ของเงินผ่อน คุ้มหรือ?
|ของเงินผ่อน คุ้มหรือ?
นอกจากรถยนต์ บ้าน ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์มูลค่าสูง ซึ่งคนส่วนใหญ่ต้องอาศัยไฟแนนซ์และสถาบันการเงินต่างๆ เป็นตัวช่วยในการได้ครอบครอง แต่ปัจจุบันนี้สินค้าเล็กๆ น้อยๆ ราคาไม่แพงมากนัก ก็ใช้กลยุทธ์จูงใจให้ผู้บริโภคน้ำลายหก ด้วยการจ่ายเงินเพียงไม่กี่ร้อยก็สามารถนำสินค้านั้นๆ กลับไปใช้ได้เลย… ดิฉันกำลังพูดถึงการผ่อนสินค้าประเภทต่างๆ ที่เป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับครอบครัวยุคปัจจุบัน เนื่องจากบางครอบครัวไม่สามารถซื้อสินค้าพร้อมกันได้หลายอย่าง แต่เนื่องจากความจำเป็น หรือความต้องการใช้นั้นมารออยู่ตรงหน้า จึงทำให้เกิดวิธีนำสินค้าไปใช้ก่อนแล้วก็ผ่อนทีหลังตามมา
ดอกเบี้ย…แลกความสบาย
เมื่อไม่นานมานี้ดิฉันมีโอกาสได้ทำวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมผู้บริโภคในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศไทย โดยได้สอบถามเรื่องสินค้าเงินผ่อนและบริษัทไฟแนนซ์ที่ให้บริการด้านสินเชื่อในกลุ่มตัวอย่างตั้งแต่อายุ 15-35 ปีขึ้นไป ซึ่งต่างระบุตรงกันว่า การให้บริการสินค้าเงินผ่อนของผู้ประกอบการนั้น เป็นทางเลือกหนึ่งที่ทำให้พวกเขามีความสะดวกสบายในการจับจ่ายใช้สอย มีเพียงเอกสารส่วนตัวและมีรายได้ประจำก็ใช้บริการได้แล้ว
หากจะรอเก็บเงินเป็นกอบเป็นกำเพื่อซื้อสินค้าที่อยู่ในดวงใจคงต้องรอไปอีกนาน ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับผู้บริโภคกลุ่มนี้ก็คือการใช้บริการสินค้าเงินผ่อน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า รถจักรยานยนต์ โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ ทั้งหมดนี้สามารถนำไปใช้ก่อนได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินสดจำนวนมาก
เมื่อถามถึงเรื่องดอกเบี้ยที่จะต้องจ่ายให้กับไฟแนนซ์ คำตอบที่ได้ก็คือพวกเขายินดีที่จะจ่าย บางคนบอกว่าการผ่อนสินค้าบางประเภทนั้น มีการบวกดอกเบี้ยเพิ่มจากราคาสินค้าเพียงน้อยนิด ตัวอย่างเช่น ราคาสินค้า 5,590 บาท หากซื้อเงินผ่อนต้องบวกค่าดอกเบี้ยจำนวน 436 บาท รวมเงินต้นทั้งสิน 6,026 บาท หลังจากนั้นก็เลือกผ่อนซึ่งก็มีให้เลือกตั้งแต่ 6/9/12 เดือน หรือมากกว่านั้น
อยากได้หรือจำเป็น ?
สำหรับผู้ที่ไม่มีเงินก้อนแล้ว การยอมเสียดอกเบี้ยเพียงไม่กี่ร้อยนั้นถือว่าเป็นความสะดวกสบายอย่างที่กล่าวตั้งแต่ตอนต้น แต่หากมองอีกมุมหนึ่งการจ่ายดอกเบี้ยให้กับไฟแนนซ์นั้น ดิฉันคิดว่าควรยอมจ่ายเฉพาะในเรื่องที่จำเป็นสำหรับชีวิตประจำวันเท่านั้น อย่าลืมนะคะว่าเงินเพียงไม่กี่ร้อยบาทนั้น หากสะสมไว้ในบัญชีของครอบครัวจะกลายเป็นเงินก้อนโตได้ภายในไม่กี่ปี
ดิฉันเข้าใจและเห็นใจผู้ที่ไม่มีเงินก้อนที่จะซื้อสินค้าอำนวยความสะดวกสบาย แต่อยากจะขอให้ทุกๆ ครอบครัวมองในเรื่องความจำเป็นด้วยเช่นกันค่ะ อย่ามองว่าอุปกรณ์เครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ นั้นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต บางสิ่งบางอย่างก็อาจไม่จำเป็นสำหรับครอบครัวยุคปัจจุบัน
อยากจะให้คุณมองย้อนกลับไปในอดีต สมัยคุณตาคุณยายของเราก็ไม่เห็นมีทุกอย่างในบ้านเพียบพร้อมแต่ท่านก็ยังดำรงชีวิตอยู่ได้ ดิฉันเข้าใจดีว่ายุคสมัยเปลี่ยนไป แต่ขอเตือนว่าหากคนเราใช้เครื่องทุ่นแรงหมดทุกอย่าง คุณก็จะไม่มีทางรู้เลยว่ารสชาติของชีวิตเป็นอย่างไร ? และบางสิ่งบางอย่างให้ประโยชน์และให้โทษต่อมนุษย์อย่างไร ?
อย่างการซักผ้าด้วยมือนอกจากจะเป็นการถนอมผ้าแล้ว ยังทำให้คุณแม่บ้านได้ออกกำลังกาย คุณสามีและคุณลูกๆ ก็มีกิจกรรมในวันหยุดด้วยการช่วยกันซักช่วยกันตาก ดิฉันคิดว่านอกจากจะทำให้ทุกคนมีกิจกรรมร่วมกันแล้ว ความใกล้ชิดของครอบครัว ก็จะช่วยให้คุณมีความสุขได้ไม่ใช่เฉพาะเรื่องการซักผ้าเท่านั้น แต่กิจกรรมอื่นๆ ในบ้านนั้นก็ไม่เห็นจำเป็นต้องไปสิ้นเปลืองเงินทอง หรือยอมเป็นสมาชิกเงินผ่อนเลย
รอบคอบก่อนจ่าย
เมื่อพูดถึงเรื่องความจำเป็น ดิฉันขอย้ำให้ครอบครัวยุคใหม่ได้เห็นความสำคัญของการใช้เงินและการประหยัดอดออมมากยิ่งขึ้น อย่าลืมนะคะว่า ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังจะปรับราคาสูงขึ้น หากคุณประหยัดได้มากเท่าไหร่ก็จะเป็นประโยชน์ต่อครอบครัวได้เท่านั้น ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจซื้ออะไรก็ตามไม่ว่าจะด้วยเงินสดหรือเงินผ่อน ดิฉันขอแนะนำให้คิดว่าเป็นการเพิ่มรายจ่ายให้กับครอบครัวโดยที่ไม่จำเป็นหรือเปล่า ? ทั้งคุณพ่อและคุณแม่จะต้องช่วยกันคิดเพื่อจะได้ข้อยุติว่าควรจะเก็บเงินไว้ในบัญชีหรือจะไปจ่ายเป็นดอกเบี้ยกันแน่ ตัวอย่างเช่น การตัดสินใจผ่อนโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ เพราะเห็นว่าที่ใช้อยู่นั้นตกรุ่นแล้ว ขอเตือนว่าในไม่ช้ารุ่นใหม่ที่คุณกำลังจะซื้อนั้นก็จะตกรุ่นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ขอให้ครอบครัวยุคใหม่ได้ตระหนักถึงเรื่องความจำเป็นก่อนที่จะตัดสินใจนะคะ เพราะทุกวันนี้โทรศัพท์มือถือราคาถูกลง และจ่ายเงินเพียงไม่กี่ร้อยบาทก็สามารถนำมาใช้ได้แล้ว แต่อย่าลืมว่า คุณต้องเพิ่มรายจ่ายทั้งค่าโทรศัพท์ ค่าผ่อน ค่าดอกเบี้ย ค่าไฟ ชาร์จแบตเตอรี่ รวมทั้งค่าอุปกรณ์เสริมต่างๆ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นรายจ่ายที่จะเพิ่มขึ้นทั้งนั้น
ผ่อนเพราะเสียดายเงินก้อน
ดิฉันขอย้อนกลับไปที่งานวิจัยอีกครั้งหนึ่ง เพราะมีผู้บริโภคกลุ่มตัวอย่างบางท่านระบุว่า มีเงินสดเพียงพอที่จะซื้อสินค้าใดสินค้าหนึ่งแต่ไม่ต้องการจ่ายเงินเป็นก้อนเพราะเสียดาย ยอมจ่ายดอกเบี้ยดีกว่า ! เขาและเธอเหล่านั้นคงไม่รู้ว่ากำลังคิดกันผิดๆ !!!
ใครก็ตามที่คิดอย่างนี้คุณรู้หรือไม่ว่าคุณได้ซื้อสินค้าแพงกว่าที่ชาวบ้านเขาซื้อกัน ไม่ว่าคุณจะจ่ายในวันนี้หรือวันหน้า คุณก็ต้องจ่ายอยู่ดี มิหนำซ้ำยังต้องจ่ายดกเบี้ยเพิ่มไปอีกด้วย หากคุณมีเงินสดอยู่แต่กำลังเล็งว่าจะซื้ออะไรสักอย่าง! ขอให้คุณโบกมือลาสินค้าเงินผ่อนเถอะค่ะ อยากจะให้คุณเปรียบเทียบระหว่างดอกเบี้ยที่คุณต้องจ่ายให้กับไฟแนนซ์ กับดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารจ่ายให้กับคุณ มันต่างกันนะคะ แล้วอย่างนี้คุณจะผ่อนไปทำไง รีบไปเบิกเงินสดมาซื้อเถอะค่ะ
แต่ถ้าคุณบังเอิญไปพบกับโปรโมชั่นพิเศษจากการซื้อสินค้าเงินผ่อนบางประเภทที่คิดดอกเบี้ย 0% ซึ่งทุกวันนี้มีการแข่งขันกันค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ ฯลฯ แต่จะต้องผ่อนในระยะเวลาที่กำหนดไว้ เช่น 3-6 เดือน ดิฉันก็ขอให้คุณิตัดสินใจกันอีกครั้งหนึ่งว่าซื้อมาแล้วใช้หรือไม่ จำเป็นต่อครอบครัวหรือไม่ ? อย่าเห็นว่าข้างบ้านมีเราต้องมี เพราะคำเตือนสำหรับคนที่เห็นช้างขี้แล้วขี้ตามช้างนั้นสามารถนำมาสอนคนในยุคนี้ได้เป็นอย่างดีค่ะ
ก่อนจะจากกันขอฝากไว้ให้คิดกันสักนิดนะคะ จะซื้อเงินผ่อนหรือเงินสดทุกทางเลือกล้วนแต่เป็นรายจ่าย ปรึกษากันให้ดีว่าควรหรือไม่ควร จำเป็นหรือไม่จำเป็น! เปรียบเทียบความคุ้มค่าและคุ้มทุนกันก่อนตัดสินใจ จะได้ไม่ต้องมาเสียใจภายหลังกันค่ะ
(ดร.กฤษติกา คงสมพงษ์, นิตยสารดวงใจพ่อแม่ ปีที่ 11 เลขที่ 122 ธันวาคม 2547)