ถ้าหลับตามองเห็นอนาคต เมื่อลืมตาย่อมมองเห็นเส้นทางสู่ความสำเร็จ
ก่อนเริ่มต้นอ่านบทความนี้ ขอให้ท่านลองหลับตาสักหนึ่งนาที
……(กรุณาหลับตา)……….
และเมื่อลืมตาแล้วถามตัวเองว่า “ตอนที่หลับตาเราเห็นภาพอะไร?”
ถ้าเราถูกถามว่า “ถ้ามีเวลาว่างอยากจะทำอะไร”
คำตอบที่ได้คือ อยากทำในสิ่งที่เป็นความชอบ เช่น อยากไปเที่ยว อยากดูหนัง อยากพักผ่อน ฯลฯ แสดงว่าตอนที่เรายุ่งๆเราอยากทำในสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นเมื่อมีเวลาหรือมีโอกาสเราจึงอยากจะเติมเต็มสิ่งเหล่านี้ให้กับชีวิตนั่นเอง
แต่เวลาเราหลับตาหนึ่งนาที เปรียบเสมือนกับการที่จิตใจของเราถูกถามว่า
“ถ้าจิตใจว่างๆจิตใจอยากจะคิดถึงอะไร?”
ไม่ว่าท่านจะตอบว่าคิดถึงหรือเห็นภาพอะไรคงจะหนีไม่พ้นคำตอบดังต่อไปนี้
ไม่เห็นอะไรเลยมองเห็นแต่ความมืด
เห็นภาพสุดท้ายก่อนหลับตา
เห็นภาพหรือเรื่องราวชีวิตในอดีต
เห็นภาพชีวิตของตัวเองในอนาคต
ลองมาดูว่าภาพที่เราเห็นเมื่อตอนหลับตาจะบอกอะไรเราได้บ้าง
ใครก็ตามที่ตอบว่า “ไม่คิดอะไรเลยมองเห็นแต่ความมืด”
แสดงว่าคนๆนั้นใช้ชีวิตแบบ “วัสดุสิ้นเปลือง” ที่ใช้แล้วหมดไปไม่มีอะไรผูกพันหรือยึดติดกับอดีต ในขณะเดียวกันคนแบบนี้ก็มีชีวิตอีกแบบหนึ่งคือใช้ชีวิตแบบ “หาเช้ากินค่ำ” ไม่มีอะไรที่ต้องคิดถึงวันพรุ่งนี้ เป็นคนที่ไม่มีอดีตและไม่มีอนาคต พูดง่ายๆคือชีวิตนี้ยังไม่มีอะไรที่มีอิทธิพลมากพอที่จะเข้ามาครอบงำแทนที่ความมืดและความว่างเปล่าในจิตใจได้
ใครก็ตามที่ตอบว่า “เห็นภาพสุดท้ายก่อนหลับตา”
เช่น เห็นภาพคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า เห็นภาพสถานที่นั่งอยู่ ฯลฯ แสดงให้เห็นว่าคนๆนั้น เป็นคนที่จิตใจมักจะถูกครอบงำโดยสภาพแวดล้อมและคนรอบข้าง เป็นคนสมาธิสั้น อารมณ์อ่อนไหวง่าย ไม่ชอบคิดอะไรไกลตัวหรือหลายอย่างพร้อมกัน เป็นคนที่ไม่ค่อยชอบการปรับตัวหรือเปลี่ยนแปลงอะไรมากมาย
ใครก็ตามที่ตอบว่า “เห็นภาพหรือนึกถึงเรื่องราวชีวิตในอดีต”
แสดงให้เห็นว่าคนๆนั้นเป็นคนที่ชีวิตถูกครอบงำด้วยความทรงจำในอดีต อาจจะเป็นความทรงจำที่ดีหรือไม่ดีก็ได้ เพราะเมื่อไหร่ที่จิตใจว่าง ภาพหรือเรื่องราวของชีวิตที่ผ่านมาในอดีตจะถูกดึงออกมาฉายให้เห็นเร็วกว่าภาพในปัจจุบันและภาพในอนาคต คนแบบนี้มักจะนิยมชมชอบกับการเล่าเรื่องราวความสำเร็จในอดีตของตัวเองให้ผู้อื่นฟัง คนกลุ่มนี้มักจะเป็นคนสูงอายุที่ไม่อยากมองไปยังอนาคตไกลๆ แต่ชอบมองย้อนหลังไปหาอดีต เพราะเมื่อมองย้อนกลับไปทั้งจำนวนเรื่องราวและระยะเวลานั้นยาวไกลกว่าเรื่องราวและเวลาที่เหลือในอนาคต
ใครก็ตามที่ตอบว่า “เห็นภาพชีวิตของตัวเองในอนาคต”
แสดงให้เห็นว่าคนๆนั้นเป็นคนที่มีอนาคต มีความฝัน มีความหวัง มีพลังฝังอยู่ในตัวมากพอ และพร้อมที่จะเข้ามาทดแทนความมืดและความว่างเปล่าของจิตใจอยู่ตลอดเวลา การที่คนเราสามารถนำเอาภาพในอนาคตที่ยังไม่เคยเห็นมาก่อน ให้เข้ามาแทนที่ภาพในอดีตและภาพในปัจจุบันได้ แสดงให้เห็นว่าคนๆนี้มักจะมีจินตนาการมองเห็นอนาคตของตัวเองอยู่ตลอดเวลา และภาพฝันนั้นอยู่กับตัวเองนานมากพอที่จะถูกดึงขึ้นมาฉายให้เห็นเวลาจิตใจมีสภาพว่างเปล่า
คนที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้นั้น จะต้องมองหาและมองเห็นภาพความสำเร็จในอนาคตของตัวเองอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าเวลาหลับหรือเวลาตื่น ถ้าความฝันของเรามีพลังมากพอและต่อเนื่อง ความฝันนั้นจะวิ่งวนไปวนมาอยู่ในจิตใจของเราตลอดเวลาเพื่อกระตุ้นให้เราคิดหาแนวทางที่จะเดินไปตามล่าหาความฝันนั้นๆ สรุปง่ายๆคือ เมื่อไหร่ที่เรามองเห็นเป้าหมาย เราย่อมมองเห็นเส้นทางไปสู่เป้าหมายนั้น แต่ถ้ามองไม่เห็นเป้าหมาย นอกจากเรามองไม่เห็นเส้นทางเดินแล้ว เรายังไม่รู้เลยว่าก้าวต่อไปเราจะก้าวเดินด้วยเท้าซ้ายหรือเท้าขวาก่อน เดินไปข้างหน้าหรือเดินถอยหลัง
วันที่เขียน 10 ตุลาคม 2552 เวลา 06.00 น.
สถานที่เขียน ที่บ้าน
มูลเหตุจูงใจในการเขียน ได้มีโอกาสให้คำแนะนำเกี่ยวกับการวางแผนชีวิตกับคนที่อยากเป็นวิทยากร