ครบเครื่องหญิงเก่ง สาธิมา ทานาเบ้
|ครบเครื่องหญิงเก่ง สาธิมา ทานาเบ้
หญิงเก่งที่มากความสามารถอยู่ในตัว สาธิมา ทานาเบ้ รองผู้จัดการทั่วไป ศูนย์การค้าเกษร บริษัทเกษรแลนด์แอสเซท แมนเนจเม้นท์ จำกัด
สาธิมา ได้เข้ามาดูแลศูนย์การค้าระดับพรีเมียมอันดับหนึ่งของประเทศ มานานกว่า 2 ปี เมื่อเดือนมีนาคม 2549 ในตำแหน่งผู้อำนวยการ แผนกการตลาด โดยรับผิดชอบ เกี่ยวกับการวางกลยุทธ์ทางการตลาดและการสื่อสาร กลยุทธ์การคัดเลือกและวางผังร้านค้าภายในศูนย์ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งตำแหน่งทางการตลาดของเกษรที่เป็น “Luxury Retail Center และในปี 2550 ที่ผ่านมาเธอก็ได้รับการโปรโมตในตำแหน่งรองผู้จัดการทั่วไป ดูแลเรื่องพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้า การให้บริการต่าง ๆรวมทั้ง การสื่อสารการตลาด
เธอ กล่าวว่า การมาเริ่มงานที่นี่ หลังพบว่าตัวเองมีความชอบในงานบริหารการตลาด นักบริหารจัดการและวางกลยุทธ์มากกว่า ประกอบกับความท้าทายในงานและวิชันที่สามารถสานต่อ ทำให้ศูนย์การค้าแห่งนี้ แข็งแกร่งและชัดเจนขึ้น
” ตลาดรีเทลในเมืองไทยเป็นอะไรที่ซับซ้อน แข็งขันสูงเป็นเรดโอเชียน ของแท้ จึงเป็นความท้าทายของเราว่าจะทำอย่างไร เพื่อ รักษาตำแหน่งทางการตลาดของศูนย์การค้าแห่งนี้ที่เป็น “Luxury Retail Center เป็นบลูโอเชียนที่ให้ผลลัพธ์ดียิ่งขึ้น ” ดังนั้นหลังจากที่เธอเข้ามารับผิดชอบ ศูนย์การค้าเกษร จึงเป็นเจ้าแรกที่จัดให้มี “lifestyle consult ” ในการให้คำปรึกษาลูกค้าครบรสทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเสื้อผ้า หน้าผม ของขวัญ เทศกาลครบรอบ ,ฮอลิเดย์ แพ็กเกจ และทีมอีเวนต์ชัวรี ในการอีเวนต์แสดงสินค้า เพื่อเข้าถึงเซ็กเมนต์แต่ละกลุ่มอย่างตรงเป้าหมาย
การให้บริการลูกค้ากลุ่มนี้ เป็นเรื่องอารมณ์ความรู้สึก ที่จะต้องมีเซอร์วิส ลูกค้าต้องมีคนพูดด้วย และขอความช่วยเหลือได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทางศูนย์ ได้จัดให้บริการ คำว่า Luxury ที่นี้จึงไม่ได้มีความหมายแพง แต่มูลค่าที่สูง เป็นการสูงตามคุณภาพ value (คุณค่า)ที่สูงด้วย
อย่างไรก็ดีหากเทียบเป็นปริมาณยอดขายที่เพิ่มจากการที่เธอเข้ามาร่วมงานในช่วงเหตุการณ์การเมืองไม่สงบ ในปี 2549 ตามด้วยปัญหาเศรษฐกิจของประเทศในปี 2550 จึงอาจไม่เห็นภาพ แต่ทว่าเมื่อเทียบรายจ่ายต่อหัวต่อครั้ง ( รายงานว่ามากกว่า 40,000 บาท/คน/ครั้ง) เปอร์เซ็นต์การเพิ่มๆขึ้นแน่
สาธิมา จบมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนมาร์แตร์ เอกภาษาอังกฤษ-ฝรั่งเศส ก่อนเอนทรานซ์ติดคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย โดยมีผลคะแนนสอบเข้าเป็นอันดับ 4 ของรุ่น และเป็นอันดับหนึ่งในด้านภาษาฝรั่งเศส หลังจบได้เบนเข็มเพราะอยากทำงานด้านสื่อสารบันเทิง และสื่อสารมวลชน และเลือกสอบเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย บอสตัน สหรัฐอเมริกา ในสาขาวิชา Communications Science พร้อมทำปริญญาโทด้าน Marketing ควบคู่ จนจบ MA และ Masters of Science degree in Marketing Communications ที่มหาวิทยาบอสตัน สหรัฐฯ , และมาทำปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ MBA อีกใบที่ Harvard Business School
” ความตั้งใจต้อม (ชื่อเล่นที่เธอเรียก ) อยากเรียนต่อถึงปริญญาเอก แต่ช่วงที่กลับมาทำงานซัมเมอร์ประเทศ ทางบ้านได้แนะนำให้หาประสบการณ์การทำงาน เลยไปสมัครเป็นเด็กฝึกงานที่บริษัทลินตาส แห่งประเทศไทยฯ ( Lowe Thailand ) ในปี 2536 แต่เอาข้าจริง กลับต้องมาทำในตำแหน่ง AE (Account Executive ) บริหารงานลูกค้า และทำอยู่บริษัทแห่งนี้นานถึง 4 ปี ”
ก่อนลาออกไปทำที่บริษัทฟริโต-เลย์ ประเทศไทยฯ ( ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท เป๊บซี่ โคล่า อินเตอร์เนชั่นแนล )ปี 2540 ในตำแหน่ง แบรนด์ แมเนเจอร์ เริ่มจากดูแลตัวสินค้าที่เล็กสุด “ชีโตส” “ข้าวเกรียบกุ้ง” ,มันฝรั่งเลย์ จนดูสินค้าทั้งกลุ่ม ในตำแหน่ง ผู้จัดการฝ่ายการตลาด และผลงานอีกชิ้นของเธอในช่วงนั้นก็คือการ ซื้อกิจการของคู่แข่ง “มั้น มัน ” เพื่อแก้ปัญหาที่ตลาดเมืองไทยยังขาดวัตถุดิบ”มัน ” โดยจับเอาบริษัทคู่แข่งมาจับตลาดล่าง และมันฝรั่งเลย์จับตลาดบน พร้อมกับการเดินแคมเปญ “ทรัพย์ในดิน ” ด้วยการผลักดันให้เกษตรกรในเมืองไทย แถวจังหวัดทางภาคเหนือ แพร่ น่าน ตาก เชียงใหม่ เชียงราย หันมาปลูกมัน เพื่อป้อนเป็นวัตถุดิบให้บริษัทอีกทาง
ในปี 2543 จากผลงานแคมแปญการตลาดของเธอ ก็ได้ทำให้บริษัทฟริโต-เลย์ ฯ ได้รับรางวัล ” the Best Marketing Campaign Award ” จาก Thailand Marketing Association สาธิมา ยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นตัวแทนจากสำนักงานใหญ่ของฟริโต-เลย์ในสหรัฐอเมริกา ให้ช่วยวางแผนพัฒนาธุรกิจเพื่อสร้างสรรค์กลยุทธ์การตลาดระดับโลก สำหรับตลาดเอเชีย-แปซิฟิกและลาตินอเมริกาอีกด้วย
จนมาเมื่อเธอได้ถูกเรียกตัวจากพี่ผู้มีบุญคุณซึ่ง เคยร่วมงานที่ลินตาส ให้ไปช่วย โดยเป็นผู้บุกเบิกก่อตั้งบริษัทเอเยนซี ” เตกีล่า ” บริษัทลูกของ “ทีบีดับบลิวเอ” จัดวางระบบ สร้างฐานดาต้าเบส การนำแนวบริหารการตลาด CRM ( Customer Relationship Management ) มาปรับใช้ ซึ่งยังไม่เป็นที่รู้จักของคนไทยในขณะนั้น รวมไปถึงการวางกลยุทธ์ และหาลูกค้าเอง โดยเธอสามารถทำให้บริษัทเล็ก ๆแห่งนี้มียอดขายต่อปีได้มากกว่า 100 ล้านบาท
” ต้อมเริ่มไต่จากการเป็นเอเยนซีซึ่งต้องรอบจัดในทุก ๆเรื่อง ทั้งด้านการวางกลยุทธ์ การพูดคุยกับลูกค้าเป็น จนมีทักษะการทำงานตั้งแต่ระดับล่างถึงบน ก่อนจะไปทำมาร์เก็ตติ้ง ซึ่งมาพบว่างานที่เราชอบก็คือด้านสายการตลาด วางแผนกลยุทธ์ นี่เอง “เธอทำอยู่แห่งนี้ประมาณ 4 ปี ก่อนมาร่วมงานที่ศูนย์การค้าเกษร ในปี 2549 ”
คีย์ความสำเร็จสาธิมา อยู่บนหลักการที่ว่า “performance with purpose ” ผลงานจะออกมาอย่างไร ก็อยู่เจตนาความตั้งใจ ดังนั้นหากทำอะไรแล้ว เธอบอกว่าจะเต็มที่ บวกกับเป็นคนที่ชอบใฝ่หาความรู้ใส่ตัวอยู่ตลอดเวลา
” ต้อมจะเรียนรู้จากประสบการณ์ความผิดพลาด เราอาจทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก 100 ครั้ง และใน 100 ครั้งอาจนำความสำเร็จเพียงก้าวเดียว จะไม่ได้มองอุปสรรคเป็นเรื่องที่ตื่นตระหนก panic แต่เป็นเรื่องที่เราต้องนำมาปรับแก้ไข ” นอกนั้นในความตั้งใจ เธอเสริมว่า หน้าที่การงาน คนจะราบรื่นได้ ยังต้องเป็นคนซื่อสัตย์ บริสุทธิ์ โปร่งใส ชัดเจนในทุก ๆเรื่องที่ทำ