‘โรคปวดหลัง’ ร้ายไม่ใช่เล่น!!

“โรคปวดหลัง” ร้ายไม่ใช่เล่น!!
• คุณภาพชีวิต
พบผู้ป่วยเฉลี่ยอายุต่ำ…อาหารทำพิษ

เคยไหม? ลุกนั่ง ก้มเงย ปวดสันหลังวาบ การใช้ชีวิตประจำวันดูเชื่องช้ากว่าปกติ โดยเฉพาะในชีวิตคนทำงาน อาการปวดหลังเป็นเหมือนเครื่องบั่นทอนให้งานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย แต่จะทำเช่นไรเมื่ออาชีพที่ทำอยู่อาจมีส่วนทำให้เกิดอาการเหล่านี้ ยิ่งในคนที่มีอาการเรื้อรัง เมื่อทำงานยิ่งซ้ำเติมความเจ็บปวดให้มากขึ้น…

แต่ใช่ว่าเราจะอยู่กับอาการเจ็บปวดนั้นไม่ได้ โดย นพ.ธวัช ประสาทฤทธา ผู้เชี่ยวชาญ สาขาเวชกรรม ด้านออร์โธปิดิกส์ รพ.เลิดสิน กล่าวถึงที่มาของอาการปวดหลังว่า 90% อาการเหล่านี้ไม่สามารถตัดสินได้ว่ามาจากสาเหตุใด แต่อาจมีหลายปัจจัยรวมๆ กัน ส่วนสถานการณ์ของผู้ป่วยที่เป็นโรคปวดหลังขณะนี้ในแต่ละวันมีผู้มาพบแพทย์ไม่ต่ำกว่า 300 คน และมีแนวโน้มอนาคตคนไข้จะมีอายุต่ำลง เนื่องจากสภาพสังคมปัจจุบันมีส่วนช่วยให้ประสบกับภาวะเหล่านี้มากขึ้น

สาเหตุของอาการเกิดจาก

1.กล้ามเนื้อบริเวณแผ่นหลังมีอาการอักเสบ

2.หมอนรองกระดูกเคลื่อนตัวหรือได้รับการกระทบกระเทือน

3.กระดูกที่ลึกลงไปใต้ผิวหนังมีอาการผิดปกติ

หากมีอาการปวดเมื่อยบริเวณแผ่นหลังโดยไม่มีไข้เข้ามาแทรกซ้อนเพียง 1 อาทิตย์ ก็จะหายเป็นปกติ โดยแพทย์ไม่ต้องให้ยา แต่ควรลดกิจกรรมที่กระตุ้นให้เกิดอาการ เช่น ยกของหนัก เล่นกีฬา

ส่วนผู้ที่มีอาการปวดติดต่อกันมากกว่า 1 อาทิตย์ ควรไปพบแพทย์เพื่อหาทางแก้ไข เนื่องจากอาจเป็นโรคที่ร้ายแรง เช่น ติดเชื้อบริเวณกระดูกสันหลังหรือมะเร็งกระดูก ที่หลายคนนึกว่าเป็นอาการปวดหลังธรรมดา แต่กลับมีอาการแทรกซ้อนต่างๆ

โดยการรักษาแพทย์จะให้ยาแก้ปวด แก้อักเสบ หรือยากล่อมประสาทเพื่อลดอาการเจ็บปวด ด้านรายที่มีอาการหนักถึงขั้นผ่าตัด แพทย์ต้องตรวจให้ชัดเจนว่าสาเหตุเกิดจากส่วนใดแล้วจึงทำการผ่าตัด

“หากเป็นอาการปวดที่ไม่รุนแรงเพียง 5 วันก็หายเป็นปกติ แต่ถ้าเป็นอาการร้ายแรง คือ หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท จะต้องใช้เวลาในการรักษานานกว่าจะหายเป็นปกติ ส่วนอายุเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้อาการปวดหายช้ากว่าปกติ”

ปัจจุบันหลายคนทำงานเกินเวลาเพื่อให้ได้เงินเพิ่มมากขึ้น แต่ นพ.ธวัช มองว่า การทำงานบางอย่าง ซึ่งต้องอยู่กับที่เกิน 8 ชั่วโมงจะทำให้เกิดโรคปวดหลัง ซึ่งอาชีพที่เสี่ยง เช่น พนักงานขับรถ, คนยกของ, พนักงานเย็บผ้า ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ควรพักให้กล้ามเนื้อได้ผ่อนคลาย

เดิมคนที่มีอายุเกิน 30 ปี จะมีอาการปวดหลัง แต่ขณะนี้พบว่า มีเด็กที่อายุเพิ่ง 20 ปี ก็มีอาการปวดหลังมากขึ้น เนื่องจากสภาพสังคมตอนนี้เด็กส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอยู่หน้าคอมพิวเตอร์นานทำให้เกิดอาการปวดหลัง ขณะเดียวกัน อาหารส่วนใหญ่มีสารพิษเจือปนทำให้คนแก่เร็วขึ้น เช่น ผงชูรสที่ผสมในอาหารส่งผลให้กระดูกผุเร็วขึ้น หรือบรรดาสารสีต่างๆ ที่จะเป็นตัวบั่นทอนความแข็งแรงของกระดูก

“การดื่มเหล้าสูบบุหรี่ก็เป็นอีกตัวที่กระตุ้นให้เกิดอาการปวดหลัง เพราะในบุหรี่มีสารนิโคตินทำให้หลอดเลือดหดตัวส่งผลให้เลือดไปหล่อเลี้ยงเซลล์ไม่ดีเป็นผลให้เกิดอาการปวดหลังเรื้อรัง”

การแก้ปัญหาที่ดีที่สุด คือ ควรเอาใจใส่อาหารที่รับประทาน ให้มีความสะอาดปราศจากสารพิษให้มากที่สุด และต้องพักผ่อนเพียงพอ ไม่ทำงานหนักเกินไปและไม่ควรกินยาเอง แต่ควรกินยาตามแพทย์สั่งเพราะบางครั้งกินยาเองก็จะแก้ปัญหาไม่ตรงจุด อยากให้นึกว่าชีวิตเรามีค่ามากกว่าราคายา ดังนั้นควรดูแลรักษากันให้ดี

โรคปวดหลังอาจเป็นอีกหนึ่งบทสะท้อนถึงคุณภาพชีวิตของคนไทย ที่วันนี้ความป่วยไข้เริ่มเข้ามาใกล้เยาวชนมากขึ้น ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้คุณภาพของทรัพยากรมนุษย์ในอนาคตก็จะต่ำลงไปด้วย

ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

Add a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *