ธุรกิจบริการซัก อบ รีด
|ธุรกิจบริการซัก อบ รีด
ลักษณะธุรกิจ
ธุรกิจบริการซักอบรีด ในปัจจุบันมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากสภาพเวลาที่จำกัด ผู้ให้บริการจะมีทั้งประเภทร้านบริการซัก อบ รีด ซึ่งลูกค้าต้องนำเสื้อผ้ามาซักที่ร้านและประเภทบริการรับเสื้อผ้ามาซักและส่งเสื้อผ้าที่ซักแล้วถึงบ้านพักของลูกค้า ตลอดจนประเภทให้บริการเครื่องซักแบบหยอดเหรียญโดยการบริการตนเอง ซึ่งแต่ละประเภทจะมีค่าบริการที่แตกต่างกัน
วิธีการจัดตั้งและเริ่มต้นธุรกิจ
การจดทะเบียนพาณิชย์
ประเภทบุคคลธรรมดา
มีลักษณะเป็นกิจการที่มีเจ้าของเป็นบุคคลธรรมดา คนเดียวหรือหลายคน หรือห้างหุ้นส่วนสามัญ
ประเภทไม่จดทะเบียน
ผู้ประกอบธุรกิจบริการซัก อบ รีด ประเภทบุคคลธรรมดา ไม่ต้องจดทะเบียนพาณิชย์
ประเภทนิติบุคคล บริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล
ผู้ประกอบการธุรกิจต้องจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
สถานที่ยื่นขอจดทะเบียน
กรุงเทพฯ ยื่นขอจดทะเบียน ณ สำนักงานบริการจดทะเบียนธุรกิจ 1 – 7 และส่งจดทะเบียนธุรกิจกลาง สำนักทะเบียนธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
ต่างจังหวัด ยื่นขอจดทะเบียน ณ สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัด ที่ห้างหุ้นส่วนบริษัทมีสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่
ค่าธรรมเนียม
จดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วน
– ผู้เป็นหุ้นส่วนไม่เกินสามคน 1,000 บาท
– ผู้เป็นหุ้นส่วนเกินสามคน ชำระเพิ่มสำหรับจำนวนในที่เกินอีก คนละ 200 บาท
จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทจำกัด
– จดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ 500 – 25,000 บาท
– จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทจำกัด 5,000 – 250,000 บาท
ภาษีเงินได้
บุคคลธรรมดา
ต้องยื่นขอเป็นผู้มีบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีอากรต่อ สรรพากรพื้นที่ ที่ตั้งของสถานประกอบการ
- ต้องยื่นแบบแสดงรายการชำระภาษี เงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีและครึ่งปี (ภ.ง.ด.90 และ 94)
- หากมีรายได้เกิน 1,200,000 ต่อปี ต้องยื่นชำระภาษีมูลค่าเพิ่มตามแบบ ภ.พ. 30
นิติบุคคล
ต้องยื่นขอเป็นผู้มีบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีอากรต่อ สรรพากรพื้นที่ ที่ตั้งของสถานประกอบการ
- ต้องยื่นภาษีเงินได้นิติบุคคล ประจำปี และ ครึ่งปี (ภ.ง.ด.50 และ 51)
- หากมีรายได้เกิน 1,200,000 ต่อปี ต้องยื่นชำระภาษีมูลค่าเพิ่มตามแบบ ภ.พ. 30
ภาษีป้าย
ผู้ประกอบธุรกิจที่ติดตั้งป้ายใหม่ หรือแสดงป้ายใหม่ จะต้องชำระภาษีป้ายต่อเจ้าพนักงาน ภายใน 15 วัน และจะต้องยื่นชำระภาษีป้ายทุกปีที่ยังติดตั้งป้าย
สถานที่ขออนุญาต
กรุงเทพฯ ยื่นขอ ณ สำนักงานเขต ที่ป้ายนั้นติดตั้งอยู่
ต่างจังหวัด ยื่นขอ ณ สำนักงานเทศบาล หรือสุขาภิบาล หรือ องค์การบริหารส่วนตำบล ซึ่งดูแลพื้นที่ที่ป้ายนั้นติดตั้งอยู่
กฎหมายและระเบียบเฉพาะธุรกิจ
การปิดป้ายแสดงราคาค่าบริการ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กระทรวงพาณิชย์ ได้ออกประกาศกำหนดให้ธุรกิจบริการซัก อบ รีด ต้องปิดป้ายแสดงราคาค่าบริการให้เห็นชัดเจนในที่เปิดเผย ณ สถานที่ตั้ง การฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท
นอกจากนี้ยังมีกฎและระเบียบด้านสาธารณสุข สิ่งแวดล้อม สวัสดิการและการคุ้มครองแรงงาน ที่ต้องถือปฏิบัติ
รายละเอียดการลงทุน
ค่าใช้จ่ายสำหรับการลงทุนเริ่มต้น
จากข้อมูลเฉลี่ยของการสำรวจการลงทุนเริ่มต้นของผู้ประกอบธุรกิจ จำแนกดังนี้
- ค่าตกแต่งอาคาร เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้สำนักงาน คิดเป็นร้อยละ 36
- ค่ายานพาหนะและเครื่องมือสำหรับการให้บริการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า คิดเป็นร้อยละ 32 ประกอบด้วย เครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า เตารีด และโต๊ะรีดผ้า
- เงินทุนหมุนเวียน คิดเป็นร้อยละ 32 ส่วนใหญ่จะใช้สำหรับการเป็นค่าใช้จ่ายด้านต่างๆ เช่น เงินเดือน ค่าเช่า ค่าสาธารณูปโภค และวัสดุสิ้นเปลือง เป็นต้น
อัตราผลตอบแทนทางการเงิน
อัตราผลตอบแทนทางการเงินของธุรกิจบริการซัก อบ รีด จะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับขนาดของธุรกิจ ทำเลที่ตั้งและความสามารถในการบริหารธุรกิจ จากการสำรวจ พบว่า ผลตอบแทนที่ได้รับจากรายได้ทั้งปี ประมาณ ร้อยละ 24 ส่วนผลตอบแทนที่ได้จากเงินลงทุนทั้งหมด ประมาณร้อยละ 36 ต่อปี โดยจะได้รับเงินลงทุนทั้งหมดคืน ภายในระยะเวลาประมาณ 2 ปี
การตั้งราคาและโครงสร้างราคาที่เป็นธรรม
ปัจจัยการตั้งราคา
ประกอบด้วย
- ต้นทุน
- ลักษณะรูปแบบการให้บริการ
- ทำเลที่ตั้ง การตกแต่งร้าน สิ่งอำนวยความสะดวก
- ค่าบริการของร้าน ซัก อบ รีดในย่านเดียวกัน
โครงสร้างราคา
คำนวณโดย ต้นทุนผันแปร บวก ต้นทุนคงที่จัดสรร บวก กำไรที่ต้องการ
- ต้นทุนผันแปร ประกอบด้วย ผงซักฟอก น้ำยา ไม้แขวนเสื้อ ถุงพลาสติก เป็นต้น
- กด 2 ต้นทุนคงที่จัดสรร ประกอบด้วย ค่าเช่า เงินเดือนพนักงาน ค่าบริการสาธารณูปโภค ค่าเสื่อมราคาสิ่งปลูกสร้างและ เครื่องมืออุปกรณ์ เป็นต้น
การบริหาร/การจัดการ
โครงสร้างองค์กร
ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดเล็ก ประกอบด้วยงานหลักดังนี้
1. ด้านการบริหารงาน รับผิดชอบด้านการเงิน บัญชี การตลาด และบริหารงานทั่วไป
2. ด้านบริการ ซัก อบ รีด และรับส่งเสื้อผ้าที่ซัก
พนักงานและการอบรมพนักงาน
พนักงาน
– ส่วนใหญ่จะมีการจ้างพนักงานประจำ มากกว่าการจ้างพนักงานรายวัน
– ไม่จำกัดเพศและวุฒิการศึกษาไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์มาก่อน
การอบรมพนักงาน
การฝึกฝนพนักงาน เน้นความละเอียดและปราณีต
วิเคราะห์ข้อดี ข้อด้อย โอกาส และอุปสรรค
ข้อดีและข้อด้อย
ข้อดี
- เป็นธุรกิจที่ไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนสูง
- เป็นธุรกิจที่ไม่มีความสลับซับซ้อน ผู้ประกอบการไม่จำเป็นต้องมีความรู้สูง
- เป็นธุรกิจที่ผู้ใช้บริการมีความต้องการเพิ่มขึ้น
ข้อด้อย
1. พนักงานหายาก เนื่องจากต้องการพนักงานที่เอาใจใส่ต่อคุณภาพงาน เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของผู้ใช้บริการ
โอกาสและอุปสรรค
โอกาส
- สภาพเวลาที่จำกัด เนื่องจากต้องออกไปทำงานนอกบ้านและใช้วันหยุดเพื่อการพักผ่อน
- การขยายตัวของธุรกิจท่องเที่ยว ทำให้มีผู้ต้องการใช้บริการเพิ่มขึ้น ทั้งนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ และ ชาวไทย
อุปสรรค
- ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ทำให้มีการประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น
- เป็นธุรกิจที่ไม่ต้องอาศัยความชำนาญ ทำให้มีผู้สนใจประกอบธุรกิจเพิ่มขึ้น การแข่งขันสูง
ข้อเสนอแนะ
ด้านการบริหารจัดการ
- ผู้ประกอบกิจการจะต้องมีพื้นฐานความรู้ในธุรกิจให้บริการของตนเองและติดตามความก้าวหน้าและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา
- ผู้ประกอบกิจการต้องมีความเป็นผู้นำและมีพื้นฐานความรู้ด้านการบริหารจัดการ
- ส่งเสริมและให้โอกาสแก่พนักงานในการเข้ามามีส่วนร่วมในธุรกิจในลักษณะการแบ่งปันผลประโยชน์จากรายได้ค่าบริการ
- ให้ความสำคัญกับการสรรหาและฝึกอบรมพัฒนาบุคลากร
- ให้ผลตอบแทนที่เป็นธรรมแก่พนักงานทุกระดับ และมีระบบสิ่งจูงใจที่เหมาะสม
- 6. สร้างความภาคภูมิใจแก่พนักงานในการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร
- 7. ควรดำเนินการให้ถูกต้องและสอดคล้องกับกฎหมายและระเบียบข้อบังคับภาครัฐ
- ควรจัดทำแผนธุรกิจ(Business Plan)เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจอย่างมีทิศทาง
- เจ้าของหรือผู้ประกอบกิจการจะต้องให้ความสำคัญและให้เวลากับการบริหารธุรกิจอย่างใกล้ชิด
ด้านการตลาด
การบริการและสถานที่ให้บริการ
การบริการ
1. ให้บริการที่ดีและเป็นกันเองกับผู้มาใช้บริการ
2. สร้างตราหรือเครื่องหมายที่เป็นสัญลักษณ์เพื่อให้ลูกค้าระลึกและจดจำได้ง่าย
3. สร้างมาตรฐานด้านการให้บริการและอัตราค่าบริการ
สถานที่ให้บริการ
1. ใช้เครื่องมือและอุปกรณ์การให้บริการที่ทันสมัย ดูแลรักษาให้สะอาดและอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
2. เลือกทำเลที่ตั้งให้เหมาะสม สะดวกต่อการเดินทางมาติดต่อและอยู่ใกล้กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
การส่งเสริมการขาย
1. ทำป้ายโฆษณาหน้าสถานที่ให้บริการให้สะดุดตาและสามารถสื่อความหมายที่ดีต่อกลุ่มลูกค้า เป้าหมาย
2. ทำโบชัวร์ แผ่นพับ และเอกสารอื่นๆเพื่อเผยแพร่และแนะนำบริการ เพื่อแจกจ่ายยังกลุ่มลูกค้า เป้าหมาย
ด้านบัญชีและการเงิน
- พยายามลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นและไม่สร้างภาระค่าใช้จ่ายในลักษณะเป็นค่าใช้จ่ายประจำมากเกินไป
- มีโครงสร้างเงินทุนที่เหมาะสม ไม่ก่อภาระหนี้มากเกินไป ทั้งในและนอกระบบ เนื่องจากจะมีภาระในการจ่ายดอกเบี้ยและผ่อนชำระคืนเงินกู้
- บริหารด้านการเงินอย่างเหมาะสมเพื่อให้ธุรกิจมีสภาพคล่องทางการเงินสูง
- พยายามนำกำไรจากการดำเนินงานมาเป็นเงินทุนสำรองหรือใช้สำหรับการขยายธุรกิจ ไม่นำไปใช้ส่วนตัว หรือลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่ก่อรายได้ หรือในลักษณะเก็งกำไร
- ให้มีการแยกบัญชีและการเงินระหว่างของธุรกิจและส่วนตัวออกจากกัน
- ควรจัดทำงบการเงินให้ถูกต้อง ไม่ควรจัดทำงบ 2 ชุด เพื่อหวังผลในการหลีกเลี่ยงภาษี นอกจากจะเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ยังทำให้สูญเสียโอกาสในการขอรับสินเชื่อจากสถาบันการเงิน หรือการหาผู้ร่วมทุน
- นำระบบคอมพิวเตอร์และโปรแกรมสำเร็จรูปทางบัญชีและอื่นๆมาช่วยในการทำงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและลดค่าใช้จ่ายด้านแรงงาน
ขอรายละเอียดข้อมูลผ่านเครื่องโทรสาร หรือติดต่อสำนักส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ
โทร 0-2547-5954-5 โทรสาร 0-2547-5954
ตัวอย่าง รายละเอียดเงินลงทุนของธุรกิจบริการซักอบรีด
รายการ จำนวนเงิน(บาท)
ค่าตกแต่งอาคารสำนักงาน 52,000
เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้สำนักงาน
– โต๊ะ/เก้าอี้ 4,600
– ตู้เอกสาร/ตู้โชว์ 2,400
– โทรทัศน์ 4,200
– เครื่องโทรศัพท์ 4,000
– เครื่องคิดเลข 500
– เฟอร์นิเจอร์อื่นๆ 2,900
รวม 70,600
ค่าเครื่องมือสำหรับการให้บริการ
– เครื่องซักผ้า/เครื่องอบผ้า 53,000
– เตารีด 8,200
– โต๊ะรีดผ้า 2,500
รวม 63,700
เงินทุนหมุนเวียน 63,000
รวมเงินลงทุนทั้งหมด 197,300
ที่มา ประมาณการจากการสัมภาษณ์ผู้ประกอบกิจการจำนวน 10 ราย ในช่วงเดือนสิงหาคม พ.ศ.
2544-กันยายน พ.ศ.2544 และปรับรายการลงทุนซึ่งผู้ประกอบกิจการส่วนใหญ่ ไม่ได้ลงทุน
และมีความจำเป็นต่ำออก
ตัวอย่าง รายละเอียดรายรับ – รายจ่าย ของธุรกิจบริการซักอบรีด
รายการ จำนวนเงิน(บาท)
รายได้ 420,480
รายจ่าย
– เงินเดือนพนักงาน 80,400
– ค่าเช่าสถานที่ 45,000
– ค่าเช่ายานพาหนะ 3,000
– ค่าวัสดุสิ้นเปลือง 31,920
– ค่าน้ำมัน 13,800
– ค่าน้ำประปา 14,100
– ค่าไฟฟ้า 21,900
– ค่าโทรศัพท์ 9,540
– ค่าประกันภัย 2,120
– ค่าภาษีต่างๆ 3,360
– ค่าต่อทะเบียนรถยนต์ 442
– ค่าทำบัญชี 600
– ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด 28,800
– ค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย 21,512
รวม 276,494
กำไรก่อนหักภาษีเงินได้ 143,987
หัก ภาษีเงินได้(30%) 43,196
กำไร (ขาดทุน)สุทธิ 100,791
ที่มา ค่าเฉลี่ยจากผลประกอบการปี พ.ศ.2544 ของผู้ประกอบกิจการจำนวน 10 ราย
ซึ่งได้จากการสัมภาษณ์ในช่วงเดือนสิงหาคม พ.ศ.2544-กันยายน พ.ศ.2544
ตัวอย่าง การคำนวณราคา ผู้ประกอบกิจการร้านซักอบรีดแห่งหนึ่งลงทุนเช่าอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น 1 คูหา อายุสัญญาเช่า 1 ปี ค่าเช่าเดือนละ 5,000 บาท มีพนักงาน 3 คน และมีรายละเอียดต่างๆ ดังนี้
1. ต้นทุนคงที่
1.1 ต้นทุนคงที่ที่เป็นตัวเงิน (ต่อปี)
(1) ค่าเช่า = 60,000 บาท
(2) เงินเดือนพนักงาน = 216,000 บาท
(3) ค่าไฟฟ้า = 24,000 บาท
(4) ค่าน้ำประปา = 12,000 บาท
(5) ค่าโทรศัพท์ = 9,600 บาท
รวม = 321,600 บาท
1.2 ต้นทุนคงที่ที่ไม่เป็นตัวเงิน
(1) ค่าตกแต่งภายใน 60,000 บาท
คิดค่าเสื่อมราคาร้อยละ 20 = 12,000 บาท
(2) ค่าเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้สำนักงาน 10,000 บาท
คิดค่าเสื่อมราคาร้อยละ 20 = 2,000 บาท
(3) ค่าเครื่องมืออุปกรณ์ 80,000 บาท
คิดค่าเสื่อมราคาร้อยละ 20 = 16,000 บาท
รวมต้นทุนคงที่ที่ไม่เป็นตัวเงิน = 30,000 บาท
รวมต้นทุนคงที่ทั้งหมดต่อปี = 351,600 บาท
2. ประมาณการจำนวนลูกค้าที่คาดว่าจะเข้ามาใช้บริการ
(1) ในเวลา 1 วัน สามารถให้บริการซัก อบ รีด ได้ = 600 ชิ้น
(2) ในเวลา 1 ปี (360 วัน) สามารถให้บริการ ซัก อบ รีด ได้สูงสุด= 360X600 = 216,000 ชิ้น
(3) ประมาณการมีลูกค้ามาใช้บริการร้อยละ 60 หรือ = 129,600 ชิ้น
3. ต้นทุนคงที่จัดสรรต่อชิ้น = 351,600 บาท
129,600
= 2.71 บาท
4. ต้นทุนผันแปร (ซัก อบ รีด)
ค่าวัสดุสิ้นเปลืองต่อชิ้น = 7 บาท
5. ต้นทุนทั้งหมดต่อราย = 2.71 + 7 = 9.71 บาท
6. ผู้ประกอบกิจการต้องตั้งอัตราค่าบริการโดยมีกำไรประมาณร้อยละ 20 ของต้นทุนทั้งหมด =1.94บาท
ราคาให้บริการต่อราย = 9.71 + 1.94 = 11.65 บาท
7. ผู้ประกอบกิจการตัดสินใจตั้งอัตราค่าบริการซัก อบ รีด = 12 บาท/ชิ้น