ว่าด้วยลิงไหว้พระอาทิตย์
ว่าด้วยลิงไหว้พระอาทิตย์
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหารทรงปรารภภิกษุหลอกลวงรูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้
เรื่องราวเหมือนกับที่กล่าวแล้วในหนหลัง( อุททาลกชาดก)
ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์อุบัติในตระกูลพราหมณ์ แคว้นกาสี ครั้นเจริญวัยศึกษาศิลปะในเมืองตักกสิลา บวชเป็นฤๅษี ยังอภิญญาและสมาบัติให้เกิด มีบริวารมาก เป็นครูประจำคณะอาศัยอยู่ป่าหิมพานต์ พระโพธิสัตว์อาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์นั้นเป็นเวลานาน จึงลงจากภูเขาเพื่อเสพของเค็มและของเปรี้ยว อาศัยบ้านหนึ่งในชายแดนพักอยู่ที่บรรณศาลา ขณะนั้นมีลิงโลนตัวหนึ่ง เมื่อคณะฤๅษีไปภิกขาจารจึงมายังอาศรมบท ถอนหญ้าที่บรรณศาลา เทน้ำในหม้อน้ำทิ้ง ทุบคนโทน้ำ ถ่ายคูถไว้ที่โรงไฟ ดาบสทั้งหลายอยู่จำพรรษาแล้ว ดำริว่า บัดนี้ป่าหิมพานต์บริบูรณ์ด้วยดอกไม้และผลไม้น่ารื่นรมย์ เราจะไป ณ ที่นั้น จึงบอกลาชาวบ้านชายแดน พวกมนุษย์กล่าวว่าพระคุณเจ้าวันพรุ่งนี้พวกข้าพเจ้าจะนำภิกษามายังอาศรมบทพระคุณเจ้าฉันอาหารแล้วจึงค่อยไป ในวันที่สองต่างก็นำของเคี้ยวของฉันเป็นอันมากไป ณ ที่นั้นอีก ลิงโลนเห็นดังนั้นจึงคิดว่า เราจักลวงให้มนุษย์เลื่อมใสให้นำของเคี้ยวของบริโภคมาให้เรา ลิงจึงทำเป็นเหมือนบำเพ็ญตบะและเหมือนจำศีลยืนนอบน้อมพระอาทิตย์ ในที่ไม่ห่างจากดาบส พวกมนุษย์เห็นดังนั้นจึงพากันกล่าวว่า ผู้อยู่ใกล้ผู้มีศีล ย่อมเป็นผู้มีศีล จึงกล่าวคาถาที่ ๑ ว่า :
[๑๙๙] ได้ยินว่า ในบรรดาสัตว์ทั้งปวง สัตว์ผู้ตั้งมั่นอยู่ในศีลมีอยู่
ท่านจงดูลิงผู้ลามก ยืนไหว้พระอาทิตย์อยู่เถิด.
พระโพธิสัตว์เห็นพวกมนุษย์เหล่านั้น สรรเสริญคุณของลิงนั้นจึงกล่าวว่า พวกท่านไม่รู้ศีลและมารยาทของลิงโลนตัวนี้แล้วเลื่อมใสในสิ่งไม่เป็นเรื่องเป็นราว จึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :
[๒๐๐] ท่านทั้งหลาย ไม่รู้จักปกติของมัน เพราะเหตุไม่รู้จึงได้พากันสรรเสริญ
ลิงตัวนี้มันเผาโรงไฟเสีย และทุบต่อยคณโฑน้ำเสียสองใบ.
พวกมนุษย์ครั้นรู้ว่า เป็นลิงหลอกลวงจึงคว้าก้อนดินและไม้ขว้างไล่ให้มันหนีไป แล้วถวายภิกษาแก่หมู่ฤๅษี แม้ฤๅษีทั้งหลายก็พากันไปป่าหิมพานต์ ทำฌานไม่ให้เสื่อม มีพรหมโลกเป็นที่ไปในเบื้องหน้า
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดง แล้วทรงประชุมชาดกว่า ลิงในครั้งนั้นได้เป็นภิกษุลวงโลกนี้ หมู่ฤๅษีได้เป็นพุทธบริษัท ส่วนครูประจำคณะ คือเราตถาคตนี้แล
จบ อาทิจติปัฏฐานชาดก