จิตตกจากตกงาน ทำร้ายสุขภาพระยะยาว
จิตตกจากตกงาน ทำร้ายสุขภาพระยะยาว
• สุขภาพใจ
• เรื่องเด่น
ผลกระทบมากกว่าคนทำงานถึง 2 เท่าตัว
ใครๆ ก็คงพอนึกออกว่าการตกงานนั้นมันแย่ขนาดไหนโดยไม่จำเป็นต้องรอให้การวิจัยที่ไหนมายืนยัน ยิ่งผู้กำลังตกอยู่ในชะตากรรมนั้นในขณะนี้ด้วยแล้วย่อมรู้ซึ้งดี แต่ข่าวที่ร้ายแรงยิ่งกว่าก็คือผลข้างเคียงของความเครียดซึ่งมากับการว่างงานนั้นสามารถทำให้คนล้มป่วยด้วยโรคทางกายได้หลายชนิด และถึงแม้จะได้งานใหม่ภายหลัง ผลเสียต่อสุขภาพนั้นก็ยังคงอยู่
ไม่ว่าจะตกงานด้วยเหตุผลได้ก็ตาม ถูกไล่ออกโดนเลิกจ้าง หรือกระทั่งบริษัทต้องปิดตัวลงอย่างที่กำลังเกิดขึ้นมากมายทั่วโลกจากพิษเศรษฐกิจในขณะนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ เคท สตรูลลี่ ซึ่งเป็นนักสังคมวิทยาอยู่ที่มหาวิทยาลัย สเตท ยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ นิวยอร์ก และเป็นนักวิจัยให้กับโรงเรียนการสาธารณสุขแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ศึกษาพบว่าล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพกายตามมาด้วยทั้งสิ้นในช่วงกว่า 1 ปีหลังจากนั้น
เพื่อพิสูจน์ข้อสังเกตที่มีมายาวนานว่าการว่างงานกับปัญหาสุขภาพมีความเกี่ยวข้องกัน แต่ไม่เคยมีใครยืนยันมาก่อนว่าคนตกงานเพราะปัญหาสุขภาพ หรือปัญหาสุขภาพเป็นผลโดยตรงจากการตกงาน นักวิจัยท่านนี้จึงเลือกศึกษาเฉพาะคนที่มีสุขภาพแข็งแรงปกติและต้องถูกออกจากงานด้วยปัจจัยที่เหนือ การควบคุมของพวกเขา เป็นต้นว่าการถูกเลิกจ้างจากปัญหาทางการเงินของบริษัท
ผลการศึกษาจากฐานข้อมูลที่รวบรวมมาจากการสำรวจสภาพการจ้างงานของประชากรทั่วประเทศในสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 1999, 2001 และ 2003 รวมถึงรายงานเรื่องสภาวะสุขภาพของคนเหล่านั้น นักวิจัยท่านี้พบว่า คนว่างงานมากถึง 80% ถูกวินิจฉัยว่ามีปัญหาสุขภาพใหม่เกิดขึ้นในอีก 18 เดือนให้หลัง โรคที่ตรวจพบ ได้แก่ ความดันโลหิตสูง หัวใจ และเบาหวาน เป็นต้น
แต่สิ่งที่น่าตกใจมากกว่านั้นคือ ผลกระทบต่อสุขภาพของคนตกงาน ซึ่งถึงแม้จะสามารถหางานใหม่ได้ในระยะเวลาไม่นานนัก ก็ยังพบว่าเกิดปัญหาสุขภาพใหม่ๆ ตามมาในช่วงเวลาเก่าๆ กันเช่นกัน
หากจะเปรียบเทียบระหว่างคนกลุ่มผู้ใช้แรงงานกับกลุ่มคนทำงานที่ใช้ความรู้ความสามารถ พบว่ากลุ่มผู้ใช้แรงงานที่ตกงานเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบต่อสุขภาพรุนแรงที่สุด ทั้งทางกายและจิตใจ โดยได้รับผลกระทบมากกว่ากลุ่มทำงานที่ใช้ความรู้ความสามารถถึง 2 เท่าตัว
ถึงแม้ว่าการวิจัยชิ้นนี้จะยังไม่ได้ศึกษาลึกลงไปถึงปัจจัยที่ทำให้เกิดความแตกต่างกันระหว่างกลุ่มผู้ใช้แรงงานกับกลุ่มคนทำงานออฟฟิศ แต่คุณสตรูลลี่สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเรื่องของผลกระทบทางการเงินที่เกิดจากการสูญเสียรายได้ เพราะคนที่ใช้แรงงานมักมีโอกาสในการหาที่พึ่งทางการเงินสำรองน้อยกว่าในยามที่ไม่มีรายได้ประจำ
การจิวัยของคุณสตรูลลี่ยังพบด้วยว่าความเครียดอันเป็นผลพวงจากการตกงานทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนหลายอย่างซึ่งเป็นผลเสียต่อร่างกาย เป็นต้นว่า ทำให้เกิดการอักเสบต่างๆ ในร่างกาย นำไปสู่หลอดเลือดสมองแตก ความดันสูง และโรคหัวใจ
งานวิจัยนี้ยังพบด้วยว่าการตกงานทำให้คนมีพฤติกรรมส่วนตัวเปลี่ยนไปในทางที่ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ เช่น ออกกำลังกายน้อยลงหรือเลิกออกไปเลย รับประทานอาหารมากขึ้นกว่าเดิม เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคทั้งทางกายและทางใจของผู้ตกงาน แต่ปัจจัยเรื่องพฤติกรรมเหล่านี้ยังเป็นเรื่องที่สามารถควบคุมได้โดยคุณสตรูลลี่แนะนำว่าการควบคุมเรื่องอาหารการกินและออกกำลังกายสม่ำเสมอน่าจะเป็นตัวช่วยที่ดีในการรับมือกับปัญหานี้
ผลของการวิจัยที่ใช้กลุ่มตัวอย่างจำนวนทั้งสิ้น 8,125 คนนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการด้านประชากรศาสตร์ Demography
ผู้ช่วยศาสตราจารย์สตรูลลี่ยืนยันว่าปัญหาสุขภาพทางกายที่เกิดใหม่ของผู้ที่ตกงานนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจากปัญหาสุขภาพที่มีก่อนหน้าจะตกงานแต่อย่างใด โดยจะเห็นได้จากว่ากลุ่มของคนที่ยังคงมีงานทำอยู่อย่างต่อเนื่องมีอัตราการเกิดโรคเหล่านี้น้อยถึงน้อยมาก เพียงแค่ 6% เท่านั้น และสำหรับคนตกงานที่สามารถหางานทำใหม่ได้ในระยะเวลา 1 ปี ถึง 1 ปีครึ่งก็ยังคงมีความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นใหม่เหล่านี้ได้ในอัตรา 1 ใน 10 หรือ 10%
ด้านศาสตราจารย์ เดวิด อาร์ วิลเลียมส์ จากโรงเรียนจากสาธารณสุขของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการวิจัยนี้เลยให้ความเห็นว่า ผลการวิจัยนี้น่าจะเป็นสิ่งย้ำเตือนที่ดีว่าความเครียดนั้นมีผลเสียต่อสุขภาพทั้งทางกายและทางใจอย่างใหญ่หลวง
ที่มา : จดหมายข่าวชุมชนคนรักสุขภาพ ฉบับสร้างสุข เดือนมิถุนายน 2552