ทำงานจนกายพัง

ทำงานจนกายพัง

 

วันนี้เราอยากเตือนเพื่อนๆให้คิดถึงเรื่องสุขภาพไว้ให้มากๆ เพราะประมาณ 10 ปีที่แล้ว ช่วงเรียน ป.ตรี  เราอ่านหนังสือหนักมาก  นอนน้อย  จนพ่อเพื่อนเตือนว่า…..   ช่วงที่เรายังแข็งแรงอยู่  เราควรดูแลสุขภาพให้ดี เพราะเดี๋ยวจะเหมือนพ่อ ที่สมัยก่อนทำงานหนัก ไม่ค่อยสนใจสุขภาพ มาเดี๋ยวนี้  ไม่ค่อยแข็งแรง  เหนื่อยง่าย  แม้ว่าวันนี้จะหันมาดูแลสุขภาพ แต่มันก็ไม่รู้สึกว่าเราแข็งแรงเหมือนเดิม  พลังมันหายไป 

            เรานึกถึงคำเตือนนี้ เมื่อประมาณปลายปี 49 เพราะมีอยู่วันนึง เรากำลังประชุมกับลูกน้องอยู่   อยู่ๆเราก็หายใจไม่ทัน  เหมือนจะขาดใจ   ตอนนั้นรู้สึกเหมือนใกล้ตายแล้ว  ลูกน้องเราตกใจมาก ก็เลยหามเราไปส่งโรงพยาบาล  โชคดีที่โรงพยาบาลอยู่ตรงข้ามบริษัท  

ซึ่งก่อนหน้าที่เราจะมีอาการแบบนี้  เรามีสัญญาณเตือนภัยแล้ว  แต่ไม่เอะใจ คือ  ช่วงสัปดาห์ก่อนที่จะฟุบนั้น  เลือดกำเดาของเราไหลบ่อย   และมีครั้งนึง ยืนรอรถไฟฟ้า อยู่ๆก็หน้ามืด วืดลง จะล้มตกลงไปในรางรถไฟฟ้า โชคดีที่แฟนเราจับเสื้อไว้ทัน   ตอนนั้นคิดว่า นอนไม่ค่อยพอ เพราะงานเราหนักมาก (เป็นช่วงเปิดตึกของบริษัท   ช่วงปี 49 ทั้งปี ทำงานหนักมาก ทำ 7 วัน  กินนอนที่บริษัทเลย สภาพแวดล้อมของตึกก็ไม่ดี เพราะกำลังก่อสร้าง แต่เราต้องทำงานขนานกันไปเพราะกำหนดเปิดบริษัทไม่เลื่อนกำหนด) 

                ตอนนั้นหมอบอกว่า   ความดันขึ้นสูงประมาณ 180 และเมื่อผลเลือดออกมา หมอบอกว่า  น้ำตาลเราขึ้นสูง มาอยู่ที่ 160 แต่วัดตอนที่เราทานข้าวแล้ว   หมอบอกว่า ต้องเช็ค 3 ครั้ง จึงจะมั่นใจว่า ความดันสูงจริง และเบาหวานก็เช่นเดียวกัน จึงจะจ่ายยาให้                 ดังนั้นหมอเลยขอตรวจสอบเพิ่ม และสั่งให้เราลดน้ำหนัก ลงให้ได้ประมาณ 10 โล (ตอนนั้นอยู่ที่ 85 kg) และให้ควบคุม คาร์โบไฮเดรต ด้วย  เพราะถ้าไม่อยากกินยาทุกวัน เราต้องทำตามที่หมอสั่งให้มาตรวจเช็คร่างกายเจาะเลือด ทุกเดือนติดต่อกัน 3 เดือน ปรากฏว่า  เราปลอดภัย  เพราะเราควบคุมน้ำหนักได้ตามที่หมอสั่ง 

