป้าทะเล ซึ่งเขาเรียกว่า “ฟูงุ” เป็นอาหารจานเด็ดราคาแพง ซึ่งต้องมีพ่อครัวที่ชำนาญในการเตรียมปลาปักเป้าโดยเฉพาะ และต้องบริโภคเฉพาะในฤดูกาลที่ปลามีพิษน้อย สมัยก่อนซึ่งยังขาดความชำนาญ คนญี่ปุ่นป่วยและตายจากพิษปลาปักเป้าจำนวนไม่น้อย

แมงดาถ้วย (บางคนเรียกว่า แมงดาไฟ แมงดาหางกลม หรือ เห-รา) ซึ่งอยู่ตามป่าชายเลนเป็นคนละชนิดกับแมงดาจาน (แมงดาหางเหลี่ยม) ซึ่งไม่มีพิษ และอยู่ในทะเลลึก พิษมีมากในไข่แมงดาด้วย นิยมนำมายำหรือแกงกิน

ส่วน คางคก มีพิษร้ายแรงคนละอย่างกับปลาปักเป้าและแมงดาด้วย คางคกทุกชนิดที่มีอยู่ในบ้านเราล้วนสามารถผลิตพิษ (ชาวบ้านเรียกว่า “ยางคางคก”) ออกมาอยู่ที่หนัง ไข่ เครื่องใน และเลือด มีพิษต่อหัวใจอย่างร้ายแรงแบบเดียวกับการรับพิษดิจิทาลิส (ซึ่งเป็นยารักษาโรคหัวใจ แต่ถ้าใช้ขนาดมากเกินก็กลับกลายเป็นพิษ ทำให้หัวใจเต้นผิดปกติและหยุดเต้นจนตาย) พิษคางคกทนต่อความร้อน ปรุงให้สุกก็ไม่ปลอดภัยในการบริโภค ดังนั้น จึงห้ามกินคางคกอย่างเด็ดขาด

แพทย์จีนโบราณนำคางคกมาตากแห้งบดเป็นยาบำรุงและรักษาโรคหลายชนิด ในสหรัฐอเมริกาพบว่า มีคนที่กินยาจีนปลุกเซ็กส์ (ตามที่โฆษณาหรือเชื่อกัน) 3 เม็ด แล้วเกิดพิษแบบเดียวกับพิษคางคก ภายหลังพบว่า ยานั้นมีส่วนผสมของหนังคางคกจึงเป็นอุทาหรณ์ว่า จะใช้ยาอะไรก็ต้องศึกษาให้รู้ว่า มีส่วนผสมอะไร มีพิษหรือไม่

หากจะรับประทานอะไรคงต้องลองคิดสักนิด เพราะอาการอยากลองเปิบของพิสดารนั้น อาจจะไม่คุ้มกับการเจ็บป่วยปางตายที่จะตามมา หากไม่ทราบว่ารับประทานได้หรือไม่ ก็ควรที่จะสอบถามจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง

ที่มา: หนังสือพิมพ์บางกอกทูเดย์

Add a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *