การเรียนรู้แบบ Brain-Based Learning (BBL)-2

ตารางเปรียบเทียบความขัดแย้งระหว่างโครงสร้างการทำงาน

ของสมองกับการจัดระบบการศึกษาที่ดำเนินการอยู่

 

การค้นพบเรื่องการทำงานของสมอง

การจัดการศึกษาในโรงเรียน

1.วัยเด็กเล็กเป็นวัยที่สมองพัฒนาและเรียนรู้ได้มากที่สุด  ทั้งยังสำคัญในแง่การสะสมข้อมูล

ที่จะช่วยให้ผู้เรียนเชื่อมโยงกับข้อมูลประสบการณ์เก่าได้ดีขึ้น  ในระดับที่สูงขึ้น

2.การที่เซลล์ใยประสาทของสมองของคนจะเชื่อมโยงได้ดี (ความพร้อมในการเรียนรู้) จะต้องมีสภาพแวดล้อมแบบปฏิกิริยาโต้ตอบ

เช่น เด็กเล็กได้รับการอุ้มกอด  ฟังเพลง  ฟังภาษาพูดคุย  ได้เห็นภาพที่หลากหลายได้สัมผัส

ได้ชิม  ได้เคลื่อนไหวได้สำรวจทดลองฯลฯ

เด็กที่ได้รับแรงกระตุ้นภายนอกที่เหมาะสมอย่างหลากหลาย  สมองจะยิ่งพัฒนามากขึ้น  ในทางตรงกันข้าม  ถ้าหากไม่มีการกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ในทางใด  การเชื่อมโยงของเซลล์ประสาทส่วนนั้น  จะเหี่ยวแห้งตายไป

(Use It Or Lose It)

3.ความฉลาดของมนุษย์เรามีหลายด้าน เช่น

Howard  Gardner เสนอว่ามีอย่างน้อย

8ด้าน คือ1.ภาษา2.ตรรกคณิตศาสตร์3.ความเข้าใจด้านสถานที่หรือระยะ/มิติของสิ่งต่างๆ

4.การเคลื่อนไหวทาง

1.การจัดการศึกษาระดับก่อนประถมได้รับความสนใจน้อยที่สุด  เช่น ไม่ถือเป็นภาคบังคับ

ได้งบประมาณน้อย  จัดได้ไม่ทั่วถึง  ใช้ครูที่ขาดความรู้ด้านการกระตุ้นเพื่อช่วยพัฒนาสมองเด็กเล็ก

2.การเลี้ยงเด็กเล็ก   เน้นแต่เพียงการกินอิ่มนอนหลับ  ปลอดภัยทางกายภาพ  โดยผู้เลี้ยงที่ไม่มีความรู้เรื่องการพัฒนาของสมอง  เด็กบางคนถูกเลี้ยงในศูนย์เลี้ยงเด็ก  ที่คนดูแลมีความรู้น้อย เงินเดือนต่ำ  ต้องดูแลเด็กจำนวนมาก  แม้แต่การเรียนในระดับอนุบาล  ส่วนใหญ่ครูก็มีความรู้น้อย  สอนแต่ภาษาและคณิตศาสตร์เบื้องต้น

มีส่วนน้อยที่เป็นโรงเรียนเตรียมความพร้อม

สร้างบรรยากาศเรียนรู้ที่ดีและฝึกให้เด็กเล็กใช้สมองทุกด้าน

3.โรงเรียนส่วนใหญ่  เน้นการสอนและวัดผลเพียง2ด้าน คือ ภาษาและตรรกคณิตศาสตร์ ไม่ค่อยสนับสนุนให้นักเรียนมีความฉลาดอีก

6 ด้าน  ที่สำคัญต่อการพัฒนาการเรียนรู้อย่างเป็นองค์รวม

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

การค้นพบเรื่องการทำงานของสมอง

การจัดการศึกษาในโรงเรียน

ร่างกาย5.ดนตรี6.ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล7.ความสามารถในการเข้าใจและพัฒนาตนเอง8.การเข้าถึงธรรมชาติของสรรพสิ่งความฉลาด

ทุกด้านมีความสัมพันธ์และช่วยส่งเสริมเป็นประโยชน์ต่อกันและกัน

4.(สมอง)นักเรียนแต่ละคนมีท่วงทำนอง(สไตล์)การเรียนรู้ที่แตกต่างกัน มีความพร้อมในเรื่องการเรียนรู้ในแต่ละด้านในแต่ละช่วงอายุ

ที่แตกต่างกัน  หากได้รับการสังเกตและส่งเสริมอย่างเหมาะสม  พวกเขาก็จะเรียนรู้ได้ดี

นักเรียนที่เรียนรู้2ด้านแรกได้ไม่ดี  จะถูกมองว่าเป็นคนไม่ฉลาด  ความฉลาดด้านอื่น ๆของนักเรียนจำนวนมากไม่ได้รับการสังเกตและส่งเสริมพัฒนา  โดยเฉพาะสิ่งที่อาจจะเรียกรวมได้ว่าเป็นความฉลาดทางอารมณ์(EQ)และความฉลาดทางด้านจิตสำนึก(SQ)การสอนในระดับมัธยมปลาย  และมหาวิทยาลัยของไทยเน้นความชำนาญเฉพาะด้าน  แทนที่จะเปิดโอกาสให้สมองได้เรียนรู้สาขาวิชาอย่างหลากหลาย  เหมือนในสถาบันการศึกษาที่ก้าวหน้าทางการศึกษามากกว่า

4.การจัดหลักสูตรการเรียนการสอนจัดแบบเดียวกันสำหรับทุกคนในห้องเรียน  โดยใช้อายุและการสอบเลื่อนชั้นเป็นเกณฑ์  ห้องเรียนมักใหญ่ มีนักเรียนมาก(30-50คน)ครูไม่อาจสังเกตลักษณะเฉพาะของแต่ละคนได้  หรือครูที่ไม่เข้าใจว่านักเรียนมีสไตล์การเรียนรู้และความพร้อมที่ต่างกัน  ก็จะตัดสินแบบหยาบ ๆ ว่าคนที่เรียนตามไม่ทันเพื่อน  ทำคะแนนสู้เพื่อนไม่ได้คือ คนโง่ นักเรียนคนนั้นก็จะถูกทำลายความภาคภูมิใจในตัวเอง(Self Esteem)ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

การค้นพบเรื่องการทำงานของสมอง

การจัดการศึกษาในโรงเรียน

5.การเรียนรู้ของสมองเชื่อมโยงกับอารมณ์

สมองจะเรียนรู้ได้ดีในสภาพแวดล้อมทางอารมณ์ที่อบอุ่นเป็นมิตร  ไม่รู้สึกว่าน่ากลัว   มีการท้าทายให้อยากรู้อยากเห็น  แต่ไม่ถึงกับเป็นความเครียด  การบรรยายหรือการสื่อสารที่มีลักษณะเชื่อมโยงกับอารมณ์ความรู้สึก  ทำให้ผู้เรียนจดจำและเรียนรู้ได้ดีกว่าการบรรยายที่ไร้ความรู้สึก

6.สมองจะเรียนรู้ได้ดีหากผู้เรียนคิดว่าสิ่งนั้นสำคัญสำหรับการอยู่รอดของเขา(ทั้งทางกายภาพ อารมณ์ สังคมและทางเศรษฐกิจ)และอยู่ที่การสะสมประสบการณ์ข้อมูลความรู้มาตามลำดับ  รวมทั้งการป้อนข้อมูล  ที่ช่วยให้สมองสามารถเชื่อมโยงความหมายของความรู้ใหม่  กับความรู้เก่าที่มีอยู่หรือจากประสบการณ์ได้

7.สมองคนเราเรียนรู้จากสภาพแวดล้อมภายนอกตลอดเวลา  ทั้งจากครอบครัว  ญาติพี่น้อง  คนใกล้ชิด  ชุมชน  สื่อวิทยุโทรทัศน์ฯลฯทั้งสมองคนเรา  เรียนรู้ได้ตลอดชีวิตรวมทั้งผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ

 

5.ครูแบบเก่า  ยังสอนแบบเน้นวินัยแบบทหาร

มีการประณาม  ดุด่า  ลงโทษ เฆี่ยนตี การสร้างบรรยากาศแข่งขัน  แบบทำให้นักเรียนเครียด

การสอนมักเคร่งเครียดหรือแห้งแล้ง

6.การสอนในระบบโรงเรียน  จะสอนตามหลักสูตรตำรา  ความรู้ความเข้าใจของผู้สอนมากกว่าที่จะเชื่อมโยงกับความสนใจ  ความรู้เดิมของนักเรียน  มักเป็นการสอนแบบบรรยายและสอนให้ท่องจำเป็นส่วน ๆ แบบไม่เชื่อมโยงกับความสนใจ  ความรู้เดิม  ไม่เชื่อมโยงกับประสบการณ์ชีวิตจริง  ทำให้การสอนเป็นเรื่องน่าเบื่อ  จดจำและเข้าใจได้ยาก

7.การจัดการศึกษากว่าร้อยละ90 ของงบประมาณและบุคลากร  เน้นแต่เรื่องการศึกษาในระบบโรงเรียนส่วนการพัฒนานอกระบบโรงเรียนและตามอัธยาศัยยังมีน้อยทั้งปริมาณและคุณภาพ  บางครั้งก็พยายามลอกแบบการศึกษาในระบบ  คือ  เพื่อการสอบเทียบวุฒิตามระบบโรงเรียน  ส่วนวิทยุโทรทัศน์ สื่อต่างๆ

ใช้เพื่อความ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

การค้นพบเรื่องการทำงานของสมอง

การจัดการศึกษาในโรงเรียน

 

 

 

 

 

 

8.การดูแลและพัฒนาสมองของคนทั้งประเทศโดยเฉพาะวัยตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา 

ถึงวัย11ขวบและการให้การศึกษาแก่พ่อแม่

ผู้ปกครอง  ผู้ใหญ่ทุกคนในสังคมให้ช่วยดูแลเด็กและเยาวชน  จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ากว่าการมาตาม  แก้ปัญหาเด็กมีปัญหาในภายหลังมาก

9.สมองของนักเรียนรุ่นปัจจุบันเป็นสมองที่แตกต่างไปจากสมองของคนรุ่นที่เป็นนักเรียนเมื่อ15-20 ปีที่แล้ว  ชีวิตของพวกเขาเคลื่อนไหวเร็ว  และอยู่ในวัฒนธรรมของสื่อ

โทรทัศน์และอินเตอร์เน็ต  ที่มีภาพและเสียงเข้ามาในสมองของเขาอย่างรวดเร็ว  และมากมายด้านอารมณ์ก็มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว  ทำให้

พวกเขาพัฒนาการเชื่อมโยงของเซลล์ประสาท

ที่เข้ากับการรับรู้สื่อแบบมัลติมีเดีย  ที่เร้าอารมณ์

มากกว่าการบอกเล่า   อ่านและจินตนาการ

แบบเก่า

บันเทิง(สำหรับคนระดับการศึกษาค่อนข้างต่ำ)และการค้า  ซึ่งนอกจากจะไม่ช่วยการเรียนรู้ที่ดีแล้วยังทำให้เกิดผลลบ  ในการสร้างค่านิยมบริโภค  เสพสุขสุด  เห็นแก่ตัวรุนแรงเพิ่มขึ้นด้วย

8.การจัดระบบการศึกษา  รอให้คนมีปัญหาแล้วถึงมาตามแก้  เช่น  เด็กที่เรียนได้ช้าก็มาสอนเสริม  สอนกวดวิชา  เด็กที่มีปัญหาเฉพาะทาง

เช่น  ปัญญาอ่อน  ออทิสติก  ก็ต้องลงทุนสร้างครูพิเศษเฉพาะทาง  เด็กเกเร  ก็ต้องลงทุนสร้างนักจิตวิทยา  นักสังคมสงเคราะห์  ตำรวจ ฯลฯ

มาตามแก้ไข  แทนที่จะลงทุนป้องกัน

ตั้งแต่ต้นทาง

9.การสอนที่เน้นการบรรยาย  เพื่อจำข้อมูลไปสอบโดยไม่มีสื่อภาพ  ที่ช่วยให้เข้าใจและจำได้ง่ายและไม่มีการออกไปสัมผัสของจริง  กลายเป็นวิธีการเรียนรู้ที่แห้งแล้งน่าเบื่อจำได้ยาก  เชื่อมโยงทำความเข้าใจยาก

 

                                                                                 ลัดดาวัลย์  แก้ววรรณ

                                                                    ศึกษานิเทศก์ สพท.ตาก เขต 1

Add a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *