หลักของการทำงานให้มีความสุขสนุกกับการทำงาน

หลักของการทำงานให้มีความสุขสนุกกับการทำงาน
1. โลกนี้ฤาร้างคน ไม่ว่าเราจะทำงานอยู่ตรงไหน ของบริษัทอะไร จะเป็นหน่วย งานไหนก็จะไม่มีวันที่จะพ้นการทำงานที่เกี่ยวข้องกับคน เรื่องนี้เราท่านก็รู้กันดีอยู่แล้ว ทุกอย่างต้องเริ่มที่การ มีมนุษยสัมพันธ์ ทำอะไรก็ นึกถึงใจเขาใจเรา อะไรที่เราไม่ชอบ คนอื่นก็ไม่ชอบ เราอยากให้คนอื่นกระทำอะไรต่อเรา คนอื่น ก็ต้องการให้เราปฏิบัติเช่นนั้นต่อเขา ง่ายๆแค่นี้ แต่เราลองคิดดูเถอะมันสำคัญและยิ่งใหญ่ เสียจริงๆ
2. สองหมื่นคนหรือสามคนก็ครือกัน บางบริษัทมีคนนับหมื่นสองหมื่น หน่วยงานเรา มี 10-15 คนก็ครือกัน เพราะการทำงานที่จะเข้ากับบุคคลอื่นได้นั้นใช้หลักเดียวกัน บุคคล ที่ทำงาน ร่วมกับคน 2-3 คนได้ก็สามารถทำงานร่วมกับคน 2-3 หมื่นคนได้ ทักษะในการทำงาน ร่วมกับคนไม่มีอะไรแตกต่างกัน
3. คุณคือยอดคน ลองนึกดูว่าถ้าผู้บริหารต้องการเลื่อนคุณขึ้นเป็นหัวหน้าคน มัน น่าภาคภูมิใจแค่ไหน แต่สิ่งที่แน่นอนประการหนึ่งที่เป็นองค์ประกอบในการคัดเลือกคุณก็คือคุณ เป็นผู้ที่เข้ากับคนอื่นได้ ปกครองคนได้ นั่นคือคุณเป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีเป็นเบื้องต้น
4. บางทีก็ไม่มีสิทธิเลือกคบคน ไม่ว่าเพื่อนร่วมงานหรือลูกค้าคุณไม่มีสิทธิที่จะเลือก มากนัก เพื่อนร่วมงานก็คนนี้ ลูกค้าก็คนนี้ เราจะต้องคบกับเขาให้ได้ เขากล่าวว่าเพื่อนเราหรือ ลูกค้าของเราเป็นคนที่มองแล้วไม่สบอารมณ์โก๋ ว่างั้นเถอะ แต่ชีวิตในการอยู่กับคนเราไม่มีสิทธิ มากนัก เพราะเราต้องเกี่ยวข้องกับทุกคนในแวดวงของเรา ทุกคนก็คงมีส่วนดีอยู่บ้างหรอกน่า
5. งานนี้ไม่มีใครทำแทนคุณ มีงานร้อยอย่างที่สามารถทำแทนกันได้ คุณไม่ทำคน อื่นก็อาจช่วยได้ แต่ขอให้เข้าใจเถอะว่า การสร้างมนุษยสัมพันธ์ ไม่มีใครทำแทนคุณได้ คุณต้อง ลงมือทำด้วยตัวคุณเอง จะว่ามันยากก็ไม่ใช่ หรือจะว่าง่ายก็เกินไป แต่ถ้าคุณฝึกงานด้านนี้มา พอสมควร คุณก็สามารถทำงานนี้ได้ด้วยความชำนิชำนาญ
6. เริ่มกันที่คำไพเราะ ทุกคนก็รู้ว่าคำไพเราะคืออะไร ก็คือชื่อของบุคคลที่คุณติดต่อ ด้วยนั่นไง ชื่อลูกค้า ชื่อเพื่อนในสำนักงานเป็นถ้อยคำที่ไพเราะ การทักทาย การจำ ได้ว่าเขาชื่ออะไร มันมีความหมายมากเหลือเกินในงานสร้างมนุษยสัมพันธ์
7. เกิดเป็นคนก็อยากให้คนสนใจ คุณคงไม่ชอบแน่นอนถ้าเพื่อนๆไม่เคยสนใจที่ จะถามไถ่อะไรบ้างเลย แต่งชุดเริดมาก็ไม่มีใครสนใจจะถาม หายไป 2 วันก็ไม่มีใครถาม ไปทำผม ทรงใหม่มาก็ไม่มีใครถาม อยู่ๆก็ขับรถราคาแพงมาทำงานก็ไม่มีใครถาม คุณอยู่ได้หรือ เช่นกัน ถามไถ่เขาบ้าง ถ้ามีเวลาจะพลอยผสมโรงคุยเรื่องที่เขาเล่ามาให้ฟังไปสักหน่อยก็จะน่ารักมากขึ้น
8. เก่งแต่อย่าเก็ก บางคนอาจทำงานเก่ง บางคนอาจเก่งในงานบางด้าน แต่ไม่ได้ หมายความว่าคนอื่นที่ไม่เก่งในงานที่คุณเก่งนั้น เขาจะไม่เก่งเรื่องอื่นๆ คนเก่งจริงต้องมีใจเปิด กว้างให้ความรู้กับคนอื่นด้วย ทีวีเรื่อง”คมเฉือนคม” ว่าไว้ว่า”เหนือฟ้ายังมีฟ้า” นั้นเป็นเรื่องจริง เขียนถึงตรงนี้นึกถึงกำกล่าวเปรียบเทียบว่า “อันรวงข้าวที่มีเมล็ดเต็มทุกเมล็ดนั้นย่อม โน้มถ่วงลงสู่ดิน ผิดกับรวงข้าวที่มีเมล็ดลีบ ย่อมชูช่อไสว”
9. หยุดไม่ได้แต่ยับยั้งได้ การทำงานทุกวัน การมีลูกค้าจำนวนมาก เป็นไปไม่ได้ที่จะ มีอะไรไม่น่ารักบ้าง การทำงานทุกวันแต่ละวันก็หลายเรื่อง เป็นไปได้ที่จะมีพลาดไปบ้าง สิ่งเหล่านี้เราจะห้ามไม่ให้เกิดเลยคงไม่ได้ แต่เรายับยั้งได้ด้วยการคิดไตร่ตรอง วางแผนการทำงาน ล่วงหน้า พิจารณาลูกค้าให้ดี เราก็สามารถยับยั้งความเสียหายได้ไม่น้อย
10. ทำไม่ได้ลูกเดียว ยืนกระต่ายขาเดียวว่ายังไงก็” ไม่ได้” คำนี้เขาว่าท่านนโปเลียนผู้ยิ่งใหญ่อยากจะลบออกจากพจนานุกรม ไม่ว่าใครพูดอะไรมาที่เป็นงานใหม่ งานสร้างสรรค์ ก็จะพูดกลับไปสูตรเดียวว่า”มันทำไม่ได้หรอก” หรือ”มันเป็นไปไม่ได้” คำนี้เราคงต้องพูดให้น้อยที่สุด ถ้าบรรพบุรุษ ของเราใช้คำนี้ เราคงไม่เห็นแท่งเหล็กมหึมา(เครื่องงบิน จานดาวเทียม )บินว่อนอยู่บนอากาศแน่นอน
11. จู่โจมเหตุไม่ใช่จู่โจมคน เมื่อพบส่วนที่ผิดพลาด บ้าง ก็ขอให้จำคำนี้ไว้ว่า เรามาช่วยกันจู่โจมเหตุแห่งความผิดพลาดไม่ใช่จู่โจมว่าใครทำผิด ความผิดพลาดอาจเกิดจากการ อ่อนในการสอนงาน แนะนำงานก็ได้
12. อย่าให้ห้องประชุมเหมือนเตาอบ การประชุมเป็นสิ่งที่ดี แต่อย่าให้เหมือนเตาอบ คือมันร้อนไปทั้งห้อง จะให้ห้องประชุมร้อนหรือเย็นก็คงเห็นผลเท่ากัน แต่การให้ห้องประชุมมันเย็นน่าจะได้ผลที่ดีกว่า หรือเปล่า
13. “การนินทากาเลเหมือนเทน้ำ “( มีบางคนเขียนต่อไปว่า “ไม่ชอกช้ำเหมือนเอาตูดไปครูดหิน”) แม้ท่านสุนทรภู่จะกล่าวไว้อย่างนั้น แต่เรื่องของ บริษัทหรือเรื่องของการทำธุรกิจ การวิพากย์วิจารณ์โดยไม่รู้จักยับยั้งช่างใจ การไม่รู้ที่มาที่ไปของ เรื่องนั้นก็มีส่วนก่อนความยุ่งยากให้กับบริษัทได้ ถ้าอยู่ในบริษัทก็ต้องรักบริษัท ถ้าคุณไม่มีเรื่อง ที่สร้างสรรค์จะพูด ก็อยู่เงียบๆเถอะจะดีกว่าเยอะ
14. ไม่หล่อไม่สวยก็เป็นพนักงานที่ดีของบริษัทได้ คุณภาพของบุคคลเป็นสิ่งที่มา ก่อนในการทำธุรกิจ คนไม่หล่อไม่สวย แต่มีความตั้งใจทำงาน ซื่อสัตย์ ไว้ใจได้ ปากกับใจตรง กัน ไม่เป็นคนเจ้าปัญหา ก็น่าจะดีกว่าที่หล่อและสวยแต่ถ้าคำพูดเรื่องทางเหนือแต่ในใจมุ่งไปทาง ใต้ก็ไม่ไหวเช่นกัน ส่วนคนที่ทั้งหล่อสวย และมีคุณภาพนั่นก็อยู่ในประเภทดีหนึ่งผลัดหนึ่ง คือ สามารถช่วยชาติได้เยอะ
15. มองหลายแง่ให้แน่ใจ เมื่อก่อนเขาถึงกับพูดว่า” ดูวัวให้ดูหาง ครั้นจะดูนางให้ดูทีแม่ ถ้าจะดูให้แน่ ก็ต้องดูถึงยาย” แปลว่าการแก้ไข ปัญหาใดๆ ก็ต้องพิจารณาทุกแง่ทุกมุม เอาปัญหาเข้าสู่ระบบ(System) แล้วมองว่าอะไรคือปัจจัย อะไรคือกระบวนการ อะไรคือผลผลิต การวิเคราะห์ก็จะง่ายขึ้น หรือปัจจัยภายในภายนอก หรือ ดูเงื่อนไข ต่างๆ ก็จะเกิดความรอบคอบมากขึ้น
16. อย่าลัดวงจร ในงานของเรามีขั้นตอนการทำงานที่เด่นชัดแน่นอน ผู้วางระบบได้ คิดกันอย่างรอบคอบแล้วว่าทำไมจึงต้องทำเช่นนั้น เพราะฉะนั้นทุกงานต้องเป็นไปตามวงจรที่กำหนดไว้ อย่างไรก็ตามถ้าเห็นว่างานไหนน่าจะปรับปรุงแก้ไขได้ก็แนะนำกันมาได้ แต่ก็ต้องรอการ พินิจพิเคราะห์ของรุ่นพี่ๆที่เขารับผิดชอบอยู่ก่อน
17. ลองสวมรองเท้าของคนอื่นบ้าง เป็นสำนวนฝรั่งเขาหมายความว่าให้ลองสัมผัสปัญหาของคนอื่นดู และศึกษากรรมวิธีใน การแก้ไขปัญหาของเขา บางทีเราอาจแปลกใจที่ได้แนวคิดมาใช้ในงานของเราได้เป็นอย่างดีได้ข่าว เรามีการประชุมกันบ่อยซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมากแล้ว คงได้เอากรณีศึกษามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน และต้องแน่ใจว่าปัญหานั้นจะไม่เกิดขึ้นอีก
18. ยืดคอให้ยาวขึ้น (พวกเราคงเคยทำตอนสอบสมัยเรียนหนังสือ) หมายความ ว่าต้องพยายามยืนหยัดสู้ต้อไป ไม่ท้อแท้ง่ายๆ ยิ่งภาวะยามนี้ก็ต้องยิ่งยืนหยัดให้มากยิ่งขึ้น เข้ม- แข็งให้มากขึ้น อดทนให้มากขึ้น รอบคอบให้มากขึ้น ความล้มเหลว ผิดพลาดอาจมีบ้างแต่ก็ไม่ ย่อท้อ เขาว่ากันว่าเอดิสันล้มเหลวตั้ง 99 ครั้ง (มากไปหรือเปล่า)กว่าจะประดิษฐ์หลอดไฟฟ้าได้สำเร็จ แต่ ของเราคงไม่ถึงขนาดนั้น เอาแค่ความคิดว่ายืดคอให้ยาวขึ้นก็น่าจะพอ
19. ทะเลาะกันไซร้เหมือนใส่ยาพิษเข้าหากัน คนเราทะเลาะกัน เพราะความคิดไม่ตรงกัน แค่ความ คิดที่ไม่ตรงกันนี้เองที่ทำให้คนเราต้องทะเลาะกัน เราทำงานไม่ว่าจะทำที่ไหน บริษัทประเภทไหน หากที่มีคนมากกว่า 2 คนแล้ว ละก้อย่อมมีสิทธิ์คิดไม่ตรงกันบ้างแน่นอน แต่ความคิดที่ไม่ตรงกันนั้นแหละหากเอามาวิเคราะห์ แล้วก็จะพบสิ่งที่ดีอยู่ในนั้นเสมอ เสมอ(เน้น) เรื่องอะไรจะไปทะเลาะกัน เพราะมีแต่การใส่ยาพิษ ให้ตนเอง อย่างที่วิทยากรส.ส.ท.ท่านเล่าให้ฟังว่า มีหลวงพ่อท่านถามว่าอายุของโยมที่มาทำบุญว่า อายุเท่าไหร่แล้ว โยมก็บอก ว่าสี่สิบกว่า หลวงพ่อก็บอกว่าเหลือไม่เท่าไหร่แล้วซินะ เมื่อเรียนถามพระท่านว่าชะตา ไม่ดีหรือ หลวงพ่อท่านว่าไม่ใช่หรอก เพียงแต่อยากบอกว่าเวลาที่เหลือนั่นนะแค่ทำความดี มีไมตรีกับเพื่อนอย่างเดียวก็ไม่ทันอยู่แล้ว จะมีเวลาที่ไหนไปทะเลาะกับใครอีกเล่า…เป็นซะอย่างนี้ สาธุ
20. เตรียมการดีเสียอย่างสบายไปแปดอย่าง เรื่องนี้น่าคิดว่าทำไมต้องแปดอย่างก็ไม่รู้ แต่ก็จริงเขาละ การเตรียมทำงานประจำวัน การเตรียมข้อมูลมาประชุม การเตรียมตัวพบลูกค้า การเตรียมคำพูดที่จะพูดกับลูกหนี้ ไม่มีใครเก่งเกินการเตรียมตัว คำว่า”ไม่ต้องห่วงไปตายเอาดาบ หน้า”นั้นมันตายจริงๆ
21. ข่าวลือ..คือมลภาวะอย่างหนึ่ง องค์กรเราก็ใหญ่มาก และใหญ่ขึ้นเรื่อย บางทีก็ มีข่าวลือกันได้ เหตุของข่าวลือเพราะการสื่อสารไม่กระจายให้ทั่วถึงอย่างทันท่วงที เราจะห้ามไม่ ให้เกิดคงห้ามยากเพราะไม่รู้ว่าข่าวลือมันมาจากไหน (ก็ถ้ารู้ว่ามันมาจากไหนก็ไม่ใช่ข่าวลือแน่ ๆ ) แต่เราสามารถสยบข่าวลือให้แคบลง เล็กลง และหายไปได้ก็คือเมื่อลือมาถึงเรา เราก็หยุดมันเสีย ไม่พูดต่อก็แค่นั้น และไม่ต้องให้เพื่อนช่วยเก็บด้วยการบอก(ลือ)ต่อกับเพื่อนอีกคนแล้วบอกว่าเรื่อง นี้ฟังแล้วเหยียบเสียนะ (เหยียบใครดี) เพราะคนที่รับปากเราว่าจะเก็บนั้นเขาก็กลัวว่าจะเก็บไม่อยู่ ก็ต้องไปบอกให้คนอื่นช่วยเก็บ อย่างนี้ไปเรื่อยๆ นั่นแหละ
22. ไหม้ไปหน่อยก็อร่อยได้ เพื่อนของคุณ ลูกน้องคุณอาจทำผิดนิดผิดหน่อย แต่ก็ ต้องไม่ลืมว่า ส่วนที่เขาทำดีก็มีเยอะ ภรรยาเจียวไข่ไหม้ไปหน่อย แต่ก็ยังมีส่วนที่กินได้อยู่อีกเยอะ คิดได้อย่างนี้ การทำงานกับเพื่อนร่วมงาน การปกครองลูกน้องก็จะไปได้อย่างราบรื่น (กรุณาอย่า แย้งว่า”อาจารย์ครับ เจียวไข่ยังไหม้ได้ แล้วอย่างอื่นมันจะเหลือหรือ” -เธอเจียวไข่ไหม้ไปหน่อยหนึ่ง เฉพาะวันนี้เท่านั้นแหละ) คำพูดนี้นึกดูให้ดีแล้วจะพบความสวยงามอยู่มาก และดูเหมือนเราจะ รู้สึกสบายใจขึ้นได้มากด้วย
23 .ไม่คิดไม่ทำไปอยู่ถ้ำดีกว่า เขาหมายถึงคนที่ทำงานไปวันๆ ไม่คิดถึงวันข้างหน้า ไม่ย้อนมองวันข้างหลัง วันหน้า สัปดาห์หน้า เดือนหน้า เราจะทำงานอะไรที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เมื่อวาน สัปดาห์ก่อน เดือนที่แล้ว เราพลาดอะไรไปบ้าง เราแก้ไข ป้องกันแล้วหรือยัง คนเรานี่ยิ่ง ใช้ความคิดยิ่งเกิดความคิด แปลกดีนะครับ เงินยิ่งใช้ยิ่งหมด แต่ความความคิดยิ่งใช้ยิ่งมีเพิ่ม ถามตัวเองเสมอว่าเราควรไปอยู่ถ้ำหรือยัง ชีวิตประจำวันของเราจะมีสีสรรค์ก็ตรงที่มีความคิด ใหม่ๆ และเท่าที่ทราบพวกเราก็ตัวร้อนกันทุกคน (เป็นหนุ่มสาวไฟแรง)
24. จะขู่หรือจะขอ เราทำงานต้องประสานงานกัน หัวหน้าก็ต้องให้ลูกน้องทำงานให้ โปรดจำไว้ได้เลยครับว่าจะอาศัยคนอื่นให้ความร่วมมือ หรือทำงานให้ได้ดีนั้นไม่ได้เลย หากใช้การ ขู่ อาจจะได้ชั่วครั้งชั่วคราว แถมด้วยคำพูดนินทาลับหลัง มีงานหลาย ๆ อย่างที่จะต้องมีระบบระเบียบ ต้องทำตรงนี้กอ่น จึงจะไปต่อแถวได้ และก็มีหลาย ๆ ครั้งที่เราจำเป็นที่จะต้องขอลัดคิว การขอร้องเพื่อนร่วมงานในแผนกอื่นๆ หรือแม้แต่แผนกเดียวกันจึงมีความสำคัญขึ้นมาทันที การเข้าไปขอด้วยกริยาที่นุ่มนวล มีเหตุ มีผล ไม่มีใครที่ไหนจะใจร้ายไม่ช่วยทำให้แน่นอน….เป็นประสบการณ์ที่เจอมากับตัวเองเลย..เรื่องนี้จริงแท้ แน่นอน
25. หยุดเมื่อไหร่ก็ถอยเมื่อนั้น ข้อนี้ใช้ได้ทั้งกับองค์กรโดยส่วนรวม ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน ลูกค้า หรือคนใกล้ชิด และตัวของพวกเราเองด้วย หยุดเมื่อไหร่ ถอยเมื่อนั้น การแต่งกายที่ทันสมัยเปี๊ยบเมื่อวาน พรุ่ง นี้ อาจไม่ใช่แล้ว วิธีการทำงานที่ดีมากในวันนี้ เดือนหน้าอาจไม่ใช่แล้ว ความรู้ที่คิดว่ามีมากพอ ในวันนี้ อีก 3 วันก็มีความรู้ในเรื่องเดียวกันเกิดขึ้นใหม่แล้ว
26 .”แม้แต่ดินสอของจอมปราชญ์ก็ยังมียางลบ” แปลว่าอย่างไร ทุกคนมีโอกาสทำผิด กันได้ทั้งนั้นไม่ทำไม่ผิด แต่ถ้าให้เลือกระหว่างลงมือทำงานแล้วผิดพลาดบ้าง กับไม่ทำอะไรเลย แล้วก็ไม่ผิดเลย เราทุกคนก็คงเลือกเอาการลงมือทำงาน แม้ว่าจะ(ผิด)พลาดบ้าง อย่างไรก็ตาม ความพลาดพลั้งนั้นเราสามารถป้องกันได้มาก เราเรียกว่าเทคนิคการป้องกันและแก้ไขปัญหา นั่น คือพยายามนั่งนิ่งนึกไตร่ตรองดูว่าการทำงานนั้นๆ น่าจะพลาดพลั้งในประเด็นใดได้บ้าง คิดออก มาให้หมด(เท่าที่จะทำได้) แล้วหาทางป้องกันเสียก่อนการลงมือทำงาน ก็จะทำให้พลาดได้น้อย ลงไป เช่นว่า “เป้าหมาย…กำหนดไว้เท่านั้น” เรามาลองนึกดูว่าจะมีอะไรให้เราพลาดได้บ้าง นึก ออกมาให้หมด แล้วลงมือกระทำอะไรบางอย่างที่จะป้องกันไม่ให้อุปสรรคหรือปัญหานั้นเกิดขึ้น เราก็จะถึงเป้าหมายได้
27.”ขับรถกะบะกับจักรยานก็ปานกัน” อย่าให้ภาพของคนสองคนที่มีพาหนะเดินทาง กลับบ้านที่แตกต่างกันมาทำให้เรานึกว่า คนสองคนมีความสำคัญต่อบริษัทแตกต่างกัน ทุกคนมี ความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน อาจแตกต่างกันตรงภาระหน้าที่ แต่ความมีเนื้อนาบุญในการทำ งานให้กับบริษัท แล้วทุกคนทัดเทียมกัน นึกให้เห็นและสร้างความภาคภูมิใจในตรงนี้ให้ได้ เรา อาจอยู่สาขาไกลออกไปมากจากสำนักงานใหญ่ แต่เราก็คือคนหนึ่งที่เป็นครอบครัวเดียวกัน เช่น ทุกคน ต่างก็ให้การยอมรับ แล้วเราจะไปนึกน้อยอกน้อยใจได้อย่างไร เร่งทำให้สาขาที่ไกลนั้นใกล้ชิดกับ สาขาอื่น ใกล้ชิดกับสำนักงานใหญ่ด้วยการหมั่นติดต่อสื่อสาร หมั่นส่งข่าว หมั่นทำงาน เราก็จะ เป็นสาขาที่ใกล้ชิดกับทุกคนได้
28. “พูดได้ไม่ควรเขียน” เรื่องนี้อาจตรงไปที่หัวหน้างานในการตักเตือนลูกน้องว่าบาง ครั้ง เราซึ่งเป็นหัวหน้าจำเป็นต้องมีการตักเตือนลูกน้องบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าอยู่ในวิสัยที่ จะพูด ก็น่าจะทำดีกว่าเขียน”ใบเตือน” เพราะการพูดย่อมได้เห็นสีหน้าท่าทาง เห็นแววตา เห็น อากัปกริยา และที่สำคัญก็จะได้เป็นการสื่อสาร 2 ทาง ทำให้อะไรๆก็ดีกว่าเยอะ
29. “สร้างเป็นปีนาทีเดียวพัง” เป็นข้อเตือนใจทั้งกับหัวหน้า กับเพื่อนร่วมงาน ตลอด เวลาที่ผ่านมาความตั้งใจที่จะสร้างความดี(บารมี)กับลูกน้อง กับเพื่อนร่วมงาน และที่ผ่านมาทุกคน ก็ให้การยอมรับ แต่สักวันหนึ่งที่ความโมโหเกิดชนะใจคุณขึ้นมา แล้วคุณก็ได้แสดงออกในทางที่ ไม่น่าดู ไม่น่ายอมรับในสายตาของลูกน้อง ของเพื่อนร่วมงานเข้า นาทีนั้นก็คือนาทีที่สยดสยอง สิ่งดี ๆ ที่สั่งสมมาพังทะลายลงอย่างไม่น่าเชื่อ น่าเสีย ดายเหลือเกินกับความเหนื่อยยากที่อุตส่าห์สร้างภาพพจน์ขึ้นมาด้วยดีเป็นปี แล้วมาพังที่นาทีเดียว
30. “หนึ่งคนได้ดีอีกสิบสี่คนเศร้า” ก็เป็นอีกข้อหนึ่งที่เป็นการเตือนใจบรรดาหัวหน้าใน การบำเหน็จความดีความชอบต่อลูกน้อง ก็ขอให้มีบรรทัดฐานที่อธิบายได้ รู้ล่วงหน้าว่าจะได้รับการ บำเหน็จความดีความชอบอย่างไรเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับกฎเกณฑ์อะไร จะได้สบายใจกันทุกฝ่าย

31. “ขึ้นไม่ได้ถ้าไม่มีคนแทน” ผู้ที่ทำงานทุกคนจะมีสายความก้าวหน้า ผู้ที่เป็นหัวหน้า งานก็เช่นกัน แต่การที่หัวหน้างานไม่ได้สร้างใครไว้เพื่อรองรับตำแหน่งของตนไว้เลยนั้น หัวหน้า งานคนนั้นก็ย่อมไม่มีโอกาสได้เลื่อนขึ้นไป หัวหน้างานทุกระดับจึงจำเป็นต้องสร้างคนไปพร้อมๆ กับการทำงานด้วย หัวหน้างานประเภท “ข้ามาคนเดียว” นั้นไม่มีแล้วในพ.ศ.นี้ การสร้างคนขึ้นมา แม้ไม่ใช่เพื่อการเลื่อนชั้นเลื่อนตำแหน่ง แต่ก็เป็นการสร้างความมั่นคงทางจิตใจในแง่ที่ว่า แม้ว่า เราจะป่วยไข้ไปสัก 2-3 วัน งานในสายงานของเราก็จะไม่สะดุด
32. “หัวหน้าดีเป็นศรีแก่แผนก” แผนกต่างๆจะได้ชื่อว่าดีไม่ดีนั้น นอกจากจะเกิดขึ้นจากผลงานแล้ว การวางตัวของหัวหน้าก็เป็นเรื่องสำคัญ หัวหน้าแผนกเป็นตัวแทนของลูกน้องใน แผนกทั้งหมดที่จะบอกว่าเป็นแผนกที่ดีหรือไม่ ดังนั้นพฤติกรรมในการทำงาน พฤติกรรมในการ ติดต่อประสานงานกับผู้อื่นของหัวหน้าแผนก จึงเป็นตัวบ่งชี้ถึงความดีของแผนกนั้นๆอย่างหลีก เลี่ยงไม่ได้ คนที่เป็นหัวหน้าจึงต้องระวังพฤติกรรมของตนเองมากกว่าคนอื่นหลายเท่านัก
33. “ปัญหาคือหน้าที่” อย่าบ่นว่างานที่ทำมีปัญหา ว่างานที่ทำนั้นย่อมหนัก ย่อมยาก ย่อมมีปัญหาเสมอ และด้วยเหตุนั้นไง เขาจึงจ้างเราให้เข้ามา ช่วย แสดงว่าเขาต้องเห็นว่าเรามีความรู้ความสามารถ ดังนั้นเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นในการทำงาน อย่าคิดว่า”ทำไมมีปัญหาบ่อยจัง” แต่น่าจะคิดว่านั่นไงหน้าที่ของเรามาถึงแล้ว เราจะได้แสดง ความสามารถอีกแล้ว ไม่ว่าหน่วยงานหรือตัวคนทำงาน เขาว่ากันว่า “ถ้าไม่มีปัญหาก็ไม่ก้าวหน้า” (No problem, no progress) ฝรั่งเขาว่าอย่างนั้น
34. “ความกลัวไม่มีเพราะความดีของหัวหน้า” พลทหารบางคนถูกยิงขาขาด บางคน ถูกเสียบด้วยดาบปลายปืน แต่พลทหารสุดหล่อยังคงเดินหน้าอย่างไม่สะทกสะท้าน เพราะความ ที่เขามีความรักในชาติบ้านเมือง เพราะนายกองของเขาดีต่อเขาเหลือเกิน เขาจะให้หัวหน้ากอง ของเขาผิดหวังไปไม่ได้ เขาและพรรคพวกต้องไปยึดที่มั่นให้หัวหน้ากองเขาให้ได้ เพื่อตอบแทนในสิ่งที่นายกองของเขาได้ให้โอกาส แสดงฝีมือ ช่วยส่งเสริมให้ได้ดิบได้ดี
35 “อย่าโทษเขาแล้วเรารอด” การทำงานในหน่วยงานเมื่องานผิดพลาดขึ้นมา ทุกคนต่างพร้อมหน้าออกมารับด้วยความจริงใจว่าผิดไปแล้ว เป็นเพราะเราทุกคนที่ทำให้เป็นเช่น นั้น การโทษเขาแล้วเรารอดนั้นไม่ใช่วิสัยที่ควรกระทำ และบุคคลที่มัวแต่โบ้ยความผิดให้ผู้อื่นนั้น
36 “สัญญาดุจวาจาสิทธิ์” การคบค้าสมาคมกับเพื่อนฝูงก็มีสัญญา การทำงานก็มีสัญญา เมื่อให้คำมั่นสัญญาแล้วก็ต้องถือเสมือนว่าเป็นวาจาสิทธิ์ เราจะผิดสัญญาไม่ได้ ลองมองดูรอบข้าง บางคนคำพูดของเขามีความน่าเชื่อถือได้ 50 % บ้าง 80 % บ้าง แต่หลายคนที่มีความน่าเชื่อได้เต็ม 100 % เรื่องนี้สำคัญมาก เรายังทำงานในองค์กรนี้อีกนาน ต้องวางตัว และกำหนดตัว เองให้อยู่ในตำแหน่งที่ทุกคนยอมรับว่า เราไม่เคยผิดคำพูด ดังนั้นจะสัญญาอะไรสักอย่าง ต้องคิด ให้รอบคอบว่าเราทำ

Add a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *