นานากลยุทธ์สู่ความสำเร็จ

นานากลยุทธ์สู่ความสำเร็จ

พลังสูงสุดจากสิ่งเล็กๆ
จากการศึกษาพบว่าสิ่งเล็กๆ มักสร้างประสิทธิผลสูงกว่าสิ่งใหญ่โต โดยเฉพาะการประกอบธุรกิจขนาดเล็ก (SMEs) ที่มักจะสร้างสรรค์งานใหม่ๆ ได้มากกว่าบริษัทขนาดใหญ่ที่มักมีวัฏจักรของการปลดพนักงานที่เห็นได้ชัดในสหรัฐฯ เฉลี่ยแต่ละปีของ 3 ปีที่แล้ว ธุรกิจขนาดเล็กสามารถเพิ่มงานใหม่ได้ถึง 8 ล้านงาน ในขณะที่บริษัทใหญ่โตกำจัดพนักงานออกมากกว่า 4 ล้านงานธุรกิจขนาดเล็กยังมีบทบาทต่อสังคมดังต่อไปนี้

บริจาคเงินแก่ลูกน้องมากกว่าบริษัทใหญ่โต

มีความยืดหยุ่นในการจ้างพนักงานล่วงเวลาง่ายกว่า ทั้งนี้ โดยมีคนอายุน้อยและคนอาวุโสคละเคล้ากัน
มีมากถึง 90% ของธุรกิจทั้งหมดในประเทศสหรัฐอเมริกา สำหรับเมือง”ทอยแลนด์” มีมากกว่า 100,000 ราย
เป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตทางการตลาดเร็วที่สุดและใช้จ่ายโดยเฉลี่ย 103 ล้าน/ปี เพื่อผลิตสินค้าและบริการ
แค่นี้ยังไม่พอ ท่านทราบมั้ยว่า โรงเรียนขนาดเล็กได้รับการสนับสนุนมากกว่าโรงเรียนขนาดใหญ่เช่นกัน ซึ่งจากการศึกษาระบุว่าผลลัพธ์ที่ปรากฏจากโรงเรียนขนาดเล็กดังนี้
นักเรียนได้รับผลการเรียนดีกว่า
ได้รับคะแนนสูงกว่าจากข้อสอบที่ได้มาตรฐาน
มีจิตใจโอบอ้อมอารีมากกว่า
สนใจและเข้าร่วมกิจกรรมนอกหลักสูตรมากกว่า
มีอัตราการลดลงของประสิทธิภาพน้อยกว่า
มีอัตราความสนใจและการเข้าร่วมของผู้ปกครองสูงกว่า
มีแนวคิดการสอนที่สร้างสรรค์และแปลกใหม่มากกว่า
เสนออัตราค่าจ้างและค่าเล่าเรียนที่ดีกว่า
มีความรุนแรงและอาชญากรรมน้อยกว่า
มีพัฒนาการเพิ่มมากขึ้น
นักเรียน ผู้ปกครอง และอาจารย์สัมผัสความพึงพอใจมากกว่า

อ่านถึงตรงนี้แล้ว ท่านผู้อ่านก็คงจะมองเห็นภาพถึงพลังของสิ่งเล็กๆ อย่างที่เราเรียกกันว่า “เล็กพริกขี้หนู” หรือ “จิ๋วแต่แจ๋ว” นั่นแหละ ทีนี้ลองย้อนหันมามองตัวคุณได้อะไร เล็กๆ ที่สร้างผลอันยิ่งใหญ่แก่คุณ และคนอื่นในวันพรุ่งนี้แล้วหรือยัง

การสร้างระเบียบวินัยให้ตัวเอง
คำว่า “ระเบียบวินัย” ดูเหมือนบ้านเราจะหย่อนยานกันไปหน่อย เพราะความที่ “ทำอะไรตามใจคือไทยแท้” ที่ลำบากสุดๆ อย่างมากก็แค่ “เคอร์ฟิว”สองสามวัน ดังนั้นพอจะมี”ระเบียบวินัย” เพื่อสร้างความเป็นระเบียบก็จะต้องมีฉากเหตุการณ์ของการโวยวายตามธรรมเนียม ที่จริงแล้วคำแนะนำในการสร้างระเบียบวินัยให้กับตนเองเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของผู้นำที่ประสบความสำเร็จซึ่งพอสังเขปได้ดังต่อไปนี้

1.จงเตรียมพร้อมในการยอมรับความรับผิดชอบที่ถูกมอบหมาย
2.จงรู้ว่าที่ไหนที่คุณสามารถก้าวสู่การเป็นผู้นำ
3.จงมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและกว้างไกล
4.จงสร้างความมั่นใจให้กับตนเอง
5.จงเรียนรู้จากความผิดพลาดของคุณ
6.จงเรียนรู้การเป็นนักสื่อความที่ดีด้วยการใช้ประโยคภาษาพื้นฐานที่เรียบง่าย (ห้ามใช้ภาษาแบบนักวิชาการเด็ดขาด เช่น คำว่า “องค์ความรู้” เป็นต้นคิดประดิษฐ์กันได้อย่างกรก็ไม่ทราบ เพราะยังมีอีกคำอื่นที่ขึ้นต้น คำว่า “องค…” ความรู้เป็นสิ่งจับต้องไม่ได้เพราะเป็นนามธรรม ยังอุตส่าห์กำหนดความเป็น “องค…” จนได้)
7.จงขายไอเดียด้วยความกระตือรือร้น
8.จงต่อรองกับผลลัพธ์ที่ปรากฏ
9.จงคาดหวังต่อผลลัพธ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น
10.จงให้กำลังใจและมีการอบรมพนักงาน
11.จงปรึกษาทีมงานอย่างสม่ำเสมอ
12.จงยกย่องสรรเสริญงานที่ดี
13.จงให้รางวัลกับความสำเร็จ
14.จงพัฒนาความเป็นผู้นำของคนอื่นด้วยการแบ่งปันและการสร้างโอกาสที่ท้าทาย

เคล็ดลับความสำเร็จ
การเริ่มต้นที่ถูกต้องจะต้องหมายรวมถึงการลงมือเขียนเป้าหมายและแผนงาน

อย่ารอคอยกับสิ่งที่คุณควรเริ่มต้น สิ่งที่คุณคิดจะไม่มีทางเกิดขึ้นหากคุณไม่เริ่มต้นเสียแต่เดี๋ยวนี้ จงเริ่มต้นกับสิ่งที่คุณมีอยู่ในมือแล้วสิ่งที่คุณต้องการจะเข้ามาหาคุณ ทำให้งานของคุณสำเร็จตามเป้าหมาย

จงทำให้ธุรกิจของคุณเป็นเรื่องจริงจัง แล้วเมื่อคุณลงมือทำก็จะกลายเป็นความสำเร็จในที่สุด
คิดว่า 6 เดือนแรกของการเริ่มต้นทำงานคือการฝึกอบรม อย่าคาดหวังรายได้จำนวนมหาศาลจนกว่าคุณจะได้ศึกษาเรียนรู้ด้วยตัวคุณเอง
จงมีน้ำอดน้ำทน คุณจะทำงานหนักที่สุดช่วง 6 เดือนแรกและคุณจะได้รับการชมเชยในเวลาต่อมา รายได้มหาศาลจะไม่เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน แต่มันจะเกิดขึ้นหลังจากที่คุณแสดงผลความพยายามของการทำงานได้อย่างเหมาะสม
จงกำหนดแผนงานกิจกรรมรายสัปดาห์และปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความล้มเหลวคือ การไม่ปฏิบัติตามแผนงานที่กำหนด
จงกระตือรือร้นอย่างสม่ำเสมอ
อย่าลงทุนกับสิ่งคาดหวังที่ไร้ร่องรอย
โฟกัส จงเป็นคนแน่วแน่ จับประเด็นเป็น และมุ่งไปให้ตรงเป้า
คุณไม่สามารถทำหลายสิ่งหลายอย่าง ให้สำเร็จได้ในเวลาเดียวกัน ดังนั้น อย่าหยุดกลางคันเพราะอาการหยุดกลางคันคืออุปสรรคอันใหญ่หลวงของความสำเร็จ
คิดในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เพราะการมีความต้องการเพียงน้อยนิด ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็น้อยนิดเช่นกัน(เชื้อเพลิงน้อยต้มน้ำไม่เดือด)
อย่าตำหนิติเตียนผู้นำที่มีตำแหน่งหรือวุฒิภาวะสูงกว่า
จงตระหนักว่าความสำเร็จจากสองมือแข็งขันของคุณไม่ใช่ของคนอื่นและจดจำว่าเมื่อคุณมองเห็นปัญหา 95% ของสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาเป็นสิ่งที่คุณไม่เคยล่วงรู้มาก่อน ดังนั้น อย่าด่วนสรุป จงนำเสนอแผนการแก้ไขด้วยความแม่นยำ แง่บวกและให้ข้อวิพากษ์วิจารณ์เชิงสร้างสรรค์ หากคุณทำได้ นอกจากจะทำให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าแล้ว ยังจะช่วยให้คุณสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้นำคนอื่นๆได้ในเวลาเดียวกัน
ควรจัดระบบเพื่อให้มีการตลาดและการส่งเสริมการขายธุรกิจของคุณทุกวัน
อย่าปล่อยปัญหาเล็กน้อยกวนใจ ควรหันมาสนใจกับภาพใหญ่ๆจะดีกว่า
จดจำเสมอว่าสิ่งเดียวที่ไม่มีทางจะเปลี่ยนแปลงคือสิ่งที่จะทำให้ถูกเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อย่าปล่อยให้การเปลี่ยนแปลงกวนใจคุณ เพียงแต่รู้ว่าคุณจะมีการปฏิบัติต่อการเปลี่ยนแปลงและอุปสรรคอื่นๆทั้งขนาดมหึมาหรือปัญหาขนาดก้อนกรวดอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจงเตรียมพร้อมสำหรับความยืดหยุ่น
อย่าเป็นคนชอบคิดแง่ลบ และปล่อยให้ทัศนะแง่ลบของคนอื่นมีอิทธิพลต่อคุณ
ตระหนักว่าคุณไม่สามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างสมบูรณ์แบบได้เพียงแค่ทำงานให้ดีที่สุดเท่าที่คุณจะสามารถทำได้ จากนั้นจงเรียนรู้และก้าวไปข้างหน้า
อ่านหนังสือแนวปรัชญา ประสบการณ์ชีวิต อาทิ Napoleon Hill’s Classic ซึ่งจะช่วยให้คุณสร้างพละกำลังในความคิดได้
จดจำเสมอว่า “If it’s to be, it’s up to me”

เมื่อคุณอาจต้องปะทะกับลูกค้า
กับประโยคที่ว่า “ลูกค้าคือพระเจ้า ลูกค้าถูกต้องเสมอ” หากคุณอยู่ในแวดวงธุรกิจแล้วคุณย่อมพบว่าประโยคที่ว่านี้เป็นประโยคที่หลายคนนิยมชมชอบกันเมื่อ 10-20 ปีที่แล้ว ปัจจุบันลูกค้าไม่ใช่เป็นฝ่ายถูกต้องเสมอไปเพราะหลายความผิดพลาดที่เกิดขึ้นก็มักเกิดจากลูกค้าเช่นกัน(ลูกค้าก็เป็นแค่คนหนึ่ง ไปเปรียบเป็นเหมือนพระเจ้าได้ไง)
เพราะฉะนั้นเมื่อใดก็ตามที่คุณอาจต้องอารมณ์เสียกับลูกค้า จงระงับสติอารมณ์ก่อน แล้วใช้วิธีการควบคุมความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากความโมโหโกรธาของคุณกับลูกค้าดังนี้ 1.คลายข้อกังขาอย่างชัดเจนถึงสาเหตุที่ทำให้คุณไม่ลงรอยกับลูกค้า อาจเป็นการสื่อความแบบเผชิญหน้าให้ลูกค้ารับรู้ว่าสิ่งที่คุณคิดคือความยุติธรรมและปล่อยให้ลูกค้าคิดเช่นเดียวกันกับคุณ ในขณะเดียวกันให้ลูกค้าถามถึงการตัดสินใจของคุณ เพราะแม้ว่าพวกเขาไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเหมือนคุณแต่ลูกค้าคือผู้จ่ายเงิน นอกจากนั้นคุณอาจหาทางออกด้วยการร่วมมือกันก็ได้

2.จงเป็นมืออาชีพ นั่นก็หมายความว่า อย่าลงมือทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยปราศจากการยั้งคิด อาทิ คุณโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จนไม่อยากโทรศัพท์เพื่อคลี่คลายปัญหาใดๆกับลูกค้า วิธีการแนะนำคือ เผชิญหน้าและอธิบายเหตุและผลอย่างนุ่มนวล(ไม่ใช่ชักแม่น้ำทั้งห้า คุยเป็นคุ้งเป็นแควจนไม่มีประโยคสิ้นสุด) จงรักษาคุณค่าการตัดสินใจของคุณไว้กับตัวคุณเอง และหลีกเลี่ยงการพูดจาด้วยน้ำเสียงดูถูกดูหมิ่น

3.จงเสนอทางเลือก ควรจดจำว่าหลังจากที่คุณปะทะคารมกับลูกค้าแล้ว มักจะเกิดปัญหาตามมาว่าใครจะเป็นผู้บริการลูกค้าแทนคุณ ทางที่ดีคุณควรแนะนำใครสักคนแก่ลูกค้าที่คุณรู้สึกว่าเขาช่างเหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าคุณเหลือเกิน อาทิ ผู้รับเหมาที่เชี่ยวชาญในงานขนาดเล็กกว่า เป็นต้น อย่างน้อยก็สามารถทำให้ลูกค้าคลายกังวลและยังทำให้ธุรกิจของคุณยืนหยัดต่อไปได้
ตบท้าย : แม้ว่าลูกค้าไม่ใช่คนที่ถูกต้องเสมอไป แต่งานของคุณคือการเป็นผู้ให้คุณค่าที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าพวกเขามีความสำคัญอยู่เสมอ

ที่มา : http://smesmart.is.in.th/

Add a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *