มะเร็งปากมดลูก พบมากสุดในสตรีไทย
มะเร็งปากมดลูก พบมากสุดในสตรีไทย
• คุณภาพชีวิต
ช่วงอายุ 35-60 ปี เสี่ยงสุด
มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในสตรีไทย และพบมากในช่วง35-60 ปี แต่มะเร็งปากมดลูกสามารถตรวจพบได้ตั้งแต่ระยะก่อนมะเร็งด้วยการทำแปสเมียร์ โดยการเก็บเอาเซลล์ เยื่อบุบริเวณปากมดลูก ไปตรวจหาเซลล์มะเร็ง โดยการตรวจภายใน ซึ่งการรักษาจะได้ผลดีมากหากเป็นมะเร็งที่พบในระยะแรก
สาเหตุ คือ การติดเชื้อไวรัสฮิวแมนแพปพิลโลมาหรือเชื้อเอชพีวี (HPV) บริเวณอวัยวะเพศ โดยเฉพาะที่บริเวณปากมดลูก
ปัจจัยเสี่ยง ของมะเร็งปากมดลูก ได้แ่ก่
1. ปัจจัยเสี่ยงทางฝ่ายหญิง ได้แก่ การมีคู่นอนหลายคน ความเสี่ยงสูงขึ้นตามจำนวนคู่นอนที่
เพิ่มขึ้น การมีเพศสัมพันธ์เมื่ออายุน้อย การสูบบุหรี่ มีประวัติการเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น
เอดส์ เริม ซิฟิลิส และหนองใน เป็นต้น
2. ปัจจัยเสี่ยงทางฝ่ายชาย เนื่องจากการติดเชื้อเอชพีวี(HPV) ส่วนใหญ่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ จึงกล่าวได้ว่ามะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับการมีเพศสัมพันธ์ การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย ที่มีเชื้อเอชพีวี (ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ชายจะไม่มีอาการหรือตรวจไม่พบเชื้อ) แม้เพียง ครั้งเดียวก็มีโอกาสติด เชื้อเอชพีวีและเป็นมะเร็งปากมดลูกได้ ปัจจัยเสี่ยงทางฝ่ายชาย ได้แก่ สตรี ที่มีคู่นอนเป็นมะเร็งองคชาติ เคยมีภรรยาเป็นมะเร็งปากมดลูก เคยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ผ่านประสบการณ์ ทางเพศตั้งแต่อายุน้อยหรือมีคู่นอนหลายคน
อาการแสดง ของมะเร็งปากมดลูก
อาการของผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกจะมากหรือน้อยขึ้นกับระยะของมะเร็ง ในระยะแรกอาจ
ไม่มีอาการ ผิดปกติ แต่สามารถตรวจพบได้จากการตรวจคัดกรองมะเร็งด้วยวิธีแปปสเมียร์
อาการที่อาจพบในผู้ป่วย มะเร็งปากมดลูก ได้แก่
อาการตกเลืิอดทางช่องคลอด เป็นอาการที่พบได้มากที่สุดประมาณร้อยละ 80 – 90
ของผู้ป่วย ลักษณะเลือดที่ออกอาจจะเป็นเลือดออกกะปริบกะปรอยระหว่างรอบเดือน เลือดออกหลัง
มีเพศสัมพันธ์ มีน้ำปนเลือด ตกขาวปนเลือด เลือดออกหลังวัยหมดประจำเดือน
อาการในระยะหลังเมื่อมะเร็งลุกลามหรือไปสู่อวัยวะอื่นๆ ได้แก่ ขาบวม ปวดหลัง
ปวดก้นกบ ปัสสาวะเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด เป็นต้น
วินิจฉัยโรค
1. การตรวจภายใน หากหากพบก้อนผิดปกติที่ปากมดลูก
แพทย์จะตรวจยืนยันโดยการ ตัดชิ้นเนื้อบางส่วนไป ส่งตรวจทาง
พยาธิวิทยา
2. การตรวจทางเซลล์วิทยา หรือ “แปปสเมียร์” เป็นการตรวจ
ภายในร่วมกับการเก็บเอาเซลล์บริเวณปาก มดลูกไปตรวจทางเซลวิทยา
3. การตรวจด้วยกล้องขยาย หรือ คอลโปสโคป ร่วมกับการตัด
ชิ้นเนื้อส่งตรวจทางพยาธิวิทยา
4. การตรวจอื่นๆ ที่อาจช่วยในการวินิจฉัยมะเร็งปากมดลูก ได้แก่ การขูดภายในปากมดลูก
การตัดปากมดลูกด้วยห่วงไฟฟ้า การตัดปากมดลูกออกเป็นรูปกรวยด้วยมีด
การรักษา: มะเร็งปากมดลูก
วิธีการรักษามะเร็งปากมดลูกขึ้นกับระยะของมะเร็ง ความต้องการมีบุตรของผู้ป่วย
และโรคทางนรีเวช อื่น ๆ ที่เป็นร่วมด้วย
– การรักษาในระยะก่อนเป็นมะเร็งหรือระยะ ก่อนลุกลาม มีวิธีการติดตามและรักษาได้หลายวิธี ได้แก่ การตัดปากมดลูกด้วยห่วงไฟฟ้า การจี้ปากมดลูกด้วยความเย็น การจี้ด้วยเลเซอร์ การตัดปากมดลูกออกเป็นรูปกรวยด้วยมีด หลังจากนั้นควรตรวจติดตามผลการรักษาอย่างใกล้ชิด โดย การตรวจภายในและทำแปปสเมียร์ หรือตรวจด้วยกล้องขยาย ทุก 4 – 6 เดือน โดยรอยโรคขั้นต่ำบางชนิดสามารถหายไปได้ เองภายใน 1 – 2 ปี
– มะเร็งปากมดลูกระยะลุกลาม การเลือกวิธีรักษาขึ้น ขึ้นกับโรคประจำตัวของผู้ป่วย ระยะของมะเร็ง และความพร้อม ของโรงพยาบาลหรือแพทย์ผู้ดูแลรักษา
– มะเร็งในระยะแรก รักษาโดยการตัดมดลูกออกร่วม กับการเลาะต่อมน้ำเหลืองบริเวณอุ้งเชิงกรานออก และจะให้การรักษาต่อด้วยรังสีรักษาในกรณีที่ผู้ป่วยมีโอกาส กลับเป็นซ้ำของโรคสูง
– มะเร็งในระยะหลัง รักษาด้วยรังสีรักษา หรือร่วมกับ
การให้ยาเคมีบำบัด
พยากรณ์โรค
ผลการรักษามะเร็งปากมดลูกในปัจจุบันได้ผลดีมากขึ้นกว่าในอดีต โดยเฉพาะในระยะก่อน ลุกลาม และระยะลุกลามเริ่มแรก โดยในระยะก่อนลุกลามการรักษาได้ผลดีเกือบ100 % ดังนั้นการตรวจค้นหา มะเร็งในระยะแรกเริ่มด้วยการตรวจแปปสเมียร์จึงมีความสำคัญมาก โดยสตรีที่เคยมีเพศสัมพันธ์มาแล้วควรรับการตรวจภายในทุกคน
การเตรียมตัวก่อนรับการตรวจค้นหามะเร็งในระยะแรกด้วยการตรวจแปปสเมียร์
– ไม่ควรมีการตรวจภายในมาก่อน 24 ชั่วโมง
– ห้ามสวนล้างภายในช่องคลอดมาก่อน 24 ชั่วโมง
– งดการมีเพศสัมพันธ์คืนวันก่อนมารับการตรวจภายใน
– ไม่ควรเหน็บยาใด ๆ ในช่องคลอดมาก่อน 48 ชั่วโมง
– ควรมารับการตรวจมะเร็งหลังประจำเดือนหมดแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ สำหรับผู้ที่ไม่มี
ประจำเดือนแล้วให้มาได้ตามสะดวก
ที่มา: ศูนย์มะเร็ง คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์