ประเทศที่มีชื่อเสียงในการผลิตไวน์

ประเทศที่มีชื่อเสียงในการผลิตไวน์
o ไวน์ฝรั่งเศส (Frence Wine)
ประเทศฝรั่งเศส นับว่าเป็นประเทศที่มีการผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงและจำนวนมากที่สุ ทั้งนี้เพราะประเทศฝรั่งเศสมีพื้นที่ที่แบ่งออกเป็นอาณาเขตจำนวนมากที่มีการปลูกองุ่น ซึ่งแต่ละเขตก็จะมีการผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงและคุณภาพแตกต่างกันออกไป พื้นที่ของประเทศฝรั่งเศสที่แบ่งออกเป็นอาณาเขต ๆ ที่มีการปลูกองุ่นและมีการผลิตไวน์ ได้แก่
– อาณาเขตบอร์โด (Bordeaux)
เป็นอาณาเขตที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส ที่มีพื้นที่กว้างมากใช้ปลูกองุ่นและมีการผลิตไวน์ ซึ่งไวน์ที่ผลิตจากอาณาเขตบอร์โดนี้มีชื่อเสียงมากกว่า 2,000 ปีแล้ว ไวน์ที่ผลิตในอาณาเขตนี้ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด คือ ไวน์ชนิดคลาเร็ท (Claret) หมายถึง ไวน์แดง (Red Wine) ที่ผลิตในเมืองบอร์โดเท่านั้น ส่วนไวน์แดงที่ผลิตในอาณาเขตบอร์โดที่ผลิตจากเมืองอื่น ๆ ไม่ใช่เมืองบอร์โด เราเรียกว่า ไวน์บอร์โด
เนื่องจากอาณาเขตบอร์โดเป็นอาณาเขตที่มีพื้นที่กว้างมากจึงเป็นสาเหตุให้อาณาเขตบอร์โดถูกแบ่งออกเป็นเขตย่อย ๆ ลงไปอีก 5 เขตใหญ่ ๆ และกับอีก 3 เขตที่มีพื้นที่น้อยกว่า 5 เขตแรก คือ
เขตที่ 1 เขตเมด็อก (Médoc)
เป็นเขตที่อยู่ทางตอนเหนือของอาณาเขตบอร์โด ไวน์ที่ผลิตในเขตนี้ที่มีชื่อเสียงเป็นไวน์แดง ซึ่งในเขตนี้มีบริเวณที่ผลิตไวน์แดงที่ได้รับความนิยมและมีชื่อเสียงมากมีอยู่ 4 บริเวณ คือ บริเวณโปอีลัก (Pauillac), บริเวณแซงยือเหลียง (ST.Juluien), บริเวณมาโก (Margaux) และบริเวณแซงเอสเทฟ (ST.Estephe) ไวน์แดงที่มีชื่อเสียงของเขตนี้ได้แก่
1. ชาโต ลาฟีท (Châteua Lafite)
2. ชาโต ลาตรู (Châteua Latour)
3. ชาโต มาโก (Châteua Margaux)
4. ชาโต มูตง (Châteua Mouton)
5. ชาโต พาลเมร์ (Châteua Palmer)
สำหรับไวน์ที่ผลิตในเขตนี้ยังถูกแบ่งออกเป็นเกรดตามคุณภาพของไวน์นั้น ๆ ซึ่งไวน์ที่ผลิตในเขตนี้แบ่งออกเป็น 5 เกรด คือ
เกรดที่ 1 ได้แก่
– ชาโต ลาฟีท (Châteua Lafite)
– ชาโต มาโก (Châteua Margaux)
– ชาโต ลาตูร์ (Châteua Latour)
เกรดที่ 2 ได้แก่
– ชาโต มูตง โรสซิล (Château – Mouton – Rothschild)
– ชาโต โรซอง กาสซิ (Château – Rauzan – Gassies)
– ชาโต มองโรส (Château Montrosr)
เกรดที่ 3 ได้แก่
– ชาโต เคอวอง (Château Kirwan)
– ชาโต พาลเมร์ (Châteua Palmer)
– ชาโต ซิลกูร์ (Châteua Giscours)
เกรดที่ 4 ได้แก่
– ชาโต แซง พีแอร์ (Châteua Saint – Pierre)
– ชาโต พูเก (Châteua Pouget)
– ชาโต ลาตูร์ การ์เน (Châteua La tour – Carnet)
เกรดที่ 5 ได้แก่
– ชาโต พอนเต การ์เน (Châteua Pontet – canet)
– ชาโต เลอ แตร (Châteua La Tertre)
– ชาโต กองเตอเมร์ (Châteua Cantemerle)
เขตที่ 2 เขตกราว (Graves)
เขตนี้เป็นเขตที่มีความสำคัญรองจากเขตที่หนึ่งเป็นเขตที่อยู่ทางตะวันตกตอนใต้ของเขตเมด็อก สำหรับไวน์ที่มีการผลิตในเขตนี้นั้นมีทั้งไวน์แดง และไวน์ขาว แต่ไวน์ที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมากที่ผลิตในเขตนั้นจะเป็นไวน์ขาว ซึ่งไวน์ขาวที่ผลิตในเขตนี้จะถูกเรียกว่า กราวไวน์ และคุณลักษณะของไวน์ที่ผลิตในเขตนั้จะมีคุณลักษณะที่ใกล้เคียงกับไวน์ที่ผลิตในเขตเมด็อกมาก สำหรับบริเวณในเขตนี้ที่มีการผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงมีอยู่ประมาณ 3 บริเวณ คือ บริเวณแปซัค (Pessac), บริเวณเลอ๊อกน็อง (Léognan) และบริเวณมาร์ตีลัก (Martillac) ไวน์แดงและไวน์ขาวที่ผลิตในเขตนี้และมีคุณภาพชื่อเสียงดีได้แก่
1. ชาโต บุลโก (Châteua Bouscaut)
2. ชาโต โอ เบยี (Châteua Haut – Bailly)
3. ชาโต ลาตูร์ โอ บรีออง (Châteua Latour – Haut – Brion)
4. ชาโต ป๊อบ เคลม็อง (Châteua Pape Clément)
5. ชาโต ลาตูร์ มาร์ตัลัก (Châteua Latour – Martillac)
ไวน์ขาว
1. ชาโต บุลโก (Châteua Bouscaut)
2. ชาโต เครสมอง ลาตูร์ (Châteua Kressmann Latour)
3. ชาโต ลาวิล โอ บรีออง (Châteua Laville – Haut – Brion)
4. ชาโต คูแอง (Châteua Couhins)
เขตที่ 3 เขตโซแตร์น (Sauternes)
เป็นเขตที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเขต Graves และมีบริเวณที่มีการปลูกองุ่นและผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงถึง 5 บริเวณด้วยกันคือ บริเวณโซแตร์น (Sauternes), บริเวณบอมม์ (Bommes), บริเวณฟักเกอร์ (Fargues), บริเวณบาร์ซัค (Barsac) และบริเวณเพลออิยัค (Preignac) ไวน์ที่ผลิตในเขตนี้ที่มีชื่อเสียงมากเป็นไวน์ขาว และไวน์ขาวที่ผลิตในเขตนี้ถือว่าเป็นไวน์ขาวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดจนได้รับสมญานามว่า คิง ออฟ ไวต์ ไวน์ (King of White Wine) ไวน์ที่ผลิตในเขตนี้มีคุณลักษณะรสชาติหวานและเป็นไวน์ที่มีรสชาติหวานกว่าไวน์ที่ผลิตจากเขตอื่น ๆ เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว สำหรับไวน์ที่มีชื่อเสียงที่ผลิตในเขตนี้ ได้แก่
1. ชาโต ดีเคม (Châteua D’Yquem)
2. ชาโต ลาตูร์ บล็อง (Châteua La Tour Blanche)
3. ชาโต คูเต (Châteua Coutet)
4. ชาโต กุยโร (Châteua Guiraud)
5. ชาโต เรียแซก (Châteua Rieussec)
6. ชาโต ลาโมท (Châteua Lamothe)
7. ชาโต เนแร็ค (Châteua Nairac)
8. ชาโต ซูคุยโร (Châteua Suduiraut)
เขตที่ 4 – 5 เขตแซงเออร์มิริอง – เขตปอมรอล (ST.Emilion – Pomerol)
เขตสองเขตนี้อยู่ใกล้กันมาก และเป็นเขตที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเขตบอร์โด เขตทั้งสองนี้มีการผลิตไวน์แดงที่มีชื่อ และเป็นไวน์แดงที่มีลักษณะรสชาติแรงพอสมควร สำหรับไวน์ของทั้งสองเขตนี้ที่มีชื่อเสียง ได้แก่
ไวน์เขตแซงเออร์มิริอง
1. ชาโต โอซ็อง (Châteua Ausone)
2. ชาโต คาน็อง (Châteua Canon)
3. ชาโต เวอวาล บรอง (Châteua Cheval Blanc)
4. ชาโต คูเต (Châteua Coutet)
5. ชาโต เลอ คูวอง (Châteua Le Couvent)
ไวน์เขตปอมรอล
1. ชาโต เพทรูส (Châteua Pètrus)
2. ชาโต ลา เฟลอร์ (Châteua Lafleur)
3. ชาโต ลา ปวง (Châteua Lapointe)
4. ชาโต ลาตูร์ ปอมรอล (Châteua Latour – Pomerol)
5. ชาโต เปอติ วีลาซ (Châteua Petit – Village)
– อาณาเขตเบอร์กันดี (Burgundy)
เป็นอาณาเขตหนึ่งที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีการผลิตไวน์สำหรับเขตที่อยู่ในอาณาเขตนี้ที่มีการปลูกองุ่นและมีการผลิตไวน์นั้นมีอยู่ประมาณ 4 เขตด้วยกัน แต่เขตที่มีการผลิตไวน์ได้ดีที่สุดนั้นก็คือ เขตทรูเบอร์กันดี (True Burgundy) ซึ่งทุกวันนี้รู้จักกันในชื่อเขตโก๊ตดอร์ (Côte D’Or) และเขตนี้จะประกอบด้วยบริเวณสองบริเวณด้วยกันคือ บริเวณโก๊จ เดอ นุย (Côte De Nuits) และบริเวณโก๊ต เดอ โบน (Côte De Beaune)
สำหรับไวน์ที่ผลิตจากเขตโก๊ตดอร์ บริเวณโก๊ตดอร์ เอด นุย นั้นจะเป็นไวน์ที่มีลักษณะรสชาติเข้มข้น และมีกลิ่นขององุ่นมาก จะต้องเก็บไว้ให้นานก่อนที่จะนำมาดื่มได้ ส่วนไวน์ที่ผลิตจากบริเวณโก๊ต เดอ โบน นั้นจะมีลักษณะตรงกันข้ามคือ จะมีลักษณะรสชาติไม่เข้มข้นมาก และมีกลิ่นองุ่นหอม เป็นไวน์ที่ไม่ต้องเก้ฐไว้นานนักก่อนที่จะนำมาดื่ม ไวน์ที่ผลิตจากเขตโก๊ตดอร์นี้มักจะถูกเรียกชื่อตามชื่อของบริเวณที่ทำการผลิต ไวน์ที่ผลิตในเขตโก๊ตดอร์ที่มีชื่อได้แก่
1. โรมาเน กงตี (Romanèe – Conti)
2. โกล เอด วูชัว (Clos De Vougeot)
3. โกล เดอ แตร์ (Clos De Tart)
4. วอลเนย์ (Volnay)
5. เล มูซินิก (Les Musigny)
6. โกล เด ลอมแบร์ (Clos Des Lambray)
7. เล แซง ชอกเชอร์ (Les Saint Georges)
8. เลอ กอร์ตอง (Le Corton)
9. โกล ดู รัว (Clos Du Roi)
10. เล รูเชียง บาส (Les Rugiens – Bas)
ในอาณาเขตเบอร์กันดี จอกจากจะมีเขตโก๊ตดอร์ที่มีการปลูกองุ่นและทำการผลิตไวน์ ยังมีอีกเขตหนึ่งที่มีการปลูกองุ่นและผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงมากก็คือ เขตชาบลี (Chablis) เป็นเขตที่มีการผลิตไวน์และไวน์ที่ผลิตจากเขตนี้มักถูกเรียกชื่อตามบริเวณที่มีการไวน์ชนิดนี้ ไวน์ที่ผลิตจากเขตชาบลีนั้นจะมีคุณลักษณะเฉพาะตัวคือ มีรสชาติจืด นุ่ม และมีสีลักษณะสีทอง สำหรับไวน์ที่ผลิตขากเขตชาบลีที่มีชื่อเสียงมากได้แก่
1. เล โกล (Les Clos)
2. โวเดซีล์ (Vaudésir)
3. วาลมูร์ (Valmur)
4. บรองโช (Blanchots)
5. บูโกส (Bougros)
o ไวน์เยอรมัน (German Wine)
ประเทศเยอรมนี เป็นประเทศหนึ่งที่มีการผลิตไวน์และสามารถส่งออกจำหน่ายต่างประเทศเป็นจำนวนมาก สำหรับพื้นที่บริเวณของประเทศที่มีการปลุกองุ่นมาก คือ บริเวณลุ่มน้ำไรน์ (Rhine) และบริเวณลุ่มน้ำโมเซล (Moselle) และบริเวณทั้งสองนี้ยังแบ่งออกเป็นเขตเล็ก ๆ ลงไปอีก กล่าวคือ บริเวณลุ่มน้ำไรน์ที่มีการปลูกองุ่นยังแบ่งออกเป็นเขตเล็ก ๆ อีก 3 เขต คือ เขตไรน์เกื (Rheingau), เขตไรน์เอสเสน (Rheinhessen) และเขตไรน์พาลส์ (Rheinpfaiz) และบริเวณลุ่มน้ำโมเซล ก็มีการแบ่งพื้นที่ปลุกองุ่นออกเป็นเขตเล็ก ๆ 3 เขตเหมือนกัน คือ เขตตอนเหนือแม่น้ำโมเซล (Upper Moselle), เขตตอนกลางแม่น่ำโมเซล (Middle Moselle) และแขตตอนใต้แม่น้ำโมเซล (Lower Moselle) ไวน์ที่ผลิตมากที่สุดและมีชื่อเสียงของประเทศเยอรมนีจะเป็นไวน์ขาว
– บริเวณลุ่มน้ำไรน์แบ่งออกเป็นเขตที่มีการปลูกองุ่นและผลิตไวน์ดังนี้
เขตไรน์เกา (Rhein Gau)
เป็นเขตที่มีการผลิตไวน์ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองวีสบาเดน (Wiesbaden) ไวน์ที่มีชื่อเสียงที่ผลิตในเขตนี้ ได้แก่
1. ฮัทเทนไฮเมอร์ นุสบรุนเนน (Hattenheimer Nussbrunnen)
2. สไตน์เบอร์เกอร์ (Steinberger)
3. รืดเดสไฮเมอร์ เบอร์ก บรอนเนน (Rüdesheimer Berg Bronnen)
4. ไฮคไฮเมอร์ ดอมเดคฮันเน (Hochheimer Domdechaney)
5. ชลอส โฟลลาส (Schloss Vollrads)
เขตไรน์เอสเสน (Rheinhessen)
เป็นเขตที่อยู่ทางตอนใต้ของเขตไรน์เกาที่มีการผลิตไวน์ที่มีรสชาติอ่อนกว่าไวน์ของเขตไรน์เกา และไวน์ที่มีชื่อที่ผลิตในเขตนี้ ได้แก่
1. บินเกอ ชลาลาคแบรก์ (Binger Schlarlachberg)
2. เนียสไตนเนอร์ เรบาค (Niersteiner Rehbach)
3. นาคเคนไฮเมอร์ โรแทนแบรก์ (Nackenheimer Rotenberg)
4. ออฟเพน ไฮเมอร์ สไตค์ (Oppenheimer Steig)
5. วอร์มเซอร์ ลีบฟราวเอนชตีเวน (Wormser Lieofrauenstiftswein)
เขตไรน์ฟาลส์ (Rheinpfalz)
เป็นเขตที่อยู่ทางตอนใต้ของเขตไรน์เอสเสนที่มีการผลิตไวน์ และไวน์ที่ผลิตในเขตนี้ที่มีชื่อ และมีคุณลักษณะรสชาติหวานกว่าไวน์ที่ผลิตจากเขตอื่น ได้แก่
1. ฟอรสเตอ อุนเกฮอยเออร์ (Forster Ungeheuer)
2. ไดเดสไฮเมอร์ คีเซลแบรก์ (Deidesheimer Kieselberg)
3. รูปแพทสแบรเกอร์ นูสบีน (Ruppertsberger Nussbien)
4. เดริกไฮเมอร์ มิเชลส์แบรก์ (Durkheimer Michelsberg)
5. วาคเชนไฮเมอร์ เกรึมเพล (Wachenheimer Gerümpel)
– บริเวณลุ่มน้ำโมเซล เป็นไวน์ที่คุณลักษณะรสชาติจืด สีดี และมีกลิ่นหอม ไวน์ที่ผลิตจากบริเวณนี้ที่มีชื่อ ได้แก่
1. พีสปอตเตอร์ กุนเตอสเล (Piesporter Gunterslay)
2. บราวเนแบร์เกอร์ จุฟเฟอร์ (Brauneberger Juffer)
3. เวเลนเนอร์ ซอนเนนอัว (Wehlener Sonnenuhr)
ไวน์ที่ผลิตจากประเทศเยอรมนีทั้งสองบริเวณนี้ คือไวน์ที่ผลิตจากลุ่มน้ำไรน์ และไวน์ที่ผลิตจากลุ่มน้ำโมเซล ถ้าจะสังเกตถึงความแตกต่างของไวน์ที่ผลิตจากบริเวณที่ต่างกันนั้น นอกจากจะทดสอบได้จากรสชาติของไวน์แล้ว สิ่งที่สังเกตได้และทำให้ทราบว่าไวน์นั้นผลิตมาจากบริเวณใดก็คือ สีของขวดที่ใช้บรรจุ กล่าวคืด ถ้าเป็นไวน์ที่ผลิตจากบริเวณลุ่มน้ำไรน์ หรือไรน์ไวน์ จะบรรจุในขวดสีน้ำตาล แต่ถ้าเป็นไวน์ที่ผลิตจากบริเวณโมเซล หรือโมเซลไวน์นั้น จะบรรจุขวดที่มีสัเขียวเข้ม
o ไวน์อิตาเลียน (Italian Wine)
ประเทศอิตาลีเป็นประเทศหนึ่งที่มีการผลิตไวน์เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้เนื่องจากประเทศอิตาลีเป็นประเทศที่มีพื้นที่ปละภูมิอากาสที่เหมาะสมกับการปลูกองุ่นมาก จึงทำให้ประเทศอิตาลีมีการปลูกองุ่นมาก และแบ่งเขตที่ปลูกองุ่นออกเป็นหลายเขต ซึ่งแต่ละเขตก็จะมีการผลิตไวน์ด้วย ไวน์ที่มีการผลิตในประเทศจะมีการผลิตทั้งไวน์แดง และไวน์ขาว มีคุณลักษณะเป็นไวน์ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์สูง และมีรสชาติจืด แต่ไวน์ของประเทศอิตาลีที่ได้รับความนิยมและมีชื่อเสียงจะเป็นไวน์แดง สำหรับบริเวณพื้นที่หรือเขตของประเทศอิตาลีที่มีการปลูกองุ่นมากนั้นมีประมาณ 12 เขตด้วยกัน คือ
– เขตพีมอง (Piedmont)
เขตนี้เป็นเขตที่มีการผลิตไวน์มากและไวนืที่ผลิตจากเขตนี้จะเป็นไวน์แดงที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของไวน์อิตาลี เช่น ไวน์แดงบาโรโล (Barolo) เป็นไวน์แดงที่มีชื่อเสียงมากที่สุด จัดว่าเป็นไวน์ชนิดหนึ่งที่ถือว่าเป็น King of Wine เป็นไวน์ที่มีคุณภาพดี มีสีแดงทับทิม รสชาตินุ่มมีกลิ่นหอม, ไวน์บาร์บาเรสโก (Barbaresco), ไวน์บาเบรา (Barbera), ไวน์เนบไบโอโล (Nebbiolo) เป็นต้น ในเขตนี้นอกจากจะมีการผลิตไวน์แดงที่มีชื่อแล้ว ยังมีการผลิตไวน์ชนิดสปาร์กลิง ไวน์ (Sparkling Wine) ที่มีชื่อพอสมควร เช่น Asti Spumante เป็นไวน์ที่มีสีเหลืองทองอ่อน ๆ มีกลิ่นหอมและรสชาติดี
– เขตลอมบาร์ดี (Lombardy)
เขตนี้มีการผลิตไวน์แดงและไวน์ทั้งสองชนิด ไวน์ที่มีชื่อเสียงของเขตนี้จะมาจากบริเวณซันดริโอ (Sondrio) ซึ่งในปัจจุบันถูกเรียกกันว่า วอลเทลลินา (Valtellina) เป็นไวน์ที่มีสีทับทิมอ่อน และมีกลิ่นหอม รสชาติดี ไวน์ของเขตนี้ที่มีชื่อ ได้แก่ ไวน์แซสเซลลา (Sassella) และไวนือินเฟอร์โน (Inferno) เป็นต้น
เขตวีโรนา (Verona)
เขตนี้มีการผลิตทั้งไวน์แดงและไวนืขาว ลักษณะของไวน์แดงของเขตนี้จะมีรสหวาน แต่ลักษณะของไวน์ขาวนั้นจะมีสีใสและจืด ไวน์ที่ผลิตในเขตนี้มีจำนวนไม่มากนัก
เขตอิมอเลีย (Emilia)
ไวน์ที่ผลิตในเขตนี้สส่วนมากเป็นสปาร์กลิง ไวน์ โดยเฉพาะสปาร์กลิง เรด ไวน์ (Sparkling Red Wine)
เขตทัสคานี (Tuscany)
ในเขตนี้มีบริเวณที่ผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียง คือ บริเวณทอสคาโน (Toscano) ไวน์ที่มีชื่อที่ผลิตในเขตนี้คือ Chianti เป็นไวน์ที่ผลิตมาจากองุ่นหลายชนิด ไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์แดงที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ 10 – 13 ดีกรี นอกจากนี้ในเขตนี้ก็มีการผลิตไวน์ขาวด้วย
เขตอัมเบรีย (Umbria)
ในเขตนี้ไม่ค่อยมีการผลิตไวน์มากนัก ไวน์ที่มีชื่อในเขตนี้เป็นไวน์ขาว คือไวน์ออร์วีโต (Orvieto) เป็นไวน์ที่มีดีกรีแอลกอฮอล์สูง มีกลิ่นขององุ่นแรง แต่มีรสชาติจืด
เขตลาเทียม (Latium)
เขตนี้มีการผลิตไวน์ขาวมากกว่าไวน์แดง แต่เป็นไวน์ที่ไม่ค่อยมีชื่อมากนัก
เขตแคมพาเนีย (Campania)
เขตที่มีการผลิตทั้งไวน์แดงและไวน์ขาว เช่น ไวน์ฟาเลอร์โน (Falerno Wine)
เขตอะพูเลีย (Apulia)
เป็นเขตหนึ่งที่มีการปลูกองุ่นได้ดี และนำไปผลิตไวน์ ไวน์ที่ผลิตจากเขตนี้จะเป็นไวน์ที่มีดีกรีแอลกอฮอล์สูง และมักลิ่นหอม
เขตคาลาเบรีย (Calabria)
เขตนี้มีบริเวณกว้างพอสมควร เขตนี้มีการผลิตไวน์ที่เป็นเดสเสิร์ตไวน์ (Dessert Wine) และเทเบิลไวน์ (Table Wine) เช่น กรีโค ได แกเรส (Greco Di Gerace) และสาวูโต (Savuto) เป็นต้น
เขตสิซิลี (Sicily)
เขตนี้เป็นเขตที่มีการผลิตไวน์ชนิดไวน์แดง แลไวน์ขาว เช่น ไวน์โคร์โว (Corvo) และยังมีเหล้าที่ไม่ได้เรียกว่าไวน์ แต่เป็นไวน์ของประเทศอิตาลีที่ผลิตในนี้คือ มาร์ซาลา (Marsala)
เขตซาร์ดิเนีย (Sardinia)
เขตนี้มีการผลิตไวน์ที่เป้น Dessert Wine ที่มีชื่อมากกว่าไวน์ประเภท Table Wine เช่น ไวน์มาลวาเซียร์ (Malvasia) เป็นไวน์ขาว และเกอโร ได ซาร์เดนา (Giro Di Sardegna) เป็นไวน์แดง เป็นต้น
ข้อสังเกต ไวน์ที่ผลิตจากประเทศอิตาลีหรือที่เรียกว่า อิตาเลียน ไวน์นั้น ถ้าดูจากลักษณะภายนอกจะเห็นว่าเป็นไวน์
ที่มีการบรรจุขวดพิเศษกว่าไวน์ที่ผลิตจากประเทศอื่น ๆ กล่าวคือ ไวน์ที่ผลิตจากแระเทศอิตาลี ขวดที่
บรรจุจะมีฟางหุ้มอยู่รอบ ๆ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของไวน์ของประเทศอิตาลี
o ไวน์อเมริกา (American Wine)
ประเทศอเมริกาเป็นประเทศหนึ่งที่มีการผลิตไวน์เป็นจำนวนมากในปัจจุบัน ทั้งนี้เพราะประเทศอเมริกามีพื้นที่ปลูกองุ่นเป็นจำนวนมาก เกือบทั่วทุกภาคของประเทศ โดยเฉพาะอเมริกาตอนเหนือเป็นภาคที่กำเนิดของไวน์ของอเมริกา และยังเป็ฯภาคที่มีพื้นที่อุดมสมบูรณ์ดีเหมาะกับการทำไร่องุ่น ดังนั้นไวน์ของประเทศอเมริกาส่วนมากจะผลิตมาจากภาคนี้ นอกจากนั้นภาคอื่น ๆ ที่มีการทำไร่องุ่น และมีการผลิตไวน์ก็ยังมีอีก เช่น อเมริกาตะวันออก และอเมริกาตะวันตก ซึ่งในแต่ละภาคก็มีหลายเขตหรือหลายบริเวณที่มีการทำไร่องุ่นและทำการผลิตไวน์ และถ้าจะรวมพื้นที่ที่มีการทำไร่องุ่นของประเทศอเมริกาแล้วนับว่าเป็นประเทศทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย เช่น มาริน (Marin), โซโนมา (Sonoma), นาปา (Napa), โซลาโน (Solano), คอนตราคอสตา (Contra Costa), อลามีดา (Alameda), ซานตาแคลร์ (Santa Clace), ซานตาครูซ (Santa Cruz) และซานมาตีโอ (Sanmateo) แต่ถ้าเป็นรัฐต่าง ๆ ที่มีการปลูกองุ่นและมีการผลิตไวน์ของประเทสอเมริกานั้น จะมีอยู่หลายรัฐ เช่น รัฐแคลิฟอร์เนีย, รัฐนิวยอร์ก, รัฐโฮไฮโอ, รัฐมิชิแกน, รัฐแมรีแลนด์, รัฐโอรีกอน, รัฐวอชิงตัน, รัฐอริโซนา และรัฐจอร์เจีย เป็นต้น สำหรับไวน์ที่ผลิตแต่ละรัฐนั้นที่มีคุณภาพดี มีชื่อเสียงและส่งจำหน่ายต่างประเทศนั้นจะเป็นไวน์ของแคลิฟอร์เนีย ส่วนไวน์ของรัฐดื่น ๆ มักจะผลิตไว้ดื่มภายในประเทศ
– ไวน์ของแคลิฟอร์เนีย (California Wine)
แคลิฟอร์เนียเป็นรัฐ ๆ หนึ่งที่มีการผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงมาประมาณ 20 ปีมาแล้ว และเป็นรัฐที่มีการผลิตไวน์มากที่สุดของประเทศอเมริกา กล่าวคือ เป็นรัฐที่ผลิตไวน์ประมาณ 75%ของไวน์ทั้งหมดในประเทศอเมริกา ไวน์ที่ผลิตนั้นจะเป็นทั้งไวน์แดง, ไวน์ขาว, โรเซ่ไวน์ และสปาร์กลิงไวน์ และเป็นไวน์ที่คนอเมริกำนนิยมดื่มกันมากในประเทศ และนอกจากนั้นยังสามารถส่งออกขายยังประเทศอื่น ๆ ด้วย ซึ่งไวน์ของแคลิฟอร์เนียนี้เป็นไวน์ที่มีคุณภาพดีที่สุด และได้รับความนิยมมากที่สุดของประเทศอเมริกา ถ้าเปรียบเทียบกับไวน์ที่ผลิตจากรัฐอื่น ๆ สำหรับรสชาติขิงไวน์แคลิฟอร์เนียนี้จะมีรสหวาน ทั้งนี้ เพราะองุ่นที่นำมาผลิตนั้นมีปริมาณน้ำตาลอยู่สูง เพราะรัฐแคลิฟอร์เนียพื้นที่ใช้ปลูกองุ่นจะมีอากาศร้อน ซึ่งทำให้องุ่นที่ปลูกมีปริมาณน้ำตาลอยู่สงกว่าองุ่นที่ปลูกจากรัฐอื่น ๆ ซึ่งภูมิอากาศแตกต่างจากรัฐแคลิฟอร์เนีย
สำหรับพื้นที่รัฐแคลิฟอร์เนียที่มีการปลูกองุ่นและมีการผลิตไวน์นั้นสามารถแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ
1. ชายฝั่งทะเลทางภาคเหนือ (The North Coast) ศูนย์กลางอยู่ที่รอบ ๆ เมืองซานฟรานซิสโก ซึ่งเป็นเขตที่มีการผลิตไวน์ได้ดีโดยเฉพาะ Dry Table Wine
2. ชายฝั่งทะเลทางภาคใต้ (The South Coast) ตั้งแต่เมืองซานเฟอร์นานโด จนถึงเมืองซานเบอร์นาดิโอ ในเขตนี้จะมีการผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงของพวกไวน์แดง และเหล้าเชอร์รี (Sherry) ชื่อ Scuppernong
3. แคลิฟอร์เนียตอนกลาง (Interior Valleys) เป็นเขตที่มีการปลูกองุ่นที่มีคุณภาพเหมือนกับทางยุโรปได้
ไวน์ของอเมริกาที่มีชื่อเสียง และส่งออกจำหน่ายยังต่างประเทศนั้นจะเป็น California Wine แต่มิได้หมายความว่าประเทศอเมริกาจะมีการผลิตไวน์เพียงแต่รัฐแคลิฟอร์เนียเท่านั้น แต่ยังมีรัฐอื่นอีกที่มีการผลิตตามที่ได้กล่าวมาแล้วเป็นจำนวนไม่น้อย แต่มักจะจำหน่ายภายในประเทศ เช่น นิวยอร์กไวน์ หรือวอชิงตันไวน์ เป็นต้น
o ไวน์ออสเตรเลียน (Australian Wine)
ประเทศออสเตรเลีย เป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีการผลิตไวน์ที่มีชื่อหลายชนิด ซึ่งเป็นทั้งไวน์แดง และไวน์ขาวที่ส่งจำหน่ายต่างประเทศ ไวน์ของออสเตรเลียที่มีชื่อเช่น Australain Hock เป็นไวน์ที่มีรสเปรี้ยว มีปริมาณดีกรีแอลกอฮอล์ไม่สูง, Australian Chablis เป็นไวน์ที่มีปริมาณดีกรีแอลกอฮอล์สูง และมีสีเข้ม, Australian Sauternes เป็นไวน์ของประเทศออสเตรเลียที่มีชื่อเสียงมาก และ Australian Burgundy เป็นไวน์ที่มีปริมาณดีกรีของแอลกอฮอล์อยู่สูง
o ไวน์ประเทศอื่น ๆ
– เหล้าเชอร์รี (Sherry) เป็นเหล้าองุ่นที่ผลิตในประเทศสเปน ที่มีลักษณะรสชาติหวานจึงทำให้ถูกเรียกเป็น Dessert Wine เนื่องจากในการผลิตเหล้าเชอร์รีมีการเพิ่มความหวานลงไปในเหล้าองุ่นในขณะเกิดการหมักเหล้าเชอร์รีก่อนที่จะส่งจำหน่ายหรือนำมาดื่มนั้นจะต้องเก็บไว้นานถึง 5 ปีเป็นอย่างน้อย สำหรับปริมาณดีกรีแอลกอฮอล์ของเหล้าเชอร์รีนี้ประมาณ 20 – 22 ดีกรี สำหรับประโยชน์ของเหล้าเชอร์รีได้แก่
1. ใช้ดื่มเป็นเหล้าก่อนอาหาร
2. ใช้ดื่มพร้อมกับอาหาร
3. ใช้ในการผสมเครื่องดื่ม Cocktail
4. ใช้ในการประกอบอาหารบางชนิด
– เหล้ามาลากา (Malaga) เป็นเหล้าองุ่นที่ผลิตในประเทศสเปนชนิดหนึ่งเช่นเดียวกับเหล้าเชอร์รี และเป็นเหล้าองุ่นที่รสชาติหวาน จึงจัดเป็น Dessert Wine อีกชนิดหนึ่ง แต่ปริมาณดีกรีแอลกอฮอล์ของเหล้ามาลากาอาจจะต่ำกว่าเหล้าเชอร์รีบางชนิด กล่าวคือ เหล้ามาลากาจะมีปริมาณดีกรีแอกอฮอล์ประมาณ 18 – 20 ดีกรี สำหรับประโยชน์ของเหล้ามาลากานั้นจะน้อยกว่าเหล้าเชอร์รี คือ เหล้ามาลากานั้นส่วนมากจะใช้ดื่มเป็นเหล้าก่อนอาหาร
– เหล้าพอร์ต (Port) เป็นเหล้าองุ่นหวานที่ผลิตในประเทศโปรตุเกสซึ่งมีวิธีการผลิตเช่นเดียวกับเหล้าเชอร์รี แต่ระยะเวลาในการเก็บจะสั้นกว่าเหล้าเชอร์รี คือ เหล้าพอร์ตจะเก็บไว้ประมาณ 2 ปีก็ใช้ได้ ประมาณดีกรีแอลกอฮอล์ของเหล้าพอร์ตก็เท่า ๆ กับปริมาณดีกรีแอลกอฮอล์ของเหล้าเชอร์รี สำหรับประโยชน์ของเหล้าพอร์ตนั้นก้คือ
1. ใช้ในการผสมเครื่องดื่ม Cocktail โดยเฉพาะพวกคอบเบลอร์ และพวกฟลิพ
2. ใช้ดื่มประกอบกับพวกเนยแข็งชนิดต่าง ๆ
3. ใช้ในการประกอบการทำอาหารบางชนิด
– เหล้ามาร์เดียรา (Madeira) เป็นเหล้าองุ่นอีกชนิดหนึ่งที่มีชื่อของประเทศโปรตุเกส เป็นเหล้าองุ่นที่เก็บไว้นาน มีลักษณะสีใส ขาว และมักลิ่นหอมมาก มีปริมาณดีกรีแอลกอฮอล์ประมาณ 18 – 22 ดีกรี สำหรับประโยชน์นั้นได้แก่
1. ใช้ดื่มก่อนอาหาร
2. ใช้ดื่มประกอบกับซุป
3. ใช้ประกอบในการปรุงอาหารได้หลายชนิด เช่น ซุป และพวกซอส เป็นต้น
– เหล้ามาร์ซาลา (Marsala) เป็นเหล้าองุ่นชนิดหนึ่งของประเทศอิตาลี และยังจัดเป็นเหล้าองุ่นที่ดื่มแล้วทำหมีกำลังดีขึ้น เมื่อดื่มผสมกับไข่แดง เหล้ามาร์ซาลาจะมีวิธีการทำที่แปลก คือนำเหล้าองุ่นที่ได้แล้วใส่ถังไม้ นำไปตากแดดกลางแจ้ง ซึ่งจะทำให้เหล้าองุ่นมีกลิ่นดี ส่วนปริมาณดีกรีแอลกอฮอล์ของเหล้ามาร์ซาลาประมาณ 18 – 20 ดีกรี เหล้าชนิดนี้มักจะใช้ดื่มก่อนอาหาร และใช้ดื่มเป็นเหล้ายาชูกำลัง

Add a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *