ก้าวไกลวิสัยทัศน์ : เมื่อต้องทำงานกับคนชอบหักหลัง

ก้าวไกลวิสัยทัศน์ : เมื่อต้องทำงานกับคนชอบหักหลัง

โดยปกติแล้ว คนเราให้ความเชื่อถือกับผู้คนที่ทำงานอยู่ร่วมกันเสมอ ถ้าไม่ออกอาการใดๆ ให้เห็นกันอย่างชัดเจนแล้ว ผู้คนมักจะไม่ระแวงว่าคนที่ทำงานอยู่ด้วยกันนั้นจะหักหลังตนเองได้ หลายคนเชื่อคำบอกกล่าวของคนอื่นโดยไม่คิดว่าจะเป็นการหลอกลวง ด้วยเหตุนี้เอง คนทรยศจึงได้เปรียบคนดีที่ตั้งใจมองคนอื่นแต่ในแง่ดี คนทรยศสร้างความเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำอีกให้กับคนที่มองผู้อื่นแต่ในแง่ดี เสมือนคนดีไม่รู้จักเรียนรู้ คนดีไม่เคยจดจำ คนทรยศจำนวนไม่น้อยจึงยังปรากฏให้เห็นในแทบทุกวงการ เราจึงไม่มีทางเลี่ยงที่จะหนีไปให้ไกลจากคนที่มีนิสัยชอบทรยศหักหลังได้ ถ้าโชคดีพบน้อยหน่อยก็ดีไป ดังนั้น ทักษะในการสังเกตว่ากำลังทำงานกับคนชอบหักหลังหรือไม่ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นเสียแล้วในวันนี้ เห็นได้จากการที่มีตำราและการวิจัยเกี่ยวกับความเชื่อถือ และการทรยศหักหลังออกมาให้เห็นอยู่มากมายหลายภาษา
การทรยศหักหลังเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับการสร้างความเชื่อถือให้เกิดขึ้นในระหว่างกัน ถ้าต่างคนต่างเชื่อถือกันอย่างจริงใจแล้วการทรยศหักหลังย่อมไม่เกิดขึ้น คนทรยศไม่พูดความจริงและมักกล่าวถ้อยคำที่เป็นเท็จอยู่เสมอ และด้วยพฤติกรรมโกหกเป็นประจำนี้เอง ที่จะช่วยให้เราสามารถแยกแยะคนที่มีโอกาสจะหักหลังเราได้ในวันหน้า ใครก็ตามแต่ที่เราทำงานด้วยแล้วเห็นว่าการโกหกในเรื่องเล็กน้อยเป็นเรื่องธรรมดา และชอบโกหกอยู่เสมอๆ คนคนนั้น มีโอกาสสูงมากที่จะหักหลังเราได้ในวันหน้า ในทางตรงข้าม ถ้าอยากได้รับความเชื่อถือจากคนอื่น เราต้องละเว้นการพูดเท็จ แม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็กเรื่องน้อยก็ตาม การบอกกล่าวสิ่งที่ไม่เป็นจริง แม้จะไม่เกิดโทษใดๆ ขึ้นมา หรือแม้แต่เพียงคิดจะหาทางบอกกล่าวเรื่องที่ไม่จริงให้คนอื่นได้ทราบ ก็มีผลร้ายกับการที่จะได้รับความเชื่อถือแล้ว คนอื่นอาจจะไม่รู้แต่ตัวเราเองนี้แหละที่จะลดความน่าเชื่อถือของตัวเอง
คนชอบทรยศหักหลังเป็นคนที่ไม่รักษาคำพูด ซึ่งเราทราบกันดีว่าคนที่ไม่รักษาคำพูดเป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือ การที่จะสังเกตว่ากำลังทำงานอยู่กับคนทรยศหรือไม่นั้น ให้ลองมองดูว่าคนคนนั้นให้สัญญาในสิ่งที่ตนเองไม่สามารถทำได้มากน้อยแค่ไหน ทำได้ทำไม่ได้ก็สัญญาไว้ก่อน ถ้าเห็นใครให้สัญญาอะไรที่เราดูแล้วเห็นว่าทำไม่ได้แน่ๆ ขอให้พยายามอยู่ห่างๆ ไว้ก่อน ถ้าไม่อยากถูกทรยศในวันหน้า คนที่ตั้งใจทำตามสัญญาที่ให้ไว้จริงๆ นั้น จะไม่เที่ยวไปให้สัญญาในเรื่องที่ทำไม่ได้ คนที่ตั้งใจทำตามสัญญานั้นจะไม่ละเว้นแม้แต่เรื่องเล็กเรื่องน้อย โดยใช้การแก้ตัวง่ายๆ ว่าหลงลืม
ถ้าท่านต้องการให้คนอื่นให้ความเชื่อถือท่านจากใจจริง ท่านต้องทำตามที่ท่านพูดไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ในทางตรงข้ามถ้าพบใครที่ไม่ทำตามที่พูดไว้ แล้วพอถูกทวงถามว่าทำไมไม่รักษาคำพูด คนคนนั้น กลับตอบกลับมาว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย อย่าคิดไปเป็นเรื่องใหญ่ ขอให้ระวังคนคนนั้นไว้ให้ดี เพราะวันหน้า คนคนนั้นจะหาเรื่องกับท่านจากเรื่องเล็กๆ ที่ท่านละเลย ไม่ได้ทำตามคำพูดที่ให้ไว้ ขอย้ำว่าคนที่ชอบหักหลังคนอื่นนั้น มีสองมาตรฐานเสมอ
คนที่ชอบหักหลังผู้อื่นมักปกปิดข้อมูลข่าวสาร ไม่แบ่งปันสาระใดๆ กับผู้อื่น แต่จะขอมีส่วนรับรู้ข้อมูลของคนอื่นอยู่เป็นนิจ คนพวกนี้จะใช้ข้อมูลที่ตนเองมีอยู่อย่างบิดเบือนความจริง ที่บิดเบือนได้เพราะไม่เคยเปิดเผยข้อมูลที่ตนมีอยู่ให้คนอื่นได้ทราบ ในขณะที่จะใช้ข้อมูลที่ได้จากคนอื่นมาใช้โจมตีให้ร้ายกับคนที่ให้ข้อมูลนั้นกับตนเอง ต้องไม่ลืมว่า ผู้คนโดยทั่วไปนั้นมักให้ความเชื่อถือไว้วางใจคนที่ทำงานอยู่ด้วยกัน มีข้อมูลอะไรก็บอกให้ทราบทั้งหมด และเป็นธรรมดาที่ทำงานไปแล้วก็สำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้าง ข้อมูลที่บอกกล่าวให้ทราบจึงมีทั้งที่เป็นผลมาจากทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวผสมกันไป คนดีเลยแพ้คนชอบหักหลังในสายตาของคนอื่น เพราะคนชอบหักหลังมีข้อมูลสารพัดมาใช้ว่ากล่าวคนดี แต่คนดีไม่มีอะไรจะไปโต้แย้งกลับได้เลย
ดังนั้น เมื่อใดก็ตาม ที่พบเห็นใครที่ท่านต้องร่วมงานด้วยแล้วชอบถามสารพัดข้อมูลจากท่าน แต่ไม่เคยบอกกล่าวข้อมูลใดๆ ให้ท่านทราบ ขอให้ระวังไว้ก่อนว่า วันหน้าคนคนนั้นอาจหักหลังท่านได้ง่ายๆ ความเชื่อถือเกิดจากการที่ต่างคนต่างตอบแทนให้กันและกัน บอกฉันมา ฉันก็บอกเธอไป ไม่ใช่เธอบอกมา แต่ฉันงุบงิบอยู่ท่าเดียว
ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ คนที่ชอบหักหลังผู้อื่นมักจะไม่รักษาความลับของเราที่เขาได้ทราบ ผู้คนที่ทำงานอยู่ด้วยกันย่อมเป็นธรรมดาที่จะหลุดบอกกล่าวความลับของตนให้ได้ทราบ ถ้าเป็นคนดี ความลับก็ยังคงเป็นความลับต่อไป แต่ถ้าความลับนั้นตกไปอยู่ในมือของคนทรยศเมื่อใด ความลับนั้นจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป และที่แย่กว่านั้นอีก ก็คือ ความลับที่บอกไปนั้นกลับกลายมาเป็นอาวุธสำคัญที่คนทรยศหักหลังจะใช้ให้ร้ายกับตัวเราไปเสียอีก และเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนดีแพ้คนทรยศในสายตาของคนอื่นที่อยู่นอกวงออกไป
คนชอบทรยศมีลักษณะเฉพาะอีกอย่างหนึ่งที่สังเกตเห็นได้ไม่ยาก คือ มักเป็นคนที่ไม่ยอมรับผิด ตนเองเริ่มต้นก่อเรื่องก่อนแท้ๆ แต่พอบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่โต ก็โวยวายโทษคนนั้นคนนี้ไปทั่ว คนอื่นผิดหมด ฉันถูกอยู่คนเดียว และบางครั้ง คนทรยศจะป่าวร้องความผิดพลาดที่เกิดขึ้นให้ดูใหญ่โตเกินกว่าที่เป็นจริง ซึ่งบางครั้งกลับกลายเป็นเรื่องที่ดี เพราะช่วยให้ผู้คนภายนอกได้มองเห็นความจริงที่เกิดขึ้น ไม่ได้เห็นภาพลวงตาที่คนทรยศตั้งใจสร้างเอาไว้
อีกอาการหนึ่งที่พอจะบอกให้เราทราบว่ากำลังอยู่กับคนชอบหักหลัง คือ คนเหล่านี้มักไม่ยอมรับการตัดสินใจของคนส่วนใหญ่ อาการนี้ต้องคอยสังเกตดีๆ จึงจะเห็น เพราะในยามที่ยังไม่มีโอกาส จะทำท่าทางตรงข้ามกับสิ่งที่ตนเองคิด กล่าวคือ จะสรรเสริญเยินยอการตัดสินใจนั้นมากกว่าที่สมควร ที่ดูมากไปนั้นเพราะแกล้งทำเป็นเชื่อ วันใดมีโอกาสจึงจะออกฤทธิ์ให้เห็นความจริงว่าคนชอบทรยศผู้อื่นนั้นมีแต่เพียงตนเองเท่านั้น ที่เป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งทุกอย่าง การตัดสินใจใดๆ ของผู้คนส่วนใหญ่ จะไม่มีความหมายเลยหากไม่สอดคล้องกับการตัดสินใจที่เขาเชื่อ
ยังมีอีกหลายอาการที่บ่งบอกให้เราทราบล่วงหน้า ว่า กำลังทำงานอยู่กับคนที่คอยเวลาที่จะหักหลังเรา แต่มีรายละเอียดที่ยุ่งยาก หรืออาจตีความผิดจากคนดีกลายเป็นคนทรยศได้ง่ายๆ
อย่างไรก็ตาม หลายตำราบอกไว้ตรงกันว่า การทรยศหักหลังเป็นพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงได้ยาก เคยทำแล้วก็จะทำซ้ำอีก ดังนั้น ก่อนจะทำงานกับใคร อย่างน้อยขอให้สืบดูก่อนว่า คนคนนั้นเคยหักหลังใครมาก่อนหรือไม่ ถ้าไม่อยากถูกหักหลังให้เจ็บใจในวันหน้า

ที่มา : www.bangkokbiznews.com

Add a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *