ดร. อัน หวาง ตอน 1
|ดร. อัน หวาง ตอน 1 : วัยเด็ก
สภาพความเป็นอยู่ในวัยเด็ก
ดร. อัน หวาง เกิดในครอบครัวของชนชั้นกลาง ยุคที่ญี่ปุ่นกำลังรุกรานจีน ที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ดร. อัน หวาง เป็นลูกชายคนโตในจำนวนพี่น้อง 5 คน เขาต้องออกจากบ้านไปเรียนหนังสือตั้งแต่อายุได้ 13 ปี จึงไม่ค่อยมีความผูกพันลึกซึ้งกับพี่น้องมากนัก ซึ่งจากการที่ดร. อัน หวาง ต้องถูกจับแยกออกจากครอบครัวมาเป็นเวลานาน บ่อยครั้งที่เขาต้องถูกบีบบังคับให้รับผิดชอบในสิ่งที่คนอายุเท่าเขาไม่น่าจะต้องมารับรู้ ซึ่งทำให้ ดร. อัน หวาง ได้เรียนรู้ที่จะแสวงหาแนวทางของตนเองในสภาพแวดล้อมที่แปลกแยก และเขาได้กลายเป็นคนโดดเดี่ยวเนื่องจากสถานการณ์บังคับ
ตั้งแต่เด็กจนโต ดร. อัน หวาง ไม่เคยรับรู้ถึงความยากลำบากยากแค้นจากภาวะความแห้งแล้งและทุพภิกขภัยซึ่งโหมกระหน่ำส่วนอื่นๆของประเทศจีนเลย เพราะดร. อัน หวาง อาศัยอยู่ในทางตอนเหนือของประเทศจีนที่อุดมสมบูรณ์และมีภูมิอากาศที่กำลังดี
ครอบครัวของดร. อัน หวาง ต้องย้ายบ้านถึง 4 แห่งเนื่องจากภัยสงคราม แม้ว่าบ้านของดร. อัน หวางจะไม่หรูหรานัก แต่ก็มีความสะดวกสบาย แต่ละคนในครอบครัวของเขาต่างก็มีห้องเป็นของตัวเอง ซึ่งแม้ว่าดร. อัน หวางจะยังเด็ก แต่ก็ได้เห็นคุณค่าของความเป็นส่วนตัวเป็นอันมาก ตอนเด็กๆ ดร. อัน หวางได้มีโอกาสพบหน้าคุณยายและคุณย่าบ่อยครั้ง ซึ่ง เขาค่อนข้างสนิทกับคุณยายมากกว่า เพราะเขาอาศัยอยู่บ้านรวมของครอบครัวฝ่ายแม่
ต่อมาครอบครัวของ ดร. อัน หวางได้โยกย้ายกลับไปที่เมืองคุนซาน และดร. อัน หวางได้เข้าเรียนชั้นประถมที่นั่น แต่ทางโรงเรียนไม่มีเปิดชั้นเรียนอนุบาล หรือแม้แต่ชั้นประถมปีที่ 1 หรือชั้นประถมปีที่ 2 ดังนั้น ดร. อัน หวางจึงต้องเริ่มเข้าเรียนในระดับประถมปีที่ 3 โดยไม่ได้เรียนในชั้นเรียนอนุบาล , ชั้นประถมปีที่ 1 และชั้นประถมปีที่ 2 มาก่อน ด้วยเหตุนี้ทำให้ดร. อัน หวางมีอายุอ่อนกว่าเพื่อนนักเรียนร่วมชั้นอยู่ 2 ปีเสมอขณะที่ยังเรียนหนังสืออยู่ ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เพื่อนๆไม่ให้ความเคารพแก่เขาอย่างคนที่เท่าเทียมกันเพราะถือว่าพวกเขาตัวโตกว่าและมีอายุมากกว่าดร. อัน หวาง แต่ดร. อัน หวาง ก็ได้พิสูจน์ตัวเอง ทำให้ทุกคนกลับมาสนใจเขาได้ด้วยผลการเรียนของตนเอง โดย ดร. อัน หวาง ได้คะแนนสอบเกือบจะเต็มร้อยซึ่งดีกว่าผลการเรียนของเด็กที่อายุมากกว่าเขาอย่างมากมาย
ขณะที่กำลังเรียนชั้นประถมศึกษานั้น ดร. อัน หวางเก่งในวิชาคณิตศาสตร์ โดยถ้าเขาคิดหาคำตอบนานและตั้งใจกับมันมากพอ เขาก็จะหาคำตอบของปัญหาคณิตศาสตร์ออกได้ แต่ดร. อัน หวาง ไม่ค่อยชอบกับวิชาที่ต้องท่องจำ เช่น ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ เป็นต้น โดยสาเหตุไม่ได้มาจากวิชาแต่ละวิชาโดยตรง แต่มาจากวิธีการสอนของวิชาเหล่านั้นที่น่ารำคาญที่ทำให้ดร. อัน หวาง เบื่อหน่าย
เมื่อดร. อัน หวาง ได้เข้าเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษา เขาได้เปลี่ยนแปลงนิสัยตัวเองไปเป็นเด็กที่หาเหตุผลจะรักสนุกมากกว่าที่จะใช้เวลาในการทำการบ้าน แม้ว่าดร. อัน หวาง จะไม่ใช่เด็กที่ขยันเรียนนัก แต่เขาก็สามารถทำคะแนนสอบได้ดีจนสามารถสอบผ่านได้อย่างสบาย
นอกจากนี้ ดร. อัน หวาง ยังเป็นนักอ่านที่หาตัวจับได้ยากคนหนึ่ง เขามักจะใช้เวลาในช่วงบ่ายในการอ่านหนังสือทุกประเภทที่มีในห้องสมุดแห่งนี้ สาขาวิชาที่ดร. อัน หวาง รักมากที่สุดก็คือหมวดวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ ซึ่งจากการอ่าน ทำให้ ดร. อัน หวาง ได้เรียนรู้มากมายเกี่ยวกับโลกภายนอก นอกเหนือไปจากเมืองที่เขาอยู่ และเขารู้แม้กระทั่งโลกภายนอกที่อยู่นอกเหนือไปจากประเทศจีนด้วย
ลักษณะนิสัยที่เรียกว่า ฉายแวว ในวัยเด็ก
ดร. อัน หวาง เป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก เนื่องมาจากตั้งแต่สมัยเด็กที่เขาต้องเริ่มเข้าเรียนในชั้นประถมปีที่ 3 แต่ ดร. อัน หวาง มีอายุน้อยกว่าเพื่อนร่วมชั้นถึง 2 ปี ซึ่งการที่เขาถูกส่งไปเรียนในชั้นประถมปีที่ 3 เมื่อตอนที่ดร. อัน หวาง อายุ 6 ขวบไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ดร. อัน หวางได้ฝ่าฟันอุปสรรคทำให้เพื่อนๆยอมรับในตัวเขาได้ด้วยผลการเรียนของเขา ซึ่งสิ่งนี้ช่วยทำให้ดร. อัน หวาง สามารถจัดการรับมือได้ทั้งเรื่องของงานและอิทธิพลทางสังคมอื่นๆได้
ในตอนที่ดร. อัน หวาง เข้าสอบคัดเลือกเข้าเรียนต่อในระดับมัธยมศึกษาก็เป็นอีกครั้งที่เขาได้แสดงความเชื่อมั่นในตัวเองอย่างสูงออกมา เพราะทางบ้านได้บอกให้เขารอไปก่อน 1 ปีก่อนที่จะเข้าสอบคัดเลือกเข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษา แต่ดร. อัน หวางก็ได้ตัดสินใจที่จะไม่เรียนซ้ำชั้นประถมปีที่ 6 อีก เขาจึงได้ตัดสินใจเข้าสอบคัดเลือก เมื่อผลการสอบแจ้งกลับมา ปรากฎว่าดร. อัน หวางได้คะแนนสูงที่สุดเหนือผู้เข้าสอบอื่นๆ แม้สิ่งนี้จะเป็นเพียงชัยชนะที่ไม่ยิ่งใหญ่อะไร แต่ก็ได้ช่วยสะสมความเชื่อมั่นในตัวเองทีละเล็กทีละน้อย
ในขณะที่เรียนชั้นมัธยมศึกษา แม้ว่าผลการเรียนของดร. อัน หวางจะค่อนข้างแย่และอายุก็เป็นข้อเสียเปรียบเมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมชั้น แต่เขาก็แน่ใจว่า ตนเองสามารถจะทำคะแนนใน
การสอบได้ดี ซึ่งดร. อัน หวางก็คิดถูก เขาสามารถทำคะแนนสอบได้ดีอย่างที่เขาคิดไว้ ผลก็คือสิ่งนี้ทำให้ดร. อัน หวางเชื่อว่า เขาสามารถจะเป็นต่อในสถานการณ์อื่นๆได้ ซึ่งจากความท้าทายแต่ละอย่างที่ดร. อัน หวาง ได้เผชิญในวัยเด็ก ทำให้เขามีความพร้อมยิ่งขึ้น และมีความเชื่อมั่นในความสามารถของตนเองที่จะเผชิญกับสิ่งท้าทายที่ใหญ่ขึ้นในอนาคต
ความฝันในวัยเด็ก
ดร. อัน หวาง ได้คิดไว้ตั้งแต่ตอนเป็นเด็กแล้วว่า เมื่อเขาโตขึ้นแล้ว เขาจะต้องหาโอกาสเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยให้จงได้ ดังนั้นเมื่อดร. อัน หวางจบการศึกษาระกับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยเฉียวตุงและได้มีโอกาสเดินทางไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาตามโครงการส่งวิศวกร
ชาวจีนที่ได้รับการฝึกอบรมอย่างดีบางส่วนให้เดินทางไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา ดร. อัน หวาง จึงได้หาทางที่จะได้ศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัย โดยเขาอยากจะเข้าเรียนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัย-ฮาร์วาร์ด และความพยายามของดร. อัน หวาง ก็สำเร็จ ได้เข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในภาควิชาฟิสิกส์ประยุกต์ แม้ว่าเขาจะไม่ได้นำใบแสดงผลการศึกษาระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัย-
เฉียวตุงติดตัวมาด้วยก็ตาม และต่อมาดร. อัน หวาง ก็ได้ศึกษาจนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญา-เอกจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในที่สุด