พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร

พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร
วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร

” ทุกคนจะต้องเข้ามหายุทธสงครามสักวันหนึ่ง คือการ ต่อสู้กับมัจจุราช เมื่อถึงเวลานั้นแต่ละคนจะต้องสู้เพื่อ ตนเอง และต้องสู้โดยลำพัง ผู้ที่สู้ได้ดีก็จะไปดี คือไปสู่ สุคติ ผู้ที่เพลี่ยงพล้ำก็จะไปร้าย คือไปสู่ทุคติ อาวุธที่ใช้ ต่อสู้มีเพียงสิ่งเดียว คือ “สติ” ซึ่งจะสร้างสมได้ด้วยการ เจริญภาวนาเท่านั้น ”

พระธุดงคกรรมฐาน ที่เป็นศิษย์ ของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโตเถระ และเป็น ผู้เจริญ ในสมณะธรรม บำเพ็ญกิจน้อยใหญ่ เพื่อ อำนวยประโยชน์ ต่องานพระศาสนา สถาบันหลัก ของชาติไทย และเกื้อกูล หมู่ชน สังคม อย่างเอนกอนันต์ เป็นปูชนียภิกขุ ที่สาธุชน เคารพศรัทธามหาศาล

พระเดชพระคุณ “พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร” วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร

พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร นามเดิม เกิดในสกุล สุวรรณรงค์ เกิดเมื่อ วันอาทิตย์ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๙ ปีกุน ตรงกับวันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๔๒ ที่บ้านม่วงไข่ ตำบลพรรณา อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร เป็นบุตรคนที่ ๕ ของ เจ้าไชยกุมาร (เม้า) ในตระกูล “สุวรรณรงค์” อดีตเจ้าเมือง พรรณานิคม มารดา ของท่านชื่อ นางนุ้ย

พระอาจารย์ฝั้น ครั้งวัยเยาว์ มีความประพฤติ เรียบร้อย นิสัยโอบอ้อม อารี ขยันหมั่นเพียร อดทน ต่ออุปสรรค ช่วยเหลือกิจการ งานของบิดา มารดา โดยไม่ย่อท้อ ต่อความยากลำบาก

ท่านเข้าศึกษา ชั้นประถม ที่โรงเรียนวัดโพธิ์ชัย บ้านม่วงไข่ และ เข้าไปศึกษาต่อ กับพี่เขย ที่เป็นปลัดขวา ที่อำเภอเมือง ขอนแก่น ช่วงนั้น ทีแรก ท่านอยากรับราชการ แต่ต่อมา ได้เห็น ความเป็นอนิจจัง ของผู้มี ยศฐาบรรดาศักดิ์ จึงได้เปลี่ยน ความตั้งใจ และได้เข้า บรรพชา เป็นสามเณร ที่วัดโพนทอง บ้านบะทอง ซึ่งเป็นวัดมหานิกาย ต่อจากนั้นในพ.ศ. ๒๔๖๓ จึงได้ถวายตัวเป็นศิษย์ของ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต และได้ขอญัตติ เป็นธรรมยุตินิกาย เมื่อวันที่ ๒๑ พ.ค. ๒๔๖๘ ที่วัดโพธิ์สมภรณ์ จ.อุดรธานี โดยมี ท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ เป็นพระอุปัชฌาย์

ครั้น อายุได้ ๒๐ ปี ท่านได้อุปสมบท เป็นพระภิกษุ ณ วัดสิทธิบังคม อำเภอ พรรณานิคม จังหวัด สกลนคร โดยมีพระครูป้อง เป็นอุปัชฌาย์ และเป็นผู้สอน การเจริญกรรมฐาน ตลอดพรรษาแรก

ออกพรรษาแล้ว ท่านกลับมาพำนัก ที่วัดโพนทอง ซึ่งมีพระครูสกลสมณกิจ เป็นเจ้าอาวาส และวิปัสสนาจารย์ นำพระภิกษุฝั้น อาจาโร ออกธุดงคและเจริญภาวนา

ในช่วงชีวิตบรรพชิตของหลวงปู่ ท่านได้ธุดงค์ยังสถานที่ต่างๆ เพื่อเผยแผ่พระธรรม คำสอน จนกระทั่งเป็นที่นับถือศรัทธาของญาติโยมจำนวนมาก และได้รับการได้รับการยกย่องเป็น “อริยสงฆ์” องค์หนึ่ง

มรณภาพ
๔ ม.ค. ๒๕๒๗ อายุ ๗๘ ปี ๕๘ พรรษา

Add a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *