ประวัติ SONY ตอน 2
|ประวัติ SONY ตอน 2 : ช่วงเริ่มต้นธุรกิจ
ช่วงเริ่มต้นธุรกิจ
เมื่อโมริตะเดินทางมาถึงโตเกียวก็ทำงานสอนในมหาวิทยาลัยรวมถึงทำงานบริษัทไปด้วย โดยร่วมจัดตั้งบริษัทขึ้นมาในปี 1946 ชื่อ “ บริษัท วิศวกรรมโทรคมนาคมแห่งโตเกียว “ ซึ่งโมริตะได้เสี่ยงมากเนื่องจากเขาจะเป็นผู้สืบทอดกิจการของที่บ้านอยู่แล้ว แต่กลับมาโตเกียวตามลำพังเพื่อหาธุรกิจใหม่ อย่างไรก็ตามเนื่องจากเป็นบริษัทใหม่จึงต้องกลับไปยืมบริษัทพ่อเขาหลายครั้งโดยออกหุ้นให้แทน สถานที่ตั้งของบริษัทในช่วงแรกคือซากของห้างสรรพสินค้าที่ถูกระเบิดนั่นเอง และหลังจากสอนในมหาวิทยาลัยได้ไม่นานเขาก็ลาออกมา แน่นอน บริษัทของเขาต้องการทำในธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยเขาต้องทำหน้าที่ทุกอย่างทั้งส่งขึ้นรถ ขับรถหรือส่งเอกสาร เริ่มต้นได้เริ่มทำเครื่องบันทึกเสียงโดยใช้เส้นลวด แต่เนื่องจากไม่ทราบว่าโชคดีหรือร้าย บริษัทที่ทำเส้นลวดบางนี้ได้ไม่ยอมขายให้เนื่องจากเป็นบริษัทเล็ก และทำให้บริษัทของโมริตะไปพัฒนาในการใช้เทปแทน ซึ่งมีข้อดีกว่าการใช้ลวดบันทึกเสียงมากมายเพราะสามารถตัดต่อได้ ซึ่งเครื่องบันทึกเทปนั้นหัวใจอยู่ที่เทปซึ่งทั้งโมริตะและอิบุกะได้ทำการทดลองมาอย่างอดทนและในที่สุดก็สามารถเครื่องเล่นเทปได้
การที่คิดว่าเมื่อเราสามารถผลิตของดีได้แล้วจะทำให้เราสามารถขายได้มากเสมอ ความคิดนี้ผิดทันทีถ้าเราไม่สามารถแสดงให้เห็นได้ว่าสินค้าเรามีคุณค่าอย่างไร เมื่อเขาสามารถผลิตเครื่องเล่นเทปและเทปได้แต่คนส่วนใหญ่ไม่ซื้อ เนื่องจากมันเป็นของใหม่ที่คนทั่วไปไม่รู้จัก อาจเป็นเพราะว่ามันใหญ่และแพงเช่นนั้นหรือ ในที่สุดเขาก็พบว่าเนื่องจากคนไม่เห็นคุณค่ามันมากกว่า ดังนั้นเขาจึงไปสาธิตในที่ต่าง ๆ เช่น ศาล เพื่อใช้ในการบันทึกคำให้การแทนการจดชวเลขของเจ้าหน้าที่ การใช้ช่วยในการฝึกการออกเสียงภาษาอังกฤษ นอกจากนี้เขายังลดขนาดที่เทอะทะของมันให้เล็กลงและทำให้ราคาถูกลง ดันั้นสินค้าของเขาจึงขายได้เมื่อความต้องการมากขึ้นเขาจึงต้องขยายและย้ายบริษัทไปอยู่ในตัวเมือง และขอซื้อลิขสิทธิ์แรงดันไฟฟ้า AC ของ NEC เพื่อมาปรับปรุงเครื่องเล่นเทปของเขาอีกทางหนึ่งด้วย
เครื่องบันทึกเทปขายดีมากและเขาได้เดินทางไปอเมริกาเพื่อดูงานและได้ซื้อลิขสิทธิ์สิ่งประดิษฐ์ของ Bell Lap ในอเมริกาที่ชื่อว่า “ ทรานซิสเตอร์ “ กลับมาด้วยและเขาได้พัฒนามันเพื่อนำมาช่วยในการได้เสียงเหมือนจริงระดับสูง ( High Fidelity ) โดยการควบคุมความถี่เสียง แน่นอนว่ามันจะเข้ามาแทนที่หลอดสูญญากาศที่มีขนาดใหญ่เทอะทะ ในเมื่อมันเล็กกว่ามันก็จะสามารถเล่นได้นานกว่ามื่อเทียบกับแบตเตอรี่ขนาดเดียวกัน ซึ่งพัฒนาการเพิ่มกำลังของทรานซิสเตอร์ของเขา โดยการอาบฟอสฟอรัสในแผ่นเจอร์มาเนียมและได้ผลเป็นที่น่าพอใจในเวลาต่อมา
จากการที่บริษัทเขาใหญ่ขึ้น และการออกไปดูงานต่างประเทศทำให้เขารูสึกว่าชื่อบริษัทยาวเกินไป และต้องการเปลี่ยนมันรวมถึงสัญลักษณ์ที่ทำให้ผู้บริโภคสามารถจำได้ และจากการคัดเลือกรวมถึงการออกเสียงแล้ว ในที่สุดเขาก็ได้ชื่อออกมาคือ “ SONY “ ในปี 1953 นี้เองรวมไปถึงตราสัญลักษณ์ก็ใช้เหมือนชื่อโดยเป็นตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ตลอดมา