ชี้น้ำมันเมล็ดชาต้านโรคหัวใจ ชะลอความแก่ได้ชะงัก

ชี้น้ำมันเมล็ดชาต้านโรคหัวใจ ชะลอความแก่ได้ชะงัก
คุณภาพชีวิต
พบสารต้านอนุมูลอิสระสูง ป้องกันการอักเสบของเนื้อเยื้อ

การบริโภคอาหารให้ถูกหลักนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยเฉพาะในเรื่องของการบริโภคน้ำมันเพราะน้ำมันแต่ละชนิดมีองค์ประกอบที่แตกต่างกันทั้งไขมันชนิดดีและชนิดไม่ดี ฉะนั้นการเลือกบริโภคน้ำมันที่มีองค์ประกอบของกรดไขมันชนิดดีก็จะช่วยส่งเสริมสุขภาพ และยังช่วงลดความเสี่ยงโรคร้ายต่างๆ ด้วย

อ.กัญชลี ทิมาภรณ์ นักโภชนาการโรงพยาบาลพระรามเก้า ชี้ว่า ปัจจุบันพฤติกรรมการบริโภคของคนไทย เปลี่ยนไปตามภาวะสังคมที่เร่งรีบและยังมีวัฒนธรรมการบริโภคอาหารตามแบบของชาวตะวันตก โดยเฉพาะในสังคมเมืองที่นิยมรับประทานอาหารนอกบ้านทั้งสะดวก รวดเร็ว และอร่อยถูกปาก เป็นต้น ไม่ว่าจะเป็นอาหารฟาสต์ฟู้ด หรืออาหารสำเร็จรูป ที่จะมีส่วนประกอบทั้งแป้งน้ำตาล และยังมีไขมันเป็นส่วนประกอบหลักอีกด้วยจึงส่งผลทำให้เกิดภาวะไขมันในเลือดสูงและเกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายต่างๆ ตามมาด้วย เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน หลอดเลือด มะเร็ง ไต โรคอ้วน เป็นต้น โดยโรคต่างๆ เหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวันด้วย

จากการสำรวจพบว่า ประชากรโลกเสียชีวิตด้วยโรคที่เกิดจากโรคเรื้อรังซึ่งไม่ติดต่อ ได้แก่โรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน โรคอ้วน มะเร็ง และโรคทางการหายใจสูงถึง 59% มีหลายงานวิจัยบ่งชี้ว่าปริมาณและชนิดของไขมันที่บริโภคเข้าไปมีส่วนโดยตรงต่อสาเหตุการเกิดโรคบางชนิดที่เป็นสาเหตุคร่าชีวิตคนไปไม่น้อย เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด ภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูง มะเร็งความดันโลหิตสูง และโรคอ้วน เป็นต้น นอกจากนี้ยังนำไปสู่โรคร้ายอื่นๆ ที่อาจทำให้เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือเสียชีวิตได้ จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนไทยรักสุขภาพในปัจจุบันพยายามหลีกเลี่ยงอาหารประเภทไขมันด้วย

อ.กัญชลี กล่าวเสริมอีกว่า การเลี่ยงไขมันไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะไขมันเป็นสารที่ให้พลังงานสูงที่สุด เป็นแหล่งของกรดไขมันที่จำเป็น เป็นตัวละลายและช่วยดูดซึมวิตามินเอ ดี อี เค ไขมันจึงเรียกได้ว่าเป็นสารอาหารหมวดหนึ่งที่มีความสำคัญต่อร่างกาย แต่น้ำมันที่เลือกรับประทานความเป็นน้ำมันจากธรรมชาติ และมีกรดไขมันชนิดต่างๆ ในปริมาณเหมาะสมที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคอีกด้วย น้ำมันที่มีองค์ประกอบของไขมันดีสูงที่ใช้กันในปัจจุบัน ได้แก่ น้ำมันมะกอก น้ำมันเมล็ดชา เป็นต้น

ในวงการโภชนาการยอมรับกันว่าน้ำมันมะกอกของชาวเมดิเตอร์เรเนียนเป็นน้ำมันที่มีสัดส่วนของกรดไขมันชนิดต่างๆ ในปริมาณที่ส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ล่าสุดวิทยาศาสตร์การอาหารพบว่า “น้ำมันเมล็ดชา” มีคุณสมบัติที่ดีใกล้เคียงเทียบได้กับน้ำมันมะกอก จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “น้ำมันมะกอกแห่งทวีปเอเชีย” น้ำมันเมล็ดชาเป็นน้ำมันพืชสกัดจากเมล็ดของดอกเซาคามิเลียโอสิเฟร่า นิยมใช้กันทางใต้ของประเทศจีน เช่น ในชาวหูหนาน มีการใช้น้ำมันเมล็ดชามานานกว่า 1,000 ปี

และคุณสมบัติพิเศษของน้ำมันเมล็ดชา คือมีกรดไขมันอิ่มตัวต่ำ มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียวในรูปของกรดโอเลอิกถึง 88% มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่งในรูปของโอเมก้า 3 ในรูปของกรดแอลฟาไลโนเลนิก ประมาณ 1-3% ไม่มีกรดไขมันทรานส์ซึ่งไขมันทรานส์ นอกจากจะเป็นต้นเหตุให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันแล้ว ยังมีคอเลสเตอรอลตัวร้าย (LDL) และคอเลสเตอรอลดี (HDL) ในเลือด ซึ่งไขมันทรานส์มักแฝงมากับขนมต่าง ๆ ด้วย

“นอกจากนี้ น้ำมันเมล็ดชายังมีวิตามินอีสูง วิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระจึงช่วงยืดอายุการใช้งานของน้ำมันให้นานขึ้น อีกทั้งยังอุดมด้วยวิตามินเอ บี และดี และมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงคือสารแคททีชิน ซึ่งเป็นสารโพลิพีนอลที่ช่วยลดการออกซิเดชั่น ของแอลดีแอล จึงช่วยป้องกันหลอดเลือดตีบตันและป้องกันการอักเสบของเนื้อเยื้อ และน้ำมันเมล็ดชายังสามารถนำไปปรุงอาหารได้หลากหลายชนิด เช่น ทอด ผัด ทำน้ำสลัด หรือผสมซอสหมักเนื้อสัตว์ เป็นต้น แม้ว่าจะเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายแต่ด้วยคุณประโยชน์ของน้ำมันเมล็ดชาที่ส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคดีต่อผู้ที่เสี่ยงและผู้ป่วยโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกิน รวมถึงยังดีต่อสตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีในยุคสมัยที่เร่งรีบ” อ.กัญชลี กล่าวในที่สุด

ที่มา : บางกอกทูเดย์

ภาพประกอบ : www.thaihealth.or.th

Add a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *