คำพูด คือ นายเรา

คำพูด คือ นายเรา

พุธ, 29 พฤศจิกายน 2006
โดย ดนัย จันทร์เจ้าฉาย [4-5-2004]

หนึ่งในคำสอนที่ผู้ใหญ่มักสอนเด็กเกี่ยวกับความประพฤติในการดำรงอยู่บนโลกใบนี้คือ “เราเป็นนายคำพูด แต่เมื่อพูดไปแล้วคำพูดเป็นนายเรา”

พร้อมๆ กับคำสอนที่ว่า “อย่ากลืนน้ำลายตัวเอง”

ล้วนเป็นคำสอนให้คิดรอบคอบก่อนที่จะพูดอะไรออกไป และเมื่อพูดออกไปแล้วต้อง ซื่อสัตย์ต่อคำพูดของตัวเอง

“คำพูด” ทำให้หลายต่อหลายคนประสบความสำเร็จดั่งที่ตนมุ่งหวังบนโลกใบนี้ ขณะเดียวกัน “คำพูด” ก็เป็นดาบสองคมที่ทำให้หลายต่อหลายคนล้มก่อนเวลาด้วยคำพูดของตัวเอง

Time นิตยสารข่าวชื่อดังของสหรัฐอเมริกา ที่รู้จักและนิยมอ่านกันทั่วโลกสำหรับคอข่าว ฉบับล่าสุดไดัจัดอันดับ 100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลของโลกในปี พ.ศ. 2547 โดยแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มผู้นำทางการเมืองการปกครองรวมทั้งฝ่ายปฎิวัติ 2.กลุ่มผู้สร้างและยักษ์ใหญ่ในวงการ 3.กลุ่มศิลปินและผู้สร้างความบันเทิง 4.กลุ่มนักวิทยาศาสตร์และนักคิด และ 5.กลุ่มวีรบุรุษและปูชนียบุคคล

1 ใน 100 ย่อมหนีไม่พ้นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จอร์จ ดับเบิลยู บุช หลายต่อครั้งหลายครั้งที่คำพูดของประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยเฉพาะเหตุผลในการบุกประเทศอิรัก ก่อให้เกิดสงครามอ่าวเปอร์เซียรอบ 2 และยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงได้อย่างง่ายดายและสวยงาม

ดาไลลามะ ผู้นำจิตวิญญาณของชาวทิเบต เป็นอีก 1 ใน 100 ผู้ทรงอิทธิพลของโลก หลายคำสอนของดาไลลามะ ถูกเผยแพร่และตีพิมพ์ไปทั่วโลกหลายภาษา ด้วยคำสอนที่เรียบง่ายแต่เปี่ยมไปด้วยความรักและสันติ

บุคคลที่มีอิทธิพลต่อคนหมู่มาก คำพูดของเขามักมีอิทธิพลต่อความเปลี่ยนแปลงหลายต่อหลายสิ่งตามไปด้วยเช่นเดียวกับชาวอเมริกันไม่เคยลืมสุนทรพจน์ (Speech) ของจอห์น เอฟ. เคนเนดี้ ประธานาธิบดีคนที่ 35 ของสหรัฐอเมริกาเมื่อครั้นสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง

คำพูดที่เป็นเหมือนคำมั่นสัญญาที่กลายเป็นบทเรียนทางประวัติศาสตร์ของชาติอเมริกันและของโลก เราฉลองวันๆ นี้ มิใช่เป็นชัยชนะของพรรค แต่เป็นการฉลองของอิสรภาพ เป็นสัญลักษณ์ของจุดสิ้นสุด เช่นเดียวกับจุดเริ่มต้น บ่งบอกให้รู้ถึงการทำต่อ เช่นเดียวกับการเปลี่ยนแปลงเพราะข้าพเจ้าได้สาบานต่อหน้าท่านทั้งหลาย และพระองค์เจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว ตามคำปฎิญาณพิธีทางศาสนา ดังที่บรรพชนของเราได้กำหนดเอาไว้เมื่อเกือบสองศตวรรษที่ผ่านมา

ปีแล้วที่ผ่านเข้ามาและปีเล่าที่ผ่านออกไป การยินดีกับความหวัง กับความอดทนในความยากลำบาก เป็นการดิ้นรนต่อสู้กับศัตรูสามัญที่เป็นมนุษย์ การกดขี่ข่มเหง ความยากจน โรคภัย และกับตัวของสงครามเอง

จากประวัติศาสตร์อันยาวนานของโลก มีเพียงไม่กี่ยุคสมัยเท่านั้น ที่ได้รับมอบหมายซึ่งบทบาทของการปกป้องเสรีภาพในห้วงเวลาอันตรายสูงสุด ข้าพเจ้าไม่ล่าถอยจากความรับผิดชอบนี้ ข้าพเจ้าขอต้อนรับมัน ข้าฯ ไม่เชื่อว่าผู้หนึ่งผู้ใดของพวกเรานี้จะขอแลกเปลี่ยนสถานะต่างๆ กับบุคคลอื่นใดหรือกับชนในยุคอื่น

พละกำลัง ความเชื่อมั่น การเสียสละ ซึ่งเรานำมาสู่ความเพียรพยายามนี้จะส่องแสงสว่างต่อประเทศของเรา รวมทั้งผู้คนที่รับใช้อยู่ทั้งหมดและรัศมีจากดวงไฟนั้นสามารถส่องสว่างให้กับโลกนี้ได้อย่างแท้จริง

และดังนั้น พี่น้องประชาชนชาวอเมริกันของข้าพเจ้า อย่าถามว่าประเทศชาติสามารถทำสิ่งใดเพื่อท่าน ขอให้ถามว่าตัวท่านสามารถทำสิ่งใดเพื่อประเทศชาติของท่านเถิด

พี่น้องประชาชนชาวโลกของข้าพเจ้า อย่าได้ ถามถึงสิ่งที่อเมริกาจะทำเพื่อท่าน แต่ถามถึงสิ่งที่เราสามารถทำร่วมกันเพื่อเสรีภาพของมวลมนุษย์

สุดท้ายนี้ ไม่ว่าท่านคือประชาชนชาวอเมริกันหรือว่าเป็นประชากรของโลก จงถามพวกเราถึงมาตรฐานระดับสูงของพละกำลังและการเสียสละ ซึ่งเราเองก็เรียกหาจากท่าน กับสำนึกที่ดีอันเป็นรางวัลเดียวที่วางใจได้ของเรา กับประวัติศาสตร์อันเป็นผลตัดสินการกระทำของเรา ขอให้เรามุ่งหน้านำพาแผ่นดินที่เรารัก วิงวอนขอคำอวยพรและการช่วยเหลือจากพระองค์ แต่ขอให้รู้ไว้ว่า ณ ที่นี่ ในโลกนี้

งานของพระผู้เป็นเจ้าต้องเป็นงานของเราอย่างแท้จริง (สุนทรพจน์ท็อปเท็น : วาริน รุ่งจตุรภัทร)

แล้วคุณหล่ะครับ คำพูดของคุณกำลังสร้างคุณหรือฆ่าคุณอยู่

Add a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *