สุขภาพกาย-ใจดี ชีวิตมีสุข

สุขภาพกาย-ใจดี ชีวิตมีสุข
• สุขภาพใจ
เมตตา-สามัคคี-ให้อภัย ตามแนวทาง..เศรษฐกิจพอเพียง

เวลานี้ต้องบอกคนไทยทุกคนว่า อย่าประมาทในการดำเนินชีวิตเป็นเด็ดขาด ให้มีสตินึกถึงแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเอาไว้ทุกลมหายใจเข้าออก ดำเนินตามรอยเบื้องพระยุคลบาทแล้วจะมีความสุขอย่างยั่งยืน

ทำไมย้ำอย่างนี้ ที่ย้ำเพราะทุกคนรู้อยู่แกใจดีว่าในบ้านเราเวลานี้เกิดอะไรขึ้นทั่วโลกเกิดอะไรขึ้น ผมเคยพูดตลอดว่าเราเป็นประเทศเล็กๆ ประเทศหนึ่งเมื่อประเทศใหญ่ๆ ในโลกเกิดวิกฤติ เราก็มักไม่อาจหลีกหนีผลกระทบได้

ยิ่งถ้าเราคนไทยร่วมกันสร้างวิกฤติให้เกิดขึ้นในบ้านเราเองอีกด้วย ยิ่งเป็นการเติมเชื้อแห่งวิกฤติให้เกิดขึ้น แล้ววิกฤติทั้งที่ถาโถมมาจากภายนอกและวิกฤติที่เราคนไทยก่อและโหมกระพือให้คุโชนขยายวงออกไปย่อมเป็นสะพานนำมาซึ่งความเดือดร้อน ที่สุดผลของมันคือ “ทุกข์” ที่โหมกระหน่ำซัดสาดคนไทยทั้งประเทศทั้งกายและใจ

ผมคงต้องยกความทุกข์ที่โหมกระหน่ำซ้ำเติมคนไทย ทั้งกายและใจ จนอาจมีความเป็นไปได้ว่ามีทางที่จะนำไปสู่วิกฤติของประชาชนโดยรวม ทั้งที่เวลานี้ก็เห็นผลกันแล้วนั่นคือความขัดแย้งจนนำไปสู่การปลุกปั่นยุยงให้เกิดการเลือกข้าง ถ้าไม่หยุดแล้วหันมาสามัคคีปรองดองหยุดเติมเชื้อแล้วช่วยกันซ่อมสร้างความเสียหายที่เกิดขึ้น

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และเอแบคโพลล์ได้แถลงถึงผลการสำรวจความทุกข์กายใจที่เกิดขึ้นเพราะความขัดแย้งนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ผมลงตัวเลขการสำรวจไปเมื่อคราวที่แล้ว

ในการแถลงข่าวคราวนั้นจิตแพทย์ (นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานต์) ยังแนะวิธีให้ปรับ 4 เติม 3 ซึ่งรวมความแล้วก็คือต้องสามัคคี ให้อภัยไม่ประมาทนั่นเอง

อย่างที่รู้กันอยู่เข้าใจกันดีว่า วิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกาและในประเทศยุโรปอีกหลายประเทศมีผลกระทบมาถึงประเทศไทยกับอีกหลายประเทศเช่นกัน เพราะผลแห่งความเกี่ยวโยงในการคบค้าสัมพันธ์กัน

แต่ถ้าหากว่าเราคนไทย ไม่ช่วยกันสร้างวิกฤติให้เกิดขึ้นภายในประเทศของเราเอง เราสามารถที่จะดำรงอยู่อย่างมีผลกระทบน้อยที่สุด

เพราะเรามีหลักการดำเนินชีวิต ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานไว้ นั่นคือ วิถีแห่งเศรษฐกิจพอเพียง อันได้แก่ การคำนึงถึงเหตุผล มีภูมิคุ้มกันการเดินตามสายกลาง บนความไม่ประมาทและความรู้คู่คุณธรรม

พื้นฐานแห่งวิถีเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำรินี้ ทำให้คนไทยมีความขยันหมั่นเพียร มีความเมตตากรุณาต่อกัน ทำให้คนไทยหลีกหนีความฟุ้งเฟ้อห่างไกลอบายมุข มีความมุ่งดีสมัครสมานสามัคคีต่อกัน ภาพดังกล่าวเป็นที่ประทับใจของนานาชาติแล้วแห่กันเลือกเที่ยวประเทศไทย

ความเชื่อมั่นด้านอื่นๆ ที่มีอีกมากมายก็ทำให้ความสัมพันธ์ทางการค้าการเกื้อกูลกับประเทศอื่นๆ ก็มีต่อเนื่องไม่ขาดสาย

ในประเทศการดำรงชีวิตเราก็เข้มแข็งด้วยตัวของเราเอง การคบค้าทั้งด้านค้าขายการท่องเที่ยวการลงทุนก็เพิ่มให้เราเข้มแข็งยิ่งขึ้นไปอีก

ผลจะเป็นยังไง ก็คือความสุขทั้งกายและใจเป็นแน่นอน

แต่วันนี้ไม่ใช่ ความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นในประเทศอื่นที่ไหลแทรกซึมเข้ามาสู่ประเทศไทย ไทยเราบ้างที่ว่า ก็พอจะรับมือกันได้ ถ้าพวกเราสามัคคีช่วยกันอุดช่วยกันเยียวยาป้องกัน จริงๆ กลับตรงกันข้ามคนไทยเรากันเอง ไม่ได้ช่วยอุดช่วยเยียวยาแต่กลับช่วยเปิดประตูรับวิกฤติ ช่วยกันซ้ำเติมให้วิกฤติยิ่งขึ้น อย่างท่องเที่ยวเวลานี้เขาหันไปประเทศข้างๆ เราหมดเพราะเขารู้ว่าเข้าประเทศไทยไม่ปลอดภัยแล้ว

วันนี้คนไทยกำลังรับชะตากรรมจากที่ตัวเองไม่ได้ก่อเพิ่มขึ้น รับผลพวงแห่งการกระทำของคนอื่นไปด้วยอย่างไม่อาจหลีกหนีได้ จึงไม่อาจจะหลีกหนีความทุกข์ได้พ้น ไม่ว่าจะทุกข์กายหรือทุกข์ใจ

แต่อย่างที่ สสส.ร่วมกับเอแบคโพลล์สรุปไว้เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมาว่า ความทุกข์ดังกล่าวเพียงกำลังขยายตัว ถ้าหากว่าเราคนไทยตั้งสติหันมาช่วยกันอุดหนุน ย่อมทำได้

อุดด้วยวิถีแห่งการดำเนินชีวิตตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง คือ ทุกคนหันมามีความเมตตากรุณาสามัคคีกัน ให้อภัยกัน ร่วมกันสร้างกระบวนการให้เกิดความเจริญแก่ชาติบ้านเมืองทั้งด้านจิตใจและวัตถุ เน้นย้ำให้คนไทยทุกคนไม่ตั้งอยู่ในความประมาท

แล้วความสุขความสงบอย่างยั่งยืนก็จะกลับมาสู่คนไทยสังคมไทยอย่างสมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์

สุขทั้งกายและใจอย่างแน่นอน

ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ

Update 20-11-51

Add a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *