การคิดแบบแยกส่วน
การคิดแบบแยกส่วน
16 views, การเมือง, by News iDayBlog.
คนเรามีแนวโน้มมองเรื่องต่างๆเป็นเรื่องเล็ก เห็นแต่เพียงอาการของปัญหา และกล่าวว่า เราเดินมาในแนวทางที่ถูกต้องแล้ว เราแก้ปัญหานั่นได้แล้ว เราแก้ปัญหาโน่นได้แล้ว แต่มีบางอย่างที่มีความลึกซึ้งยิ่งกว่าซึ่งเรามักมองไม่เห็น เข้าใจไม่ได้อันเป็นรากเหง้าซึ่งกระตุ้นให้เกิดห่วงโซ่ของปัญหาสืบเนื่องติดตามมา อุปมาคล้ายดั่งลำธาร เมื่อเราสร้างมลภาวะปล่อยของเสียที่ต้นน้ำ ในเวลาเดียวกันก็พยายามแก้ไขที่ปลายน้ำ ไม่ว่าจะแก้อย่างไรก็ไม่ทำให้น้ำสะอาดขึ้นได้หากที่ต้นน้ำยังปล่อยมลภาวะอยู่ตลอดเวลา และยิ่งแก้ปัญหาก็ยิ่งดูเหมือนจะเป็นการสร้างปัญหาใหม่ที่มีความซับซ้อนยิ่งขึ้น อนิจจา วิธีการแก้ปัญหาได้กลายเป็นปัญหาเสียเอง
อะไรคือแหล่งของปัญหาเหล่านี้ ดูเหมือนเป็นเรื่องเส้นผมบังภูเขา หากบอกว่า แหล่งพื้นฐานของการสร้างปัญหาต่างๆคือ “ความคิด” นั่นเอง หลายคนอาจมองว่าเป็นเหลวไหลเพราะว่าความคิดคือสิ่งหนึ่งที่เราใช้ในการแก้ปัญหา นั่นเป็นส่วนหนึ่งของอารยธรรมของมนุษย์ แต่ในอีกด้านหนึ่งมันดูราวกับว่าสิ่งที่เราใช้ในการแก้ปัญหาอันที่จริงแล้วกลายเป็นต้นตอของปัญหาเสียเอง เหมือนกับเวลาที่เราไปโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วย แต่ปรากฎว่าโรงพยาบาลกลับทำให้เราเจ็บป่วยมากขึ้นกว่าเดิม ปรากฎการเช่นนี้มีประมาณ 20 % ของผู้ป่วยที่เข้าโรงพยาบาลที่เจ็บป่วยเพิ่มขึ้นจากการกระทำของโรงพยาบาล แต่ในกรณีความคิดที่สร้างปัญหานั้นมีมากกว่า 20 % ของความคิดทั้งหมด
แน่นอนว่า ความคิดบางเรื่องสร้างความก้าวหน้าให้กับสังคม สร้างเทคโนโลยีต่างๆที่ทำให้เรามีความสะดวกสบายมากมาย แต่อีกด้านหนึ่งมันนำไปสู่การทำลายล้างและสร้างหายนะให้กับสังคม
อะไรคือสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับความคิด สิ่งแรกคือ การคิดแบบแยกส่วน ความคิดได้แบ่งแยกสรรพสิ่งเป็นส่วนย่อยๆทั้งที่ไม่ควรจะแยก เราจะเห็นได้ว่า โลกถูกแบ่งแยกเป็นประเทศ ประเทศถุกแบ่งแยกเป็นรัฐอิสระ และต่อสู้ซึ่งกันและกัน ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองมีประเทศเกิดใหม่เพิ่มขึ้นมากมาย พร้อมๆกับลัทธิชาตินิยมคลั่งชาติ
ชาตินิยมแยกสิ่งต่างๆออกเป็นชิ้นๆ แต่โลกก็ยังมีหนึ่งเดียว ยิ่งมีการพัฒนาเทคโนโลยีมากขึ้นเท่าไร ยิ่งทำให้ผู้คนมีการพึ่งพาซึ่งกันและกันมากขึ้น แต่ผู้คนกลับพยายามปิดบังหรือไม่ยอมรับว่าเป็นเช่นนั้น พวกเขาประกาศว่าประเทศชาติมีอธิปไตย สามารถทำทุกอย่างได้เท่าที่ต้องการ แต่ที่จริงรัฐต่างหาได้มีอิสระที่จะกระทำสิ่งใดตามใจชอบไม่ สหรัฐอเมริกายังต้องพึ่งพาน้ำมัน หรือสินค้าจากประเทศต่างๆ เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ แน่นอนว่าในบางครั้งประเทศใหญ่ๆ อาจกระทำในสิ่งที่ตนเองปรารถนากับประเทศเล็กๆในบางระดับ แต่ก็ไม่สามารถกระทำได้ในทุกเรื่อง ดังที่สหรัฐอเมริกาไม่สามารถทำอะไรได้มากกับประเทศพม่า
ดูเหมือนเป็นการยากที่มนุษย์จะยอมรับข้อเท็จจริงง่ายๆเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดจากการคิดแบบแยกส่วน ชาติต่างๆสู้รบกัน และผู้คนฆ่าฟันกันไม่เว้นวัน เราได้รับการกล่อมเกลาอย่างต่อเนื่องว่า หากการกระทำใดเป็นไปเพื่อชาติเราต้องเสียสละทุกสิ่งแม้ชีวิต หรือ การกระทำใดเป็นไปเพื่อศาสนาหรือพระเจ้า การเสียสละชีวิตจักทำให้เราได้บุญขึ้นไปอยู่ร่วมกับพระเจ้า ผู้คนแยกออกไปเป็นกลุ่มศาสนา กลุ่มเชื้อชาติ และประกาศก้องว่า สิ่งนั้นมีความสำคัญที่สุดหรือสำคัญกว่าชีวิตของตนเองและของใครๆทั้งสิ้น การแบ่งแยกระหว่างผู้คนได้ลงลึกไปถึงระดับชุมชนและครอบครัว แม้กระทั่งเผ่าพันธ์เชื้อชาติเดียวกันก็ยังแบ่งแยกหากความคิดทางการเมืองแตกต่างกัน อันที่จริงแล้วมนุษย์ทั้งหลายควรอยู่ร่วมกันอย่างเป็นหนึ่งเดียว แต่ทว่าพวกเขากลับมองไม่เห็นสัจจธรรมดังกล่าว
จะเห็นได้ว่า “ประเทศชาติ” เป็นที่ประดิษฐ์และถูกสถาปนาขึ้นมาโดย “ ความคิด” เส้นเขตแดนระหว่างประเทศก็ถูกสร้างขึ้นมาโดย “ความคิด” หากเราเดินไปยังชายแดนเราไม่มีทางทราบว่าพื้นที่ส่วนใดเป็นของประเทศใดตราบเท่าที่เราไม่ประดิษฐสัญลักษณ์หรือสร้างกำแพงขึ้นมา ที่จริงมันเป็นแผ่นดินเดียวกัน ผู้คนในท้องถิ่นนั้นก็ดูเหมือนไม่แตกต่างกัน แต่ทำไมเขตแดนจึงดูเหมือนเป็นสิ่งสำคัญ แน่นอนว่า “ความคิด” นั่นเองที่ทำให้มันสำคัญ