โพลแฉคนไทยสุขน้อยลง เป็นเหตุ “หลับไม่ลง”

โพลแฉคนไทยสุขน้อยลง เป็นเหตุ “หลับไม่ลง”
• คุณภาพชีวิต
เผย! กทม.ต่ำสุข พิษเศรษฐกิจ-การเมือง

โพลแฉคนไทยความสุขน้อยลง โดยคน กทม. มีค่าความสุขต่ำสุด ส่วนความสุขสูงสุดเป็นของคนภาคเหนือ โดยการเมืองและภาวะเศรษฐกิจ คือ ปัจจัยสำคัญทำให้คนไทยมีความสุขลดลง ขณะเดียวกันผลสำรวจยังพบว่า คนนอนไม่หลับเพิ่มมากขึ้น ขณะที่คนนอนหลับสนิทลดจำนวนลง

เมื่อวันที่ 8 มี.ค. นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยความสุขชุมชน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) เปิดเผยผลวิจัยเรื่อง “ศึกษาแนวโน้มดัชนีความสุขมวลรวมของประชาชนภายในประเทศ” ประจำเดือน ก.พ. 2552 ใน 16 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ นนทบุรี พระนครศรีอยุธยา ราชบุรี ลพบุรี จันทบุรี ประ จวบคีรีขันธ์ สุรินทร์ อุบลราชธานี อุดรธานี ขอนแก่น หนองคาย เชียงใหม่ สุโขทัย พิษณุโลก นครศรีธรรมราช และสงขลา จำนวน 4,959 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 20 ก.พ. ถึง 7 มี.ค. 2552

ผลการสำรวจพบว่า ค่าความสุขมวลรวมของประชาชนคนไทยลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง จากช่วงปลายเดือน ธ.ค. 2551 ที่ได้ 6.81 คะแนน จากเต็ม 10 คะแนน มาอยู่ที่ 5.78 คะแนนในเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา เมื่อจำแนกตามภูมิภาค พบว่าคนกรุงเทพฯ มีค่าความสุขมวลรวมต่ำสุดอยู่ที่ 5.22 คะแนน ขณะที่คนภาคเหนือมีค่าความสุขสูงสุดอยู่ที่ 6.24 คะแนน

ที่น่าห่วง คือ การเมืองการปกครองและภาวะเศรษฐกิจ กำลังเป็นปัจจัยสำคัญที่คนไทยมีความสุขน้อยที่สุด เพราะคนไทยมีความสุขต่อการเมืองการปกครองระดับประเทศเพียง 4.53 คะแนน และความสุขต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศเพียง 3.95 คะแนนเท่านั้น

นอกจากนี้เมื่อศึกษาการนอนหลับของประชาชนในการวิจัยครั้งล่าสุด พบจำนวนคนนอนไม่หลับถึงนอนไม่หลับเลย เพิ่มสูงขึ้นจากร้อยละ 10.6 มาอยู่ที่ร้อยละ 16.8 และคนที่นอนหลับได้ค่อนข้างสนิทหรือนอนหลับได้สนิท มีจำนวนลดลงจากร้อยละ 79.7 มาอยู่ที่ร้อยละ 70.4

เมื่อศึกษาเปรียบเทียบระดับความสุขประชาชนในกลุ่มที่นอนไม่หลับกับกลุ่มนอนหลับสนิท พบว่าคนนอนไม่หลับมีความสุขอยู่ที่ 4.48 คะแนน ซึ่งมีคะแนนน้อยกว่ากลุ่มที่นอนหลับได้สนิทพบความสุขอยู่ที่ 6.20 คะแนน จากเต็ม 10 คะแนน

นายนพดล กล่าวด้วยว่า รัฐบาลต้องเร่งทำงานให้หนักและรอบคอบมากขึ้นกว่าเดิมใน 3 มิติของประเทศ คือ เศรษฐกิจ การเมือง และสังคม โดยจัดเวทีสาธารณะเสวนาถกแถลงหาทางออกปัญหาของประเทศให้ครบทั้ง 3 มิติ ร่วมกับตัวแทนประชาชนทุกหมู่เหล่า

การออกมาตรการของรัฐบาลในการแก้ปัญหาใหญ่เชิงสาธารณะที่ผ่านมาอาจยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ครบทุกกลุ่มทันท่วงที เพราะประชาชนบางกลุ่มต้องการเงินและปัญหาปากท้องเป็นเรื่องแรก บางกลุ่มต้องการให้เร่งแก้ปัญหาความแตกแยกทางการเมือง และบางกลุ่มต้องการให้แก้วิกฤตทางสังคม เช่น ปัญหายาเสพติด ทุจริตคอร์รัปชัน อาชญากรรม และคุณภาพเด็กและเยาวชน เป็นต้น

ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

Add a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *