กฎหมายภาษีที่ดินและภาษีมรดกไทย : ฝันเห็นทะเลสาบกลางทะเลทราย
|กฎหมายภาษีที่ดินและภาษีมรดกไทย : ฝันเห็นทะเลสาบกลางทะเลทราย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายกรณ์ จาติกวณิช ได้ออกมาพูดถึงการจัดเก็บภาษีที่ดินกับภาษีมรดก ได้กลายเป็นหัวข้อถกเถียงกันขึ้นในสังคมไทย โดยมีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
การเก็บภาษีทั้งสองประเภท โดยหลักการแล้ว จะช่วยให้เกิดผลดีในหลายทาง อาทิ
การเก็บภาษีมรดก ทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้น กระจายความมั่งไปสู่คนในสังคม เพราะการเก็บภาษีมรดกเป็นการเก็บจากส่วนเกินที่คนร่ำรวยครอบครองอยู่ในอัตราที่เหมาะสมจำนวนหนึ่ง นำไปสร้างประโยชน์แก่คนเป็นจำนวนมาก ในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา มีการเก็บภาษีมรดกในอัตราที่สูงมาก บรรดาผู้มั่งคั่งทั้งหลายจึงนิยมตั้งมูลนิธิเพื่อการกุศลในนามของตนเอง หรือตระกูลของตน แล้วบริจาคเงินให้มูลนิธินั้นเพื่อสร้างประโยชน์แก่สาธารณะ เป็นช่องทางที่จะทำให้ไม่ต้องยุ่งยากในเรื่องภาษีมรดก ตัวอย่างที่มีในปัจจุบันก็เช่น นายบิล เก็ต เจ้าของบริษัทไมโครซอฟท์ เป็นต้น
การเก็บภาษีที่ดิน นอกจากทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มแล้ว ก็เป็นการกระจายความมั่งไปสู่คนจำนวนมากเช่นกัน ที่สำคัญก็คือ กระตุ้นให้เกิดการใช้ประโยชน์จากที่ดินเพิ่มมากขึ้น เพราะที่ดินที่มีการครอบครองโดยไม่ได้ใช้ประโยชน์ใดๆ ปล่อยให้เป็นที่ว่างเปล่า ทำให้สูญเสียมูลค่าทางเศรษฐกิจ ต้องจ่ายภาษีในอัตราที่แพงขึ้นกว่าที่ดินที่ใช้ทำประโยชน์ ดังนั้น หากมีการเก็บภาษีที่ดินก็จะกระตุ้นให้มีการใช้ประโยชน์จากที่ดินเพิ่มมากขึ้น เพราะตามหลักเศรษฐศาสตร์นั้น ที่ดินคือปัจจัยการผลิตที่สำคัญ
การออกมาประกาศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นความพยายามอีกครั้งหนึ่งในการสร้างความเป็นธรรมทางภาษี หากสำเร็จก็จะเป็นการปฏิรูปภาษีครั้งใหญ่ของไทย แต่ก็มีหลายฝ่ายได้ตั้งข้อสังเกตว่า การเก็บภาษีที่ดินกับภาษีมรดกของไทยนั้น มีการเสนอกฎหมายมาหลายสิบปีแล้ว แต่ไม่เคยมีรัฐบาลหรือรัฐสภาชุดใดทำสำเร็จมาก่อน หลายเสียงถึงขนาดพูดว่า รัฐบาลใดก็ตามที่หยิบยกเอาเรื่องนี้ขึ้นมาพูด ก็เพียงเพื่อต้องการหาเสียงจากประชาชนไทยเท่านั้น เพราะรู้อยู่แล้วว่าทำได้ยากเป็นอย่างยิ่ง แต่เมื่อเป็นสิ่งที่สังคมไทยต้องการให้เกิดขึ้น และหวังอย่างแรงกล้าว่าต้องเกิดขึ้น รัฐบาล (นักการเมือง) จึงหยิบยกขึ้นมาเพื่อให้ตนเองดูดีในสายตาชาวบ้าน เป็นการหาเสียงไปในตัว
นี่ไม่ได้หมายความว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนปัจจุบัน นายกรณ์ จาติกวณิช จะมีเป้าหมายดังกล่าว ซึ่งนายกรณ์ จาติกวณิช จะต้องพิสูจน์ด้วยการผลักดันอย่างจริงจัง จะได้ไม่มีใครครหาว่าทำเพื่อหาเสียง
ที่มา : kosoltalk.com