                เดือนที่ 2 เราน้ำหนักเราลงมา 6 kg  เราควบคุมอาหารดังนี้ คือ มื้อเช้าไม่ได้กิน   มื้อกลางวันจะกินพวกสุกี้  และมื้อเย็นจะกิน น้ำมะเขือเทศ 100% (น้ำมะเขือเทศ มีพลังงานต่ำ และน้ำตาลน้อย)  หลังจากตรวจผลเช็คความดัน อยู่ที่ 145 น้ำตาลเช็คตอนอดอาหารอยู่ที่ 137  หมอบอกว่าดีขึ้นแต่ยังไม่ปลอดภัย  

                เดือนที่ 3 เราทำเหมือนเดิม ลดลงได้อีก 5 kg  เช็คความดันเหลือ 118   น้ำตาลอยู่ 100   ก็ปกติ  หลังจากนั้น เราก็เริ่มกลับมากินอาหารอีก  เริ่มกินข้าวบ้าง แต่ก็ยังคุมอยู่  แต่อาการ วืด ยังมีอยู่  และเราไม่แข็งแรงเอามากๆเลย เมื่อเทียบกับสมัยก่อน เราทำงานพร้อมอ่านหนังสือ  เราทำได้วันละ 16-18 ชั่วโมง  พอนอนตื่นมาก็สดชื่นเหมือนเดิม  แต่หลังจากคุมน้ำหนักแล้ว พอตื่นมาเราจะมึนๆ  พอทำงานครบ 12 ชั่วโมง เราแทบขาดใจ เพราะทั้งหิว และก็ล้ามาก  กลับบ้านก็จะหลับเลย  เป็นอย่างนี้ทุกวัน   

                เราก็พยายามค้นหาวิธีดูแลร่างกาย ซื้อน้ำมันตับปลามากิน  กินวิตามินรวม ก็แล้ว แต่มันไม่ดีขึ้น ปีนั้น เราป่วยบ่อยมาก เจ็บออดแอดๆ มาตลอด  

                ช่วงกลางปี เราเลยกลับมากินอาหารตามปกติอีกครั้ง  เพราะเราทนไม่ไหว  พอกินเหมือนเดิม ก็รู้สึกว่ามีพลังขึ้น แต่เราก็ยังไม่ค่อยแข็งแรง  จนมาปลายปี 50  เราก็ไปหาหมออีก เพราะเราป่วยบ่อย  เราเป็นหลายโรค  ความดันกลับมาอีก  น้ำตาลเพิ่มอีก มีอาการมือชาอีกแล้ว  เอ็นตรงพังพืดฝ่าเท้าอักเสบ เพราะน้ำหนักมาก (หนัก  83 kg ) 

เราก็เลยไปบ่นกับเพื่อนที่เป็นหมอ  เพื่อนแนะนำให้กิน พวก Nutrition เพื่อบำรุงร่างกาย  พอดี เพื่อนเก่าซึ่งเป็นคล้ายกับ เรา เนื่องจากเป็นโรคอ้วน หมอสั่งลดน้ำหนักเหมือนกัน อาการใกล้เคียงกัน เขาโทรมาบอกว่า ตอนนี้ลดได้ 23 โลแล้ว  

เพื่อนแนะนำให้กิน Herbal life  ซึ่งเราก็ยอมรับนะว่า มันดีจริง  เพราะว่า เรากินแล้ว เราไม่เพลีย เหมือนก่อน และน้ำหนักลงด้วย เรากินมาประมาณ 3 สัปดาห์ น้ำหนักลดลงมา เหลือ 76 kg ดีใจมาก  

อยากบอกเพื่อนว่า  การอดอาหารเพื่อลดน้ำหนัก  ที่มันเพลีย เพราะเราขาดโปรตีน  นั่นเอง  และการจะคุมน้ำหนักได้นั้น  หากเรากินน้อย  สารอาหารก็ไม่ครบ  แต่หากเรากินเยอะ  พลังงานก็มากเกิน  หากเรากินแต่ผลไม้ ก็ขาดโปรตีน ร่างกายไม่ซ่อมแซม อีก   (สำหรับคนที่ไม่เป็น ริดสีดวงแบบเรา จะไม่เข้าใจหรอกว่า โปรตีน สำคัญยังไงต่อริดสีดวง  เพราะเวลาเราเลือดไหลนะ  ต้องใช้ทิชชู่ซับเลือดประมาณ 1 ม้วน และต้องใช้เวลาซับเลือดประมาณ 15-20 นาที เพราะไม่งั้น เลือดจะไหลเปื้อนกางเกง ) แต่พอเรากินโปรตีน แล้ว  ซับแค่สามครั้ง เลือดก็หยุด เพราะ  ฮีโมโกลบิน(เซลล์เม็ดเลือดแดง)  มีองค์กรประกอบของโปรตีนอยู่ ดังนั้นหากขาดโปรตีน การซ่อมแซมร่างกายก็จะช้า  

                วันนี้เราอยากให้เพื่อนๆ คิดถึงการบำรุงร่างกายด้วยโปรตีนและสารอาหาร 5หมู่ เรามักจะกินแต่วิตามิน ,น้ำมันตับปลา ,แคลเซียม ,Rose Mary ซึ่งวิตามินเหล่านี้ บ้านเรากินมานานแล้ว แต่ แทบไม่มีใครคิดถึงโปรตีนหรือสารอาหาร 5หมู่เลย

                และอีกคำถามที่เราถามเพื่อนที่เป็นหมอมา ก็คือ ทำไมคนลดน้ำหนักที่ใช้วิธีอดอาหารแล้ว เมื่อลดมาได้สักระยะนึง ก็ลดไม่ค่อยลงแล้ว  คำตอบก็คือ   Cell ของเราเริ่มไม่แข็งแรงเท่าเดิม โดย ถ้า Cell แข็งแรง ร่างกายของเราก็จะมีการเผาผลาญสารอาหารให้เป็นพลังงานได้ดีด้วย  โดยปกติ ผู้ชายต้องการพลังงาน 2150 kgcal  , ผู้หญิงต้องการพลังงาน 1750 kgcal  แต่เมื่อร่างกายอ่อนแอลง  การเผาผลาญสารอาหารก็ลดลง แม้เราจะควบคุมการกินอาหารให้น้อยลง แต่เมื่อเซลล์ไม่แข็งแรงก็จะส่งผลให้การเผาผลาญซึ่งเป็นกิจกรรมการทำงานของเซลล์ลดลงด้วยเช่นกัน ทำให้สารอาหาร,ไขมันทีไม่ได้ถูกเผาผลาญกลับกลายเป็นชั้นไขมันสะสมอยู่ตามส่วนต่างๆของร่างรวมทั้งในเส้นเลือดด้วย( คลอเลสเตอรอล)  สุดท้าย ก็เหมือนไม่ได้ลดพลังงาน น้ำหนักก็ยังคงที่ ก็ทำให้ยังคงอ้วนเหมือนเดิม แม้จะกินอาหารน้อยลง 

                ขอให้เพื่อนๆโชคดี ดูแลสุขภาพให้ดี เพราะพวกเราเริ่มเข้าสู่เลข 3 แล้วนะครับ …….และถ้าเพื่อนๆ สงสัยวิธีการกินอาหารเสริม mail มาถามเราได้ เราศึกษามาเยอะ ตอนจะเริ่มกินอาหารเสริม  เพราะเวลาเราไปซื้ออาหารเสริม คนขายจะชอบยัดเยียด สิ่งที่ไม่จำเป็น ให้เราด้วย  ซึ่งหากกินเป็น  เข้าใจ การกิน อาหารเสริมก็ไม่แพงอย่างที่คิด  แต่หากไม่รู้อะไรเลย โดนหลอกขายเอาง่ายๆครับ 

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ก็ส่งไปถามที่ E-mail นี้แล้วกันนะครับ  honeyjiabby@yahoo.com  เพราะเขาชอบส่งเรื่องสุขภาพ มาให้อ่านบ่อยๆ 

Add a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *