เหงือกและฟัน ไม่ใช่เรื่องย่อยๆ

เหงือกและฟัน ไม่ใช่เรื่องย่อยๆ
• คุณภาพชีวิต
สุขภาพปากดี…เริ่มที่ตัวคุณเอง

คอฟันสึกเป็นร่อง มีอาการเสียวฟัน เหงือกร่น มักเป็นปัญหาของคนวัย 30 ปีขึ้นไป การเสียวฟันถือเป็นอุปสรรคที่สร้างความทุกข์ทรมานในการรับประทาน บางครั้งอาหารจานเด็ดวางอยู่ตรงหน้า แต่ไม่สามารถลองลิ้มชิมรสได้อย่างเต็มที่ เพราะแค่เคี้ยวไปได้ไม่นานก็ต้องสะดุดกึกเพราะเสียวฟันปรี๊ดขึ้นสมอง ทำให้อรรถรสในการรับประทานหมดไปอย่างเสียอารมณ์

สาเหตุของอาการ…

ทพ.สุนทร อัศวนันท์ จากคลินิกทันตกรรมอัศวนันท์ กล่าวว่า เหตุผลหลักที่มักทำให้เกิดอาการเสียวฟันก็คือการสึกบริเวณคอฟันอันเกิดจากการสูญเสียส่วนของเนื้อฟันบริเวณคอฟัน และมักทำให้เกิดอาการเสียวฟัน อาการจะน้อยหรือมากนั้นขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง เช่น สภาพฟันที่ไม่เหมือนกันในคนไข้แต่ละราย ความลึกของรอยสึก โดยคอฟันสึกเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น

1. การแปรงฟันที่ผิดวิธีและการใช้แปรงสีฟันที่มีขนแปรงแข็ง เป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุสำคัญที่ทำให้คอฟันสึกได้ คนส่วนใหญ่มักไม่ค่อยใส่ใจในวิธีการแปรงฟันที่ถูกต้อง โดยทั่วไปมักแปรงด้านหน้าฟันแบบถูไปมาแรงๆ ตามแนวนอน จึงเป็นการทำลายคอฟันและเหงือกโดยไม่รู้ตัว วิธีที่ถูกต้องคือฟันล่างให้ปัดแปรงขึ้น ฟันบนให้ปัดแปรงลงสวนทางกัน

2. ลักษณะการสบฟันที่ผิดปกติบางอย่าง

3. รับประทานอาหารที่มีความเป็นกรดสูง เช่น อาหารที่มีรสเปรี้ยว น้ำผลไม้ หรือน้ำอัดลมบางชนิด

4. นอนกัดฟันตอนหลับ

การป้องกัน…

คุณหมอกล่าวเพิ่มเติมว่า การที่ฟันมีหินปูนเกาะปิดพอกไว้ก็เป็นส่วนหนึ่งทำให้สุขภาพฟันเสื่อมโทรมเร็ว เมื่อหินปูนเกาะนานๆ จะทำให้เหงือกอักเสบก่อให้เกิดฟันผุหรือเหงือกร่นไม่คลุมฟัน กระดูกฟันอักเสบ และรากฟันเสียได้ในอนาคต ดังนั้นการดูแลฟันเสียแต่ตอนเป็นวัยรุ่นเป็นเรื่องที่ดีที่สุขภาพฟันจะดีและอายุการใช้งานยาวนานถึงวัยชรา

“ฟันไม่เหมือนอวัยวะอื่นที่สามารถกินอาหารหรืออาหารเสริมเพื่อบำรุงให้ฟันแข็งแรงได้ เช่น ถ้าตาหรือหัวใจเสื่อมอาจหาอาหารหรืออาหารเสริมมากินบำรุงตา มากินบำรุงหัวใจได้ แต่ฟันไม่มีอาหารเสริมใดช่วยได้ สิ่งเดียวที่จะทำให้ฟันแข็งแรงอายุยืนยาวก็คือ การดูแลสุขภาพฟันอย่างถูกต้องมาตั้งแต่วัยรุ่น ถือเป็นการลงทุนที่ดีแต่อายุน้อยๆ เพราะเมื่อฟันมีปัญหาจะเสียเงินในการบำรุงรักษาเป็นจำนวนมาก สุดท้ายก็ต้องใส่ฟันชุดที่สาม”

1. ให้เลือกใช้แปรงที่มีขนแปรงอ่อนนุ่ม และแปรงฟันให้ถูกวิธีอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง

2. หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดการสึกของฟันคืออาหารที่มีความเป็นกรดสูง ถ้าเลี่ยงไม่ได้ควรดื่มน้ำหลังจากรับประทานอาหารทุกครั้งเพื่อลดความเป็นกรดในช่องปาก และไม่ควรแปรงฟันทันที (รออย่างน้อย 30 นาที) เนื่องจากผิวฟันจะมีสภาพอ่อนนุ่มเป็นผลให้ฟันมีการสึกมากขึ้น

3. ไม่ควรแปรงฟันแรงและนานเกินไป

4. ไม่ควรใช้ยาสีฟันที่มีเนื้อหรือผงขัดหยาบ

การดูแลฟันแต่ละช่วงวัย…

คุณหมอกล่าวเพิ่มเติมว่า การดูแลรักษาสุขภาพฟันนั้นควรทำอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องตั้งแต่อายุยังน้อยๆ ตั้งแต่ฟันแท้ขึ้น คือพอสักประมาณ 10 กว่าขวบก็ต้องพยายามดูแลเพื่ออนาคตของฟันที่ดี

“การดูแลให้สุขภาพที่ดีก็เหมือนการลงทุนที่ดีอย่างหนึ่ง เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการรักษาฟันราคาค่อนข้างสูงหากไม่ดูแลดีตั้งแต่แรกๆ พออายุ 40 กว่าฟันจะเริ่มมีปัญหาและใช้งบประมาณในการฟื้นฟูเป็นหลักหลายหมื่นบาททีเดียว แต่ถ้าดูแลสะสมไปเรื่อยๆ ก็ไม่ต้องใช้เงินก้อนโตในอนาคต”

– ช่วงอายุ 10 – 14 ปี ฟันแท้กำลังขึ้นเต็มที่ การเจริญเติบโตของฟันยังไม่หยุด หากมีปัญหาเรื่องฟัน เช่น ฟันห่าง ฟันเหยิน การสบฟันไม่ดีจะดูแลแก้ไขได้ง่าย ซึ่งเป็นช่วงที่ใบหน้ามีการเปลี่ยนแปลงจากวัยเด็กสู่วัยผู้ใหญ่มากที่สุด

– ช่วงอายุ 17 – 18 ปี มักมีปัญหาเรื่องฟันคุด ให้เริ่มเน้นสุขภาพฟันได้แล้ว

– อายุ 20 ปีขึ้นไป มักมีปัญหาเรื่องสีฟัน ฟันไม่ขาวไม่สวย บางคนอาจเริ่มสูบบุหรี่ทำให้ฟันเหลืองเป็นคราบ อาจต้องมีการฟอกสีฟัน

– อายุ 35 ปีขึ้นไป มักมีปัญหาฟันผุ เหงือกอักเสบ เหงือกร่น คอฟันสึก หากดูแลไม่ทั่วถึง กระดูกและรากฟันจะเริ่มมีปัญหา

การรักษา…

เมื่อมีอาการเสียวฟันขณะรับประทานอาหารเย็น หวาน หรือขณะแปรงฟัน หรือฟันเริ่มขาดความสวยงาม เนื่องจากสีและรูปร่างฟันเริ่มผิดไปจากปกติ รวมทั้งรอยสึกของฟันค่อนข้างลึก จนมักมีเศษอาหารติดบริเวณรอยสึกเป็นประจำ

เมื่อรอยสึกขนาดเล็กและตื้นที่มีอาการเสียวฟันร่วมด้วย ทันตแพทย์มักรักษาอาการเสียวฟันโดยทาสารช่วยลดอาการเสียวฟัน ร่วมกับแนะนำให้ใช้ยาสีฟันช่วยลดอาการเสียวฟัน ส่วนรอยสึกที่มีขนาดลึกทันตแพทย์จะใช้วัสดุสีเหมือนฟัน เช่น เรซิน คอมโพสิต อุดปิดบริเวณรอยสึก อาการเสียวฟันมักหายทันทีหลังการอุดฟัน

อายุการใช้งานของวัสดุอุด ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานการรักษาสุขภาพช่องปากที่ดี เช่น การแปรงฟันถูกวิธีร่วมกับการใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดบริเวณซอกฟัน การตรวจสุขภาพฟันทุก 6 เดือนจะช่วยยืดอายุการใช้งานของวัสดุอุดฟันให้นานขึ้นได้

นอกจากนี้ การเลือกผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพ เหมาะสมกับสภาพปัญหาของฟันและเหงือก ก็ถือเป็นอีกตัวช่วยที่ดีในการยืดอายุการใช้งานของฟันให้ยาวนานขึ้น ไม่ว่าจะเป็น แปรงสีฟัน ยาสีฟัน การใช้ไหมขัดฟัน รวมทั้งการเลือกรับประทานอาหารที่ทำลายเกราะเคลือบฟัน เช่น หวานไป เปรี้ยวไป

วิธีแปรงฟันให้ถูกวิธี…

1. วางแปรงที่บริเวณคอฟันและขอบเหงือก โดยขนแปรงทำมุม 45 องศา กับแกนยาวของฟันโดยชี้เฉียงไปทางปลายรากฟัน

2. กดปลายขนแปรงเข้าไปในร่องเหงือกและซอกฟัน ออกแรงสั่นเบาๆ ตามแนวราบ โดยที่ขนแปรงยังอยู่ในตำแหน่งเดิม

3. บิดข้อมือให้ขนแปรงม้วนปัดมาทางด้านบดเคี้ยวของฟันโดยให้ทำซ้ำๆ ตำแหน่งละ 6 ครั้ง

4. สำหรับการแปรงฟันบดเคี้ยว ให้วางแปรงตั้งฉากกับด้านบดเคี้ยวของฟัน แล้วถูเข้าถูออกเป็นช่วงสั้นๆ

การใช้ไหมขัดฟันให้ถูกวิธี…

1. ดึงไหมขัดฟันประมาณ 12 – 15 นิ้ว พันไว้กับนิ้วกลางทั้งสองข้าง โดยให้เหลือไหมขัดฟันระหว่างนิ้วกลางทั้งสองประมาณ 4 – 5 นิ้ว

2. ดึงไหมขัดฟันให้ตึงแล้วถูผ่านบริเวณจุดสัมผัสของฟัน

3. โอบไหมขัดฟันให้แนบกับด้านข้างของฟันซีกซ้ายและสลับไปที่ฟันซีกขวา

4. ใช้นิ้วบังคับให้ไหมขัดฟันขัดจากขอบเหงือกมาด้านบดเคี้ยวแล้วกลับมาตั้งต้นที่ขอบเหงือกใหม่ ก่อนที่จะขัดไปทางด้านบดเคี้ยวอีกครั้งหนึ่ง โดยทำซ้ำๆ กัน 6 ครั้งระหว่างจุดสัมผัสและขอบเหงือก ทำให้ครบกับฟันทุกซี่

ดูแลครบขั้นตอนเสียแต่เนิ่นๆ ปัญหาเรื่องปาก ฟัน และเหงือก คงไม่มาทำให้เป็นที่รำคาญใจ ที่สำคัญงบประมาณในการดูแลสุขภาพฟันคงไม่บานปลายและกวนใจต่อไปอีกด้วย ที่สำคัญคือควรตรวจสุขภาพฟันอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง อย่างน้อยเพื่อขัดหินปูนจะช่วยยืดอายุการใช้งานได้ดีขึ้น เพราะสุขภาพฟันที่ดีต้องเริ่มที่ตัวเอง และไม่มีอาหารเสริมใดๆ จะช่วยบำรุงฟันให้ดีได้นอกจากตัวคุณเอง

ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ ทูเดย์

Add a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *