ชี้! ปัญหาเลี้ยงน้องหมาเสี่ยง “นอนกรน”

ชี้! ปัญหาเลี้ยงน้องหมาเสี่ยง “นอนกรน”
• คุณภาพชีวิต
เตือนไม่ใช่แค่น่ารำคาญแต่อาจตายก่อนวัยได้

แบคทีเรียที่แพร่กระจายจากสุนัขและตลบอบอวลอยู่ทั่วบ้าน สามารถลอกเลียนระบบน้ำเหลืองของทารกแรกเกิด อันเป็นสาเหตุให้ต่อมทอนซิลโตและเพิ่มแนวโน้มที่จะมีปัญหาการกรนเมื่อโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่

ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยยูมีในสวีเดน ยังพบว่าคนที่เคยเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยอาการติดเชื้อในบริเวณช่องอกในช่วงสองขวบปีแรก และมีปัญหาการติดเชื้อในหูเป็นประจำ มีแนวโน้มมากขึ้นที่จะกรนเมื่อโตขึ้นเช่นเดียวกัน

นักวิจัยชุดนี้ที่นำโดยดร.คาร์ล แฟรงคลิน ได้สัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างอายุ 25-54 ปี กว่า 15,500 คนที่สุ่มคัดเลือกจากสวีเดน นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ เดนมาร์ก และเอสโทเนีย

สิ่งที่พบคือ กลุ่มสำรวจ 18% มีการกรนเสียงดังน่ารำคาญอย่างน้อยสัปดาห์ละสามวัน

กลุ่มตัวอย่างยังถูกสอบถามว่า เมื่อแรกเกิดหรือตอนเด็กๆ ที่บ้านเคยมีสัตว์เลี้ยงหรือไม่ โดยตัวเลือกประกอบด้วยสุนัข แมว หรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆ

ปรากฏว่ามีเพียงสุนัขเท่านั้นที่ดูเหมือนเพิ่มความเสี่ยงในการกรน

นอกจากนั้น นักวิจัยยังตั้งคำถามอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อในช่องอกและหู ระดับการศึกษาของพ่อแม่ และขนาดครอบครัว

ภาวะต่อมทอนซิลและลิ้นโตผิดปกติ เป็นสาเหตุที่ทำให้ช่องทางเดินหายใจส่วนบนแคบลง ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอาการกรน

นักวิจัยสรุปว่า แนวโน้มการกรนของผู้ใหญ่ส่วนหนึ่งอาจปูพื้นกันมาตั้งแต่เด็ก คือการติดเชื้อในช่องอก หู และการเลี้ยงสุนัข

ปัจจัยท้ายสุดมีผลต่อความเสี่ยงในการกรน 3.4% มากกว่าปัจจัยอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงวัยเด็ก โดยนักวิจัยเสริมว่า เอนโดท็อกซินจากแบคทีเรียที่ทำให้เกิดการอักเสบ มักพบในบ้านที่เลี้ยงสุนัข

ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่สุดในช่วงวัยผู้ใหญ่คือการสูบบุหรี่ ที่เป็นองค์ประกอบถึง 14% ส่วนโรคอ้วน 9% และปัจจัยอื่นๆ ยังรวมถึงโรคเยื่อจมูกอักเสบ และโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง

ดร.แฟรงคลินทิ้งท้ายว่า การกรนไม่ได้สร้างความรำคาญเท่านั้น แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงในการเสียชีวิตก่อนวัย และโรคระบบหัวใจและหลอดเลือด เช่น หัวใจวาย และโรคหลอดเลือดสมอง

ที่มา : หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน

Add a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